fbpx
วิกิพีเดีย

กบฏบวรเดช

กบฏบวรเดช เป็นการกบฏด้วยกำลังเพื่อล้มล้างรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา การกบฏเริ่มขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยหลังการการปฏิวัติสยาม สาเหตุเกิดมาจากความผิดหวังตำแหน่งทางการเมืองของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และมีความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่ากับระบอบใหม่เข้ามาสมทบ

กบฏบวรเดช

บน: สถานีรถไฟดอนเมืองและกรมอากาศยาน
กลางขวา: ทหารรัฐบาลตั้งแนวยิงปืนใหญ่บนถนนประดิพัทธ์
ล่างขวา: รถไฟขนอาวุธหนักของฝ่ายรัฐบาล
ซ้าย: ช่องเขาขาด จุดที่พระยาศรีสิทธิสงครามเสียชีวิต
วันที่ 11-24 ตุลาคม พ.ศ. 2476 (87 ปีที่แล้ว)
สถานที่ จังหวัดพระนคร จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดราชบุรี
ผลลัพธ์ รัฐบาลชนะอย่างเด็ดขาด
คู่ขัดแย้ง
รัฐบาลคณะราษฎร คณะกู้บ้านกู้เมือง
ผู้บัญชาการหรือผู้นำ
พันโท หลวงพิบูลสงคราม
พันตรี หลวงอำนวยสงคราม 
พันเอก พระสิทธิเรืองเดชพล
พันโท พระประจนปัจจานึก
พันโท หลวงกาจสงคราม
พันตรี หลวงวีระโยธา
พันตรี หลวงพรหมโยธี
พันตรี หลวงชำนาญยุทธศาสตร์
นาวาตรี หลวงศุภชลาศัย
พลเอก พระองค์เจ้าบวรเดช
พันเอก พระยาศรีสิทธิสงคราม 
พลตรี พระยาเสนาสงคราม
พลตรี พระยาจินดาจักรรัตน์
พลตรี พระยาทรงอักษร
พันเอก พระยาเทพสงคราม
พันเอก พระยาฤทธิรงค์รณเฉท
พันเอก พระยาศรีสรศักดิ์
พันเอก พระยาไชเยนทร์ฤทธิรงค์
พันเอก พระยาสรพันธ์เสนี
พันโท พระปัจจนึกพินาศ
พันโท หลวงพลหาญสงคราม
กำลังพลสูญเสีย
เสียชีวิต 17 นาย ประหารชีวิต 6 นาย
จำคุกตลอดชีวิต 244 นาย

อนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่บริเวณหลักสี่ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ที่เรียกกันว่า "อนุสาวรีย์หลักสี่" นั้น ชื่อจริงคือ "อนุสาวรีย์ปราบกบฏ" หรือ "อนุสาวรีย์พิทักษ์ธรรมนูญ" ซึ่งรัฐบาลในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดช

เบื้องหลัง

ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช เป็นเจ้านายผู้กล่าวโจมตีระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 พระองค์มีความชิงชังต่อการปกครองของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่แต่งตั้งคนสอพลอเข้ามาไว้ราชสำนักมากมาย พระองค์เจ้าบวรเดชเคยวางแผนยึดอำนาจจากพระมงกุฎเกล้า แล้วจะทูลเชิญเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ เจ้านายผู้มากบารมีและมีความเด็ดขาดขึ้นเป็นกษัตริย์แทน แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเสด็จสวรรคตเสียก่อน เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ไม่รับตำแหน่งกษัตริย์ เจ้าฟ้าประชาธิปกจึงได้เสวยราชย์

พระองค์เจ้าบวรเดชเป็นทหารมีความสามารถและมีอุปนิสัยแข็งกร้าว และรู้กันดีว่าทรงเป็นผู้นิยมระบอบทหาร จึงเป็นที่เกรงใจของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าซึ่งเคยเป็นทหารรุ่นน้องอย่างมาก พระองค์เจ้าบวรเดชได้เป็นเสนาบดีกลาโหมในรัชกาลใหม่ ถึงกระนั้นก็ยังมีความขัดแย้งกับระบอบการปกครอง พระองค์เจ้าบวรเดชต้องการขึ้นเงินเดือนทหารแต่แพ้มติในที่ประชุมสภาเสนาบดี พระองค์จึงลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม

เมื่อลาออกจากราชการแล้ว พระองค์เจ้าบวรเดชพยายามยุให้อดีตลูกน้องในบัญชาให้ยึดอำนาจการปกครอง ทรงเรียกพันเอกพระยาพหลพลหยุหเสนาและพันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามมาถามความเห็นเรื่องระบอบการปกครอง ทั้งคู่ต่างลงความเห็นว่าระบอบปัจจุบันไม่เหมาะแก่ยุคสมัย ควรจะเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตย แต่ทั้งคู่มีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องของวิธีการที่จะใช้เปลี่ยนแปลงการปกครอง

หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

 
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกลาโหม ผู้นำการกบฏ

เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จ พันเอกพระยาพหลฯเสนอชื่อพระองค์เจ้าบวรเดชในที่ประชุมคณะราษฎรเพื่อเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมคัดค้านด้วยเห็นว่าพระองค์เจ้าบวรเดชมีอุปนิสัยเป็นเผด็จการและยังเป็นเจ้า ที่ประชุมจึงปักตก หลวงประดิษฐ์มนูธรรมเสนอชื่อพระยามโนปกรณนิติธาดาเป็นประธานกรรมการราษฎร (เทียบเท่านายกรัฐมนตรี) ตั้งแต่นั้นมาพระองค์เจ้าบวรเดชจึงผิดใจกับพระยาพหลฯ และเกลียดชังหลวงประดิษฐ์มนูธรรม

ทางด้านพระยาศรีสิทธิสงครามก็ถูกเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาลคณะราษฎร แต่พระยาศรีสิทธิฯปฏิเสธเพราะไม่พอใจที่คณะราษฎรใช้วิธีการรุนแรงเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระยาทรงสุรเดชไม่พอใจที่พระยาศรีสิทธิฯทำตัวเหินห่างกับคณะราษฎร จึงสั่งย้ายพระยาศรีสิทธิฯไปอยู่กระทรวงธรรมการ นัยว่าเป็นการลงโทษทางอ้อม

เมื่อพระยามโนปกรณนิติธาดาได้เป็นประธานกรรมการราษฎร ก็เกิดความขัดแย้งกับส่วนใหญ่ของคณะราษฎร หลวงประดิษฐ์มนูธรรมเสนอแผนเค้าโครงเศรษฐกิจที่เรียกว่า "สมุดปกเหลือง" ซึ่งจะทำให้ราษฎรทุกคนมีงานทำ ชาวนามีบำนาญเช่นเดียวกับข้าราชการ พระยามโนปกรณฯมองว่าคณะราษฎรคิดก้าวหน้าเกินไป และโจมตีหลวงประดิษฐ์มนูธรรมอย่างรุนแรงว่าเป็นคอมมิวนิสต์ พระยามโนปกรณฯประกาศยุบสภา ออกพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์และใช้เล่นงานหลวงประดิษฐ์มนูธรรมจนต้องออกไปอยู่ต่างประเทศ คณะราษฎรสายหลวงประดิษฐ์มนูธรรมจึงหมดอำนาจการเมือง ฝ่ายเจ้าเริ่มมีอำนาจเพิ่มขึ้นและยุยงให้พระยามโนปกรณฯแยกตัวจากคณะราษฎร

มีเหตุให้พระยาพหลฯโกรธพระยาทรงสุรเดชถึงขั้นจะใช้มีดทำกับข้าวไล่ฟัน พระยาทรงสุรเดชหลบออกมาหาพระยาฤทธิ์อัคเนย์และพระประศาสน์พิทยายุทธบอกว่า "ไอ่พจน์มันกลัดมันเป็นบ้า อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว" ทั้งสามยื่นใบลาออกจากตำแหน่งราชการทั้งหมดเมื่อ 10 มิถุนายน 2476 อ้างว่าสุขภาพไม่อำนวย ส่งผลให้พระยาพหลฯต้องลาออกจากผู้บัญชาการทหารบกด้วยเพื่อรักษามารยาท ตำแหน่งทหารที่เคยเป็นของสี่เสือคณะราษฎรจึงว่างลงทั้งหมด กลุ่มเจ้าเห็นเป็นโอกาสที่จะส่งคนของตนขึ้นแทน ในวันที่ 18 มิถุนายน มีพระบรมราชานุญาติให้สี่เสือออกจากตำแหน่งโดยมีผลในวันที่ 24 มิถุนายน พลตรีพระยาพิชัยสงครามจะได้เป็นผู้บัญชาการทหารบก พันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามจะได้เป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก พันโทหลวงพิบูลสงครามจะได้เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

 
พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม รองแม่ทัพกบฏ

มีรายงานลับมาถึงหลวงพิบูลสงครามว่า พระยาศรีสิทธิสงครามเตรียมโยกย้ายนายทหารสายคณะราษฎรออกจากตำแหน่งคุมกำลังทั้งหมด ทำให้ในวันที่ 20 มิถุนายน พระยาพหลฯ หลวงพิบูลฯ และหลวงศุภชลาศัย ชิงก่อรัฐประหารล้มรัฐบาลพระยามโนปกรณนิติธาดาโดยใช้การที่พระยามโนปกรณฯปิดสภามาเป็นข้ออ้างต่อสาธารณชน พันโทประยูรถามว่าทำไมทำเช่นนี้ หลวงพิบูลสงครามตอบพันโทประยูรว่า "ประยูร จำเป็นต้องทำ ไม่มีทางเลี่ยง เพราะเจ้าคุณศรีสิทธิสงครามเล่นไม่ซื่อหักหลัง เตรียมสั่งย้ายนายทหารผู้กุมกำลังทั้งกองทัพ พวกก่อการจะถูกตัดตีนมือและถูกฆ่าตายในที่สุด" ประยูรระบุว่าหลังจากนั้นพระยาศรีสิทธิฯ "หน้าเหี้ยมเกรียม ตาแดงก่ำเป็นสายเลือด นั่งกัดกรามพูดว่าหลวงพิบูลสงครามเล่นสกปรก..."

เหตุแห่งกบฏ

รัฐบาลคณะราษฎรไม่ได้ไว้วางใจในตัวพระองค์เจ้าบวรเดชผู้มีอิทธิพลในสายทหารบกมากเท่าไหร่ รัฐบาลชอบส่งสายไปแย้มพรายให้พระองค์วางตัวอยู่เฉยๆ แล้วจะทรงได้ดิบได้ดีเองในภายหลัง พระองค์เจ้าบวรเดชก็ทราบดีว่าตัวเองตกอยู่ในฐานะไม่เป็นที่ไว้วางใจ ความไม่พอใจเหล่านี้ทับถมอยู่ในใจของพระองค์เจ้าบวรเดชเรื่อยมา

เมื่อพระยาพหลพลพยุหเสนาได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็เชิญหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกลับประเทศ เมื่อตั้งกรรมการสอบสวนซึ่งประกอบด้วยชาวต่างชาติแล้วพบว่าหลวงประดิษฐ์มนูธรรมไม่มีความคิดเป็นคอมมิวนิสต์ หลวงประดิษฐ์มนูธรรมจึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลของพระยาพหลฯ พระองค์เจ้าบวรเดชและพวกเจ้ารับไม่ได้ที่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมจะกลับมาเป็นรัฐมนตรี มองว่าหลวงประดิษฐ์มนูธรรมจะดำเนินนโยบายที่สร้างความเดือดร้อนต่อเชื้อพระวงศ์และขุนนางเก่า จึงกล่าวโจมตีว่ารัฐบาลเอาคอมมิวนิสต์มาเป็นรัฐมนตรี พันโทหลวงพิบูลสงครามและนาวาตรีหลวงศุภชลาศัยจึงส่งจดหมายมาปรามพระองค์ความว่า:

บัดนี้ปรากฏข่าวตามทางสืบสวนว่าท่านได้มีการประชุมและคิดอยู่เสมอในอันที่จะให้เกิดความไม่สงบแก่บ้านเมือง และทำให้รัฐบาลเป็นกังวล ซึ่งเป็นเหตุให้การบริหารบ้านเมืองไม่ก้าวหน้าไปเท่าที่ควรจะเป็น ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงขอเตือนให้ท่านสงบจิตเสีย หากท่านยังขืนจุ้นจ้านอีก คณะก็ตกลงจะกระทำการอย่างรุนแรง และจะถือเอาความสงบของบ้านเมืองเท่านั้นเป็นกฎหมายอันสูงสุดในการกระทำแก่ท่าน ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่การขู่เข็ญ แต่เป็นการเตือนมาเพื่อความหวังดี

เมื่อพระองค์เจ้าบวรเดชทรงได้รับจดหมายเช่นนี้ พระองค์ทรงตรัสกับนายทหารที่บ้านว่า "ฉันก็ตั้งใจจะเป็นพลเมืองที่สงบ แต่เขาไม่ให้สงบ" หนังสือทำนองคล้ายกันนี้ยังถูกส่งถึงบุคคลอื่นๆอีกหลายคน อาทิ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรปการ, พระองค์เจ้าทศศิริวงศ์, หม่อมเจ้าไขแสงรพี รพีพัฒน์, หม่อมเจ้าโสภณภราไดย สวัสดิวัตน์, พลตำรวจโทพระยาอธิกรณ์ประกาศ, พันโทประยูร ภมรมนตรี เป็นต้น

เห็นได้ชัดว่าการก่อการกบฏของพระองค์เจ้าบวรเดชในครั้งนี้ เกิดจากความมุ่งหวังอำนาจทางการเมืองมากกว่าอย่างอื่น นับตั้งแต่สมัยที่ทรงลาออกจากเสนาบดีกลาโหมก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว เมื่อทรงพลาดพลั้งจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทรงมุ่งหวัง การถูกกีดกันจากอำนาจทางการเมือง เป็นเหตุที่กระตุ้นให้พระองค์ก่อการยึดอำนาจจากคณะราษฎร

การเตรียมการของทัพกบฏ

คณะผู้ก่อการเริ่มชักชวนหาพรรคพวกทั้งในหมู่ทหารนอกและในประจำการ การประชุมของคณะผู้ก่อการครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2476 โดยมีพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม พันโทหลวงพลหาญสงคราม และร้อยโทจงกล ไกรฤกษ์ ที่ร้านอาหารบนถนนราชวงศ์ การประชุมครั้งที่สองเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมที่บ้านหลวงพลหาญสงคราม เป็นการประชุมระหว่างผู้แทนทหารหัวเมืองต่างๆ การประชุมครั้งที่สามเกิดขึ้นในต้นเดือนตุลาคมที่บ้านพันเอกพระยาไชเยนทร์ฤทธิรงค์ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งที่ประชุมตกลงให้ใช้ชื่อแผนว่า "แผนล้อมกวาง" และตกลงใช้เมืองโคราชเป็นกองบัญชาการใหญ่ เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่มีอาวุธและกำลังพลมากกว่าหัวเมืองอื่น

ในช่วงวางแผนการ กรมขุนชัยนาทนเรนทร, หม่อมเจ้าวงศ์นิรชร เทวกุล และพระองค์เจ้าบวรเดช ลงไปเข้าเฝ้าในหลวงที่วังไกลกังวล พระองค์เจ้าบวรเดชอาสาเป็นผู้นำ "กองทัพสีน้ำเงิน" และได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจะเปลี่ยนแปลงใหม่ ในหลวงคัดค้านหนัก พระองค์เจ้าบวรเดชโกรธในหลวงและกลับมาพูดกับนายทหารคนอื่นว่า "ถ้าท่านไม่เล่นกับเราเราก็หาคนใหม่!" อย่างไรก็ตาม ต่อมามีเช็คสั่งจ่ายของพระคลังข้างที่ให้แก่พระองค์เจ้าบวรเดชเป็นจำนวน 200,000 บาทสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือของกรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ หลังจากนั้น หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิ์วงศ์ สวัสดิกุล ราชเลขานุการก็เป็นผู้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำกองทัพสีน้ำเงิน นอกจากนี้ พระองค์เจ้าบวรเดชยังได้เงินจากมหามกุฏราชวิทยาลัยอีก 200,000 บาท เนื่องจากพระยาเสนาสงคราม แม่ทัพกบฎฝ่ายนครสวรรค์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์

การเตรียมการของฝ่ายรัฐบาล

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พันเอกพระยาทรงสุรเดช มันสมองด้านทหารของคณะราษฎร มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะเกิดการต่อต้านด้วยกำลังจากฝ่ายตรงข้ามขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว จึงได้สั่งให้กองทัพหัวเมืองทั้งหมดส่งอาวุธส่วนใหญ่เข้ามาที่กรุงเทพโดยอ้างว่าจะส่งอาวุธที่ใหม่กว่าไปให้ ทำให้ทหารหัวเมืองตกอยู่ในสภาพขาดแคลนอาวุธ

ฝ่ายรัฐบาลก็ได้รู้ล่วงหน้าถึงการกบฏครั้งนี้ถึง 2 วัน เมื่อ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีได้ไปตรวจเยี่ยมมณฑลทหารราชบุรี มีนักบินชื่อเรืออากาศโทขุนไสวมัณยากาศ บังคับเครื่องบินลงจอดที่สนามและได้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่ พลตรีพระยาสุรพันธเสนี สมุหเทศาภิบาลมณฑล แล้วแจ้งว่าเป็นสาสน์จากพระองค์เจ้าบวรเดช พระยาพหลพลพยุหเสนาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าก็เดาออกทันทีว่าเป็นสาสน์ที่ส่งมาเพื่อเชิญชวนให้ก่อการกบฏ จึงรีบเดินทางกลับจังหวัดพระนครในวันรุ่งขึ้นเพื่อดำเนินการต่อต้านทันที

แผนลอบสังหารที่วังปารุสก์

นอกจากการใช้กำลังทหารเข้าล้มล้างอำนาจของรัฐบาลแล้ว ฝ่ายกบฏยังวางแผนเข้าสังหารบุคคลสำคัญของคณะราษฎรซึ่งพักอยู่ในวังปารุสกวันอีกด้วย เพื่อให้รัฐบาลเกิดภาวะสุญญาก่อนที่คณะกู้บ้านเมืองจะยกทัพลงมาถึงกรุงเทพ แผนสังหารผู้นำรัฐบาลในกรุงเทพถูกดำเนินการจัดแจงโดยนายพโยม โรจนวิภาต สายลับฝ่ายราชสำนักในพระนคร เขาได้รับโทรเลขเป็นรหัสลับจากนครราชสีมาในวันที่ 9 ตุลาคมความว่า คณะกู้บ้านเมืองจะยกทัพออกจากนครราชสีมาในวันที่ 10 ตุลาคม และจะเดินทางถึงกรุงเทพวันที่ 11 ตุลาคม

นายพโยมติดต่อกับนายพันตรีทหารม้าคนหนึ่งซึ่งมีบรรดาศักดิ์ขุน นายพันตรีได้ว่าจ้างยอดมือปืนจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพเพื่อมากำจัดบุคคลสำคัญคนหนึ่ง โดยวางแผนให้มือปืนลอบเข้าไปเข้าดักรอบริเวณหน้าห้องนอนในวังปารุสก์ เมื่อเสียงสัญญาณของกองทัพหัวเมืองที่ยกมาถึงกรุงเทพดังขึ้น พันโทหลวงพิบูลสงครามจะพรวดพราดออกมาจากห้องนอนและถูกกำจัดทิ้ง ในการนี้ นายพันตรีได้ว่างจ้างมือปืนอีกชุดเพื่อดักรอเก็บมือปืนชุดแรกเพื่อปิดปาก อย่างไรก็ตาม พวกเขารอจนเช้าก็ไม่มีวี่แววของคณะกู้บ้านเมือง จนทราบภายหลังว่า คณะกู้บ้านเมืองเลื่อนแผนการออกไปหนึ่งวัน โดยจะเดินทางถึงกรุงเทพในวันที่ 12 ตุลาคม

เหตุการณ์กบฏ

 
แผนที่แสดงกองกำลังทหารทั้งสองฝ่าย สีแดงคือกองกำลังกบฏ

11 ตุลาคม "กบฏยึดทุ่งดอนเมือง"

11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 เพียงสิบวันหลังหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเดินทางกลับประเทศสยาม พระองค์เจ้าบวรเดชได้นำกำลังเข้าแจ้งต่อข้าราชการหัวเมืองว่า รัฐบาลคณะราษฎรจะเอาระบอบคอมมิวนิสต์มาใช้และจะไม่มีกษัตริย์จึงต้องนำทหารเข้าไปปราบปราม อย่าได้ทำการขัดขวาง พระองค์เจ้าบวรเดชเป็นผู้นำกองกำลังกบฏที่ชื่อว่า คณะกู้บ้านเมือง ซึ่งประกอบด้วยทหารโคราช (กองพันทหารราบที่ 15, กองพันทหารราบที่ 16, กองพันทหารม้าที่ 4, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 3 และ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 4) ทหารเพชรบุรี (กองพันทหารราบที่ 14), ทหารอุบลราชธานี (กองพันทหารราบที่ 18)

พันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามนำกำลัง 2 กองพันทหารช่างจากสระบุรีเป็นทัพหน้าลงมายึดทุ่งดอนเมือง โดยมีกองทหารม้าของร้อยเอกหลวงโหมรอนราญตามลงมาสมทบ และเข้ายึดกรมอากาศยานที่ดอนเมืองเป็นกองบัญชาการ พระยาศรีสิทธิสงครามส่งกองหน้ามายึดสถานีรถไฟหลักสี่ และส่งนาวาเอกพระยาแสงสิทธิการถือหนังสือถึงพระยาพหลฯความว่า "คณะรัฐมนตรีปล่อยให้คนดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเอาหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกลับมาเพื่อดำเนินการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ จึงขอให้คณะรัฐบาลถวายบังคมลาออกภายในหนึ่งชั่วโมง มิเช่นนั้นจะใช้กำลังบังคับและจะเข้ายึดการปกครองชั่วคราว"

คณะรัฐบาลประชุมกันที่วังปารุสก์แล้วก็ลงความเห็นว่าเหตุผลของฝ่ายกบฏฟังไม่ขึ้น และสมควรปราบปราม เวลาค่ำ นายกรัฐมนตรีออกประกาศไปยังทั่วประเทศว่า พระองค์เจ้าบวรเดช พระยาศรีสิทธิสงคราม พระยาเทพสงคราม เป็นกบฏต่อแผ่นดิน พยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตยขอเลิกรัฐธรรมนูญ และสถาปนาระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ดังเดิม "ในพระนครเหตุการณ์เรียบร้อย อย่าฟังคำสั่งผู้ใดทั้งสิ้นนอกจากข้าพเจ้า พระยาพหลพลพยุหเสนาฯ"

12 ตุลาคม "กรุงเทพตอบโต้"

เมื่อรัฐบาลทราบว่าทุ่งดอนเมืองโดนทหารกบฏยึดเป็นที่แน่ชัดแล้ว จึงประกาศกฎอัยการศึกในวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2476 ในพื้นที่จังหวัดใหญ่ทหารบกพระนคร ในวันเดียวกัน รัฐบาลประกาศแก้กฎอัยการศึกขยายพื้นที่บังคับใช้เป็นทั่วมณฑลพระนครกับมณฑลอยุธยา พันเอกพระยาทรงสุรเดชปฏิเสธที่จะเป็นผู้บังคับกองผสม พันโทหลวงพิบูลสงครามจึงรับอาสาเป็นผู้บังคับกองผสมปราบกบฏแทน

ในวันเดียวกัน เมื่อชาวพระนครทราบข่าวว่าการกบฏจากทหารหัวเมือง พลเมืองที่เชื่อมั่นในระบอบใหม่ได้ออกมาชุมนุมกันช่วยเหลืองานฝ่ายรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ทหารกองหนุนจำนวนมากเข้ามารายงานตัวกับรัฐบาล ทั้งที่ยังไม่มีหมายเรียกระดมพลทหารกองหนุนแต่ประการใด

พันโทหลวงพิบูลสงครามนำกองผสมซึ่งประกอบด้วย 3 กองพันทหารราบ และ 1 กองพันทหารปืนใหญ่ เคลื่อนขบวนทัพจากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังลานสินค้าของบริษัทปูนซีเมนต์สยามที่สถานีรถไฟบางซื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟบางเขนไปประมาณ 5 กิโลเมตรเศษ จากนั้นจึงเอาปืนใหญ่ภูเขาแบบ 63 ขนาดลำกล้อง 75 มม. ระยะยิงไกล 6 กิโลเมตร มาตั้งเรียงแถวหน้ากระดานอยู่บนถนนประดิพัทธิ์ ก่อนจะเริ่มระดมยิงใส่ทหารกบฏในเวลาราว 14 นาฬิกา ยิงได้ 40 นัดพบว่ากระสุนลงทุ่งน้ำหมดจึงหยุดยิง กองทหารกบฏของหลวงโหมรอนราญจึงเดินลุยน้ำเคลื่อนลงมายึดสถานีรถไฟบางเขนไว้ได้

13 ตุลาคม "กบฏอ่อนกำลัง"

ฝ่ายรัฐบาลส่งพันตรีหลวงเสรีเริงฤทธิ์เป็นตัวแทนมาเจรจาให้ฝ่ายกบฏเลิกราไปเสียและจะขอพระราชทานอภัยโทษให้ แต่ทางฝ่ายกบฏกลับจับกุมหลวงเสรีเริงฤทธิ์ไปขังไว้ที่อยุธยา ในเวลา 12 นาฬิกา ฝ่ายกบฏส่งนาวาอากาศเอกพระยาเวหาสยานศิลปสิทธิ์, นาวาอากาศโทพระยาเทเวศวรอำนวยฤทธิ์ และเรือเอกเสนาะ รักธรรม เป็นคนกลางถือหนังสือของพระองค์เจ้าบวรเดชมาเจรจากับรัฐบาล โดยยืนเงื่อนไขทั้งหมด 6 ข้อ:

  1. ต้องจัดการในทุกทางที่จะอำนวยผลให้ประเทศสยามมีพระมหากษัตริย์ปกครองประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วกัลปาวสาน
  2. ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญโดยแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การตั้งและถอดถอนคณะรัฐบาลต้องเป็นไปตามเสียงของหมู่มาก
  3. ข้าราชการซึ่งอยู่ในตำแหน่งประจำการทั้งหลายและพลเรือนต้องอยู่นอกการเมือง ตำแหน่งฝ่ายทหารตั้งแต่ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือลงไปต้องไม่มีหน้าที่ทางการเมือง
  4. การแต่งตั้งบุคคลในตำแหน่งราชการ จักต้องถือคุณวุฒิและความสามารถเป็นหลัก ไม่ถือเอาความเกี่ยวข้องในทางการเมืองเป็นความชอบหรือเป็นข้อรังเกียจในการบรรจุเลื่อนตำแหน่ง
  5. การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรประเภทที่ 2 ต้องถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือก
  6. การปกครองกองทัพบกจักต้องให้มีหน่วยผสมตามหลักยุทธวิธี เฉลี่ยอาวุธสำคัญแยกกันไปประจำตามท้องถิ่น มิให้รวมกำลังไว้เฉพาะแห่งใดแห่งหนึ่ง

ฝ่ายรัฐบาลยืนกรานไม่ยินยอมตามคำขาดดังกล่าว ทำให้การสู้รบดำเนินต่อไป ขณะเดียวกัน ที่แนวหน้าของทหารกบฏที่บางเขนเริ่มเกิดความขัดสน ทหารของร้อยเอกหลวงโหมรอนราญไม่ได้รับเสบียงและกระสุนมาหนึ่งวันเต็ม ขณะนั้นเป็นฤดูน้ำหลาก เนื่องจากสองข้างทางรถไฟถูกน้ำท่วมหมดทำให้การขนส่งกำลังบำรุงมาแนวหน้าของฝ่ายกบฏต้องอาศัยเรือพายเท่านั้น หลวงโหมรอนราญจึงเดินเท้าตามทางรถไฟย้อนขึ้นไปยังกองบัญชาการที่ดอนเมืองเพื่อขอเสบียง เมื่อเข้าไปในกองบัญชาการก็พบนายทหารชั้นผู้ใหญ่ตั้งวงดื่มสุราและเล่นบิลเลียดอยู่

14 ตุลาคม "รัฐบาลรุกไล่"

14 ตุลาคม ทหารฝ่ายรัฐบาลได้เคลื่อนกำลังรุกคืบเข้ามาปะทะทหารฝ่ายกบฏที่ยึดสถานีรถไฟบางเขน โดยใช้หัวรถจักรหุ้มเกราะดันหลังรถข.ต.บรรทุกรถถังเคลื่อนที่เข้าหาพร้อมกันทั้ง 2 ราง นอกจากนี้แล้วยังมีเหล่าทหารราบอยู่ในรถพ่วงคันหลังอีกจำนวนหนึ่ง ผลจากการปะทะในช่วงเช้าส่งผลให้ฝ่ายรัฐบาลสูญเสียพันตรีหลวงอำนวยสงคราม ผู้บังคับกองพันที่มีความสำคัญมากไป หลวงพิบูลสงครามจึงรีบแก้สถานการณ์ที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำทันที โดยสั่งการให้ไปนำรถสายพานติดตั้งปืนใหญ่ต่อสู้อากาศ QF 2-pounder จากประเทศอังกฤษ ที่เพิ่งผ่านการตรวจรับมาแล้วจำนวน 2 คันมาเข้าสู่สนามรบจริงทันที

อำนาจการยิงของปืนกลต่อต้านอากาศยานขนาด 40 มม. อัตรายิง 115 นัดต่อนาที เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก กระสุนปืนทำให้รังปืนกลของฝ่ายกบฏเกิดรูขนาดใหญ่ รวมทั้งปืนก็ยิงได้เร็วและรุนแรงต่อเนื่อง ทหารกบฏทั้งหมดไม่เคยเจออาวุธทันสมัยแบบนี้มาก่อน จึงพากันหนีตายทิ้งที่มั่นวิ่งหนีเอาตัวรอดกลับไปยังหลักสี่ ทหารราบจากฝ่ายรัฐบาลจึงสามารถเข้ายืดพื้นที่ทุ่งบางเขนไว้ได้โดยละม่อม

ขบวนรถไฟฝ่ายกบฏของพันตรีหลวงพลเดชวิสัย กองพันทหารราบที่ 17 อุบลราชธานี เดินทางมาถึงดอนเมืองในช่วงค่ำ ได้ข่าวว่าสถานการณ์ฝ่ายกบฎกำลังเพลี่ยงพล้ำจึงไม่ยอมจอดขบวนรถไฟที่สถานีดอนเมือง ให้ขบวนรถไฟขับเลยสถานีดอนเมืองไปประมาณสามกิโลเมตรแล้วใส่เกียร์ถอยหลังกลับไปที่เมืองโคราช ระหว่างทางได้แวะรื้อทางรถไฟแถวปากช่องออกเพื่อทำคุณไถ่โทษ

15–24 ตุลาคม "กบฏแตกพ่าย"

15 ตุลาคม ฝ่ายรัฐบาลได้หนุนกำลังพร้อมอาวุธหนักนำขึ้นรถไฟ มีทั้งรถเกราะและปืนกล รุกไล่ฝ่ายปฏิวัติจนเกือบประชิดแนวหน้าฝ่ายกบฏที่สถานีหลักสี่ นอกจากนี้ ฝ่ายกบฏขาดกำลังเสริมมาสมทบ เพราะทหารเพชรบุรีที่ร่วมก่อการถูกหน่วยทหารราชบุรีตรึงกำลังไว้ ทหารจากนครสวรรค์และพิษณุโลกก็ถูกขัดขวางจากหน่วยทหารลพบุรีและหน่วยทหารปราจีนบุรี พระองค์เจ้าบวรเดชเห็นว่าสู้ฝ่ายรัฐบาลไม่ได้แล้วจึงสั่งให้ถอนกำลังกลับไปตั้งรับโคราช และมอบหมายพันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นผู้บัญชาการรบหน่วยระวังหลัง ค่อยๆถอยร่อนจากหลักสี่มาดอนเมือง

16 ตุลาคม เวลาตีสาม ทหารกบฏเริ่มถอนกำลังออกจากดอนเมือง ส่วนหน้าทัพกบฏเดินทางถึงสถานีปากช่อง(กม.180)ในเวลาบ่ายโมง ก็ไปต่อไม่ได้เนื่องจากทางรถไฟขาดต้องใช้เวลาซ่อมแซม กองพันทหารราบที่ 4 ฝ่ายรัฐบาลเข้าควบคุมพื้นที่ดอนเมืองในเวลาบ่ายสอง นาวาตรีหลวงศุภชลาศัยคุมเรือสุริยมณฑลไปยึดเมืองอยุธยาไว้ได้ ส่วนทหารกบฎทางเพชรบุรีก็ถอยร่นกลับเข้าเมืองเพชรบุรียึดเป็นที่มั่นเอาไว้

17 ตุลาคม เวลาเช้ามืด กบฎคนสำคัญในโคราชตัวปล่อยตัวพันตำรวจเอกพระขจัดทารุณกรรม ผู้บังคับการตำรวจโคราชและพวกจากที่คุมขัง บอกให้รีบหนีไปก่อนที่ทัพกบฏจะมาถึงเมือง ผู้บังคับการตำรวจโคราชใช้โอกาสนี้นำกำลังเข้ายึดเมืองจากพวกกบฏทันทีอย่างง่ายดาย ต่อมาเวลาสิบนาฬิกา ชาวโคราชต่างตื่นตกใจเมื่อมีขบวนรถไฟบรรทุกทหารของพันตรีหลวงพลเดชวิสัยเคลื่อนเข้ามา พันตรีหลวงพลเดชวิสัยมอบตัวต่อพระขจัดทารุณกรรม อ้างว่าถูกหลอกให้ร่วมก่อการกบฏ ขณะนี้พวกกบฏกำลังถอยร่นมายังโคราช เมื่อผู้การตำรวจโคราชได้หารือกับหลวงพลเดชวิสัยแล้ว เห็นว่ากำลังที่มีอยู่คงจะต้านทานทัพกบฏไม่ไหว ควรถอนกำลังออกจากโคราชไปรวมกับกำลังใหญ่ฝ่ายรัฐบาลที่เมืองอุบล ส่วนทางด้านกรุงเทพ รัฐบาลส่งกองพันทหารราบที่ 6 ขึ้นมาสมทบกองพันทหารราบที่ 4 ที่ดอนเมือง และเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างทัพกบฏต่อไป ขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองของจังหวัดขอนแก่นได้รับทราบข่าวจากแถลงการณ์รัฐบาลว่าฝ่ายกบฏแตกพ่ายไปทางโคราช ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นจึงทำลายทางรถไฟเพื่อขัดขวางการลำเลียงทหารมาสู่ขอนแก่น

18 ตุลาคม ทหารรัฐบาลเข้ายึดสถานีชุมทางภาชี(กม.90)ในเวลาบ่ายสี่โมง พระองค์เจ้าบวรเดชถอยไปอยู่สระบุรี กองกำลังรักษาเมืองโคราชของพระขจัดทารุณกรรมและหลวงพลเดชวิสัยต้านทานกบฏไม่ไหวจริงตามคาด จึงถอนกำลังออกไปยังเมืองอุบล พระองค์เจ้าบวรเดชแค้นที่พันตรีหลวงพลเดชวิสัยทรยศ จึงให้พลตรีพระเสนาสงครามคุมกำลัง 400 นายไปยึดเมืองบุรีรัมย์เพื่อใช้ตีเมืองอุบลต่อไป

19 ตุลาคม ทหารรัฐบาลเข้ายึดสระบุรีไว้ได้ แนวหลังของทหารกบฏถอยไปรวมกันสถานีแก่งคอย(กม.125) ขบวนรถไฟของพระองค์เจ้าบวรเดชเดินทางถึงเมืองโคราช พระยาศรีสิทธิสงครามสั่งการหน่วยระวังหลังเร่งถอดรางรถไฟบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 141-144 ซึ่งเป็นช่วงทางโค้งและแคบใกล้กับสถานีหินลับ ให้ทหารตั้งรังปืนกลบนหน้าผาเป็นระยะ

20 ตุลาคม ทหารรัฐบาลเข้ายึดสถานีแก่งคอย(กม.125) ทหารรัฐบาลจากจังหวัดอุดรธานีเจ็ดสิบนายเดินทางมาถึงขอนแก่นและเคลื่อนกำลังพลไปรักษาสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำชี เพื่อไม่ให้ทหารกบฏเดินเท้าข้ามมายังเมืองขอนแก่นได้

21 ตุลาคม ทหารรัฐบาลรุกคืบได้ทีละเล็กน้อย แนวหลังของทหารกบฎถอยไปรวมกันที่ปากช่อง(กม.180) ทางพระองค์เจ้าบวรเดชเมื่อทราบว่าทหารขอนแก่นกับอุดรธานีเข้ากับฝ่ายรัฐบาล จึงส่งร้อยเอกหลวงโหมรอนราญนำกำลังไปยึดเมืองขอนแก่น

22 ตุลาคม ร้อยเอกหลวงโหมรอนราญถูกเรียกตัวกลับมานครราชสีมาเพราะมีข่าวว่ากองกำลังของรัฐบาลรุกคืบเข้ามาแล้ว หลวงโหมรอนราญเสนอให้ทหารยึดอำนาจจากข้าราชการฝ่ายพลเรือนในโคราช แต่พระองค์เจ้าบวรเดชดำริว่า "เวลานี้ใครๆ ก็แลเห็นว่าเราแพ้แล้วทั้งนั้น จะยึดอำนาจการปกครองบ้านเมืองเราก็ไม่มีนายทหารมากพอจะให้ไปควบคุม โทษผิดเท่านี้ก็พอแล้ว อย่าให้มากกว่านี้เลย" พระองค์เจ้าบวรเดชเริ่มวางแผนเสด็จลี้ภัยไปยังอินโดจีนของฝรั่งเศส นายทหารชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายกบฏก็วางแผนเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศตามความถนัด พระยาศรีสิทธิสงครามไม่ทราบความจริงจึงปักหลักที่ผาเสด็จต่อไป ในค่ำวันนั้น กองส่วนหน้าฝ่ายรัฐบาลเริ่มเคลื่อนพลถึงหลักกิโลเมตรที่ 140

23 ตุลาคม เกิดการสู้รบบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 141-144 ตลอดทั้งวัน เมื่อตกค่ำ หน่วยของว่าที่ร้อยตรีตุ๊ จารุเสถียร สามารถสังหารพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม

24 ตุลาคม พันโทหลวงพิบูลสงครามเดินทางถึงแก่งคอยในช่วงสายเพื่อรับฟังรายงาน

25 ตุลาคม พระองค์เจ้าบวรเดชและพระชายาทรงขึ้นเครื่องบินจากนครราชสีมาหนีไปยังเมืองไซ่ง่อน ทหารรัฐบาลเข้ายึดเมืองนครราชสีมาไว้ได้

พระบรมวงศ์เสด็จหนีไปชายแดน

 
ทหารช่างอยุธยาตกเป็นเชลยถูกควบคุมโดยทหารม้าฝ่ายรัฐบาล (สวมหมวกกะโล่) ถือปืนติดดาบปลายปืนอยู่แถวหลัง

16 ตุลาคม เครื่องบินฝ่ายกบฏบินมาทิ้งใบปลิวที่วังไกลกังวลเพื่อทูลว่าการยึดอำนาจล้มเหลว ในค่ำวันต่อมา เมื่อพระบาทสมเด็จประปกเกล้าฯทราบว่าทหารเพชรบุรียอมจำนนต่อรัฐบาลแล้ว และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมกำลังเดินทางลงมาเข้าเฝ้า ก็ทรงตื่นตระหนกรีบเสด็จลงเรือพระที่นั่งศรวรุณ ซึ่งเป็นเรือยนต์ลำเล็กอย่างกะทันหันพร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี, พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช, หม่อมเจ้าประสบศรี จิรประวัติ, หม่อมเจ้ากมลีสาณ ชุมพล, หม่อมเจ้าครรชิตพล อาภากร, หม่อมเจ้านนทิยาวัด สวัสดิวัตน์, หม่อมเจ้าเศรษฐพันธ์ จักรพันธุ์ พร้อมทหารรักษาวังอีก 6-7 นาย มุ่งหน้าจังหวัดสงขลา

เนื่องจากเรือไม่พอนั่ง หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิทและเจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ ต้องนำทหารรักษาวังบางส่วนขึ้นไปยึดขบวนรถไฟจากสถานีวังก์พงในช่วงบ่าย เจ้ากาวิละวงศ์เป็นพนักงานขับรถ ขบวนรถไฟพิเศษนี้ออกจากหัวหินเวลาตีหนึ่งของวันที่ 18 ตุลาคม มีผู้โดยสารประกอบด้วย: กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล, หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล, หม่อมเจ้าพิไลยเลขา ดิศกุล, กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์พร้อมพระธิดา, กรมหมื่นอนุวัตจาตุรนต์, หม่อมเจ้าศุภสวัสดิ์วงศ์สนิท สวัสดิวัตน์, พลโทพระยาวิชิตวุฒิไกร, พระยาอิศราธิราชเสวี และทหารรักษาวังสองกองร้อย

เมื่อนายเล้ง ศรีสมวงศ์ อธิบดีกรมรถไฟทราบข่าว จึงรีบส่งโทรเลขแจ้งสถานีรายทางล่วงหน้าว่า ทหารหลวงลักขบวนรถจักรออกจากวังก์พง ให้ทำการสกัดกั้น พนักงานกรมรถไฟจึงไปถอดรางรถไฟช่วงก่อนถึงสถานีประจวบคีรีขันธ์ ขบวนรถไฟพิเศษไปต่อไม่ได้ต้องหยุดระหว่างทาง ทหารหลวงต้องช่วยกันถอดรางที่วิ่งที่ผ่านมาแล้วมาต่อเพื่อให้รถไฟเดินต่อไปได้ เมื่อขบวนรถไฟมาถึงสถานีประจวบคีรีขันธ์ก็ถูกกักรถไม่ให้เดินทางต่อจนเกือบจะยิงกัน สมุหราชองครักษ์จึงโทรเลขไปยังรัฐมนตรีมหาดไทย พระยาอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์รีบนำความเข้าแจ้งนายกรัฐมนตรี พระยาพหลพลหยุหเสนาสั่งการอนุญาตให้รถไฟเดินได้ตลอดสายทาง

ทางด้านเรือพระที่นั่งศรวรุณน้ำมันหมดที่ชุมพร ต้องขึ้นฝั่งรอจนกระทั่งถึงเช้าวันที่ 19 ตุลาคม จึงได้พบกับได้พบกับเรือวลัยของบริษัทอิสต์เอเชียติก กัปตันเรือวลัยชาวเดนมาร์กเชิญคณะของในหลวงขึ้นเรือวลัยและพ่วงเรือพระที่นั่งศรวรุณไปยังสงขลา ตกเย็นวันเดียวกันนั้น ขบวนรถไฟก็ไปถึงสงขลา พระบรมวงศ์ส่วนหน้ารีบไปจัดแจงสถานที่ในพระตำหนักเขาน้อยเตรียมรับในหลวง เรือวลัยเดินทางมาถึงอ่าวสงขลาในเช้าวันถัดมา

ผลลัพธ์

 
อนุสาวรีย์ปราบกบฏ

25 ตุลาคม พระบาทสมเด็จประปกเกล้าฯมีพระราชกระแสจากพระตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา แนะนำให้รัฐบาลประกาศอภัยโทษให้แก่ผู้ร่วมก่อการจลาจลตลอดจนนายทหารและบุคคลที่ไม่ใช่หัวหน้าหรือคนสำคัญในการกระทำครั้งนี้เสียโดยเร็ว แต่ถูกแต่รัฐบาลปฏิเสธโดยอ้างหลักการที่ว่าจำต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเสียก่อน

29 ตุลาคม รัฐบาลจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการกบฏและจลาจล คำพิพากษาถือเป็นเด็ดขาดไม่มีอุทธรณ์ฎีกา มีผู้ถูกจับกุมกว่าหกร้อยคน มีการส่งฟ้อง 318 คน ใช้เวลาพิจารณาความนานนับปี พบว่ามีความผิดต้องโทษ 296 คน ในจำนวนนี้ต้องโทษประหารชีวิต 6 คน จำคุกตลอดชีวิต 244 คน อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าทรงปฏิเสธการลงพระนามให้ประหารชีวิตตามคำพิพากษา จึงนำตัวไปประหารไม่ได้

รัฐบาลได้จัดให้มีรัฐพิธีให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 17 คนคราวปราบกบฏบวรเดช ในการนี้ได้ทำหนังสือขอพระราชานุญาติใช้พื้นที่สนามหลวงในการประกอบพิธี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯปฏิเสธทันที ทรงรับสั่งให้ไปใช้สถานที่อื่น แต่รัฐบาลยังคงยืนกรานที่จะใช้พื้นที่สนามหลวง ทำให้พระองค์ยินยอมตามนั้น รัฐบาลจัดสร้างเมรุชั่วคราวสนามหลวง ซึ่งเดิมพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ทรงยินยอมให้ใช้พื้นที่ทุ่งพระเมรุนี้ แต่ทางคณะราษฎรยืนกรานที่จะสร้างเมรุชั่วคราวบนทุ่งพระเมรุ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าจึงต้องทรงยินยอม แต่ระบุถ้อยคำด้วยท่วงทำนองว่า "ทรงไม่ขัดข้อง แต่ขอให้เป็นที่เข้าใจว่า พระราชดำริในเรื่องนี้เป็นไปอีกอย่างหนึ่ง" นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดพิธีศพสามัญชนบนท้องสนามหลวง ซึ่งก่อนหน้านั้นจะใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำหรับเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

สามปีให้หลังในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2479 ได้มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์ปราบกบฏหรือ “อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ที่บริเวณหลักสี่ บางเขน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สู้รบ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดชเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่ปัจจุบันนิยมเรียกชื่อเพียงตามแหล่งที่ตั้งว่า “อนุสาวรีย์หลักสี่”

ภายหลังการสละราชสมบัติและเข้าสู่รัชกาลใหม่ รัฐบาลได้ทูลขอพระราชทานอภัยโทษจากประหารชีวิตเป็นจำคุกตลอดชีวิต และจากจำคุกตลอดชีวิตเป็นถูกเนรเทศไปเกาะตารุเตาในปีพ.ศ. 2482 ต่อมาได้มีการปล่อยตัวบรรดาผู้ได้รับโทษกรณีกบฏบวรเดชทั้งหมดออกจากเรือนจำพ.ศ. 2487 ซึ่งเป็นผลจากการนิรโทษกรรมโดยคณะรัฐมนตรีชุดพันตรีควง อภัยวงศ์

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. วิเทศกรณีย์ (นามแฝง). เหตุการณ์ทางการเมือง 43 ปีแห่งระบอบประชาธิปไตย. (พระนคร : รวมการพิมพ์, 2518) หน้า 379-380
  2. เกรียงศักดิ์ พิศนาคะ, โศกนาฎกรรมที่หินลับ (พระนคร : เกื้อกูลการพิมพ์, 2508) หน้า 44
  3. กรมโฆษณาการ, คำพิพากษาศาลพิเศษ พุทธศักราช 2482 เรื่องกบฏ (พระนคร, โรงพิมพ์พานิชศุภผล, 2482) หน้า 26
  4. หนังสือที่ระลึกในงานพิธีพระราชทานเพลิงร้อยโทจงกล ไกรฤกษ์. หน้า 35-40
  5. เสาวรักษ์ (นามแฝง), ตัวตายแต่ชื่อยัง, หน้า 99
  6. เพลิง ภูผา, 2541. กบฏเมืองสยาม
  7. เลื่อน ศราภัยวานิช, ฝันร้ายของข้าพเจ้า, หน้า 16-17
  8. กรมพระธรรมนูญทหารบก กระทรวงกลาโหม, บัญชีสำนวนคดีและคำพิพากษาศาลพิเศษคดีกบฎ, (พระองค์เจ้าบวรเดช) แฟ้มที่ 5, คดีดำที่ 7/2576
  9. เลื่อน ศราภัยวานิช, ฝันร้ายของข้าพเจ้า, หน้า 19
  10. เกียรติชัย พงษ์พาณิชย์, ปฏิวัติ 2475, (พระนคร : แพร่พิทยา, 2514) หน้า 167-168
  11. กรมพระธรรมนูญทหารบก. คำพิพากษาศาลพิเศษคดีแดงที่ 62, 63, 64, 78/2477 พระยานายกนรชนกับพวกรวม 12 คน จำเลย. แฟ้มที่ 2
  12. ม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน์, เมืองนิมิตร...., หน้า 335
  13. เพลิง ภูผา, 2557. กบฏสะท้านแผ่นดิน
  14. พูนพิสมัย ดิศกุล, หม่อมเจ้า. ๒๕๔๖ สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕. พิมพ์ครั้งที่ ๕. (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน), หน้า ๑๓๗-๑๔๘.
  15. ณัฐพล ใจจริง, 2556 : 22-27
  16. ศิลปวัฒนธรรม. “แผนหลั่งเลือดที่วังปารุสก์” ปฏิบัติการปลิดชีพผู้นำคณะราษฎรของ “คณะกู้บ้านเมือง” 25 มิถุนายน 2563
  17. กรมเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ 39/163 เรื่อง คำขอหรือคำขาดและคำแถลงการณ์หรือใบปลิวของพวกกบฏ.
  18. อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ อนุสรณ์ไทยรบไทย 28 สิงหาคม 2562
  19. ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดใหญ่ทหารบกกรุงเทพฯ
  20. ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศ แก้ไขกำหนดเขตต์ในประกาศกฎอัยการศึก ลงวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2476
  21. ศิลปวัฒนธรรม. บทบาทพลเมืองสยามปราบกบฏบวรเดช ลางาน 7 วันพิทักษ์รธน. ถึงรวมกันบู๊ไล่ทหารได้ 24 มิถุนายน 2563
  22. นิคม จารุมณี, 2519. หน้า 352-353
  23. ศิลปวัฒนธรรม. ปมกระสุนปริศนาปลิดชีพพระยาศรีสิทธิสงคราม ผู้สกัดการติดตามของรัฐบาลขณะกบฏบวรเดชหนี 25 มิถุนายน 2563
  24. ภูธร ภูมะธน. ๒๕๒๑. ศาลพิเศษ พ.ศ. ๒๔๗๖-พ.ศ. ๒๔๗๘ และ พ.ศ. ๒๔๘๑. วิทยานิพนธ์อักษรศาสตร์มหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, หน้า ๑๕๐.
  25. ประชาไท, ชาตรี ประกิตนนทการ : สถาปัตย์คณะราษฎร บนพื้นที่ศักดิ์สิทธิแห่งสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (ย่อหน้า 3,) ประชาไท, 19 กันยายน พ.ศ. 2550
  26. ชาตรี ประกิตนนทการ, เมรุคราวกบฏบวรเดช: เมรุสามัญชนครั้งแรกกลางท้องสนามหลวง, ฟ้าเดียวกัน ปีที่ 5 ฉบับที่ 2 เม.ย.-มิ.ย. 2550, สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน
  27. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. ๒๕๔๖. ความคิด ความรู้ และอำนาจทางการเมืองในการปฏิวัติสยาม ๒๔๗๕. พิมพ์ครั้งที่ ๒. (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน), หน้า ๓๑๔.
  • นายหนหวย (ศิลปชัย ชาญเฉลิม), เจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ, โรงพิมพ์วัชรินทร์, 2530
  • ม.จ. พูนพิศมัย ดิสกุล, สิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบเห็น (ภาคต้น), สำนักพิมพ์มติชน, พ.ศ. 2543
  • โพยม โรจนวิภาต (อ.ก. รุ่งแสง), พ. ๒๗ สายลับพระปกเกล้า พระปกเกล้าฯ (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒) พ.ศ. 2547

ดูเพิ่ม

กบฏบวรเดช, เป, นการกบฏด, วยกำล, งเพ, อล, มล, างร, ฐบาลพระยาพหลพลพย, หเสนา, การกบฏเร, มข, นเม, ลาคม, 2476, บเป, นการกบฏคร, งแรกในประว, ศาสตร, ไทยหล, งการการปฏ, สยาม, สาเหต, เก, ดมาจากความผ, ดหว, งตำแหน, งทางการเม, องของพระวรวงศ, เธอ, พระองค, เจ, าบวรเดช, และม, . kbtbwredch epnkarkbtdwykalngephuxlmlangrthbalphrayaphhlphlphyuhesna karkbterimkhunemux 11 tulakhm ph s 2476 nbepnkarkbtkhrngaerkinprawtisastrithyhlngkarkarptiwtisyam saehtuekidmacakkhwamphidhwngtaaehnngthangkaremuxngkhxngphrawrwngsethx phraxngkhecabwredch aelamikhwamkhdaeyngrahwangrabxbekakbrabxbihmekhamasmthbkbtbwredchbn sthanirthifdxnemuxngaelakrmxakasyanklangkhwa thharrthbaltngaenwyingpunihybnthnnpradiphththlangkhwa rthifkhnxawuthhnkkhxngfayrthbalsay chxngekhakhad cudthiphrayasrisiththisngkhramesiychiwitwnthi 11 24 tulakhm ph s 2476 87 pithiaelw sthanthi cnghwdphrankhr cnghwdnkhrrachsima cnghwdephchrburi aelacnghwdrachburiphllphth rthbalchnaxyangeddkhadphraxngkhecabwredchhnixxknxkpraethsphrabathsmedcphrapkeklahniiphadihykhukhdaeyngrthbalkhnarasdr khnakubankuemuxngphubychakarhruxphunaphnoth hlwngphibulsngkhramphntri hlwngxanwysngkhram phnexk phrasiththieruxngedchphlphnoth phrapracnpccanukphnoth hlwngkacsngkhramphntri hlwngwiraoythaphntri hlwngphrhmoythiphntri hlwngchanayyuththsastrnawatri hlwngsuphchlasy phlexk phraxngkhecabwredchphnexk phrayasrisiththisngkhram phltri phrayaesnasngkhramphltri phrayacindackrrtnphltri phrayathrngxksrphnexk phrayaethphsngkhramphnexk phrayavththirngkhrnechthphnexk phrayasrisrskdiphnexk phrayaicheynthrvththirngkhphnexk phrayasrphnthesniphnoth phrapccnukphinasphnoth hlwngphlhaysngkhramkalngphlsuyesiyesiychiwit 17 nay praharchiwit 6 nay cakhuktlxdchiwit 244 nayxnusawriythitngxyubriewnhlksi ekhtbangekhn krungethphmhankhr thieriykknwa xnusawriyhlksi nn chuxcringkhux xnusawriyprabkbt hrux xnusawriyphithksthrrmnuy sungrthbalinsmynn idsrangkhunephuxepnxnusrnaekphuthiesiychiwitinehtukarnprabkbtbwredch enuxha 1 ebuxnghlng 1 1 kxnepliynaeplngkarpkkhrxng 1 2 hlngepliynaeplngkarpkkhrxng 1 3 ehtuaehngkbt 1 4 karetriymkarkhxngthphkbt 1 5 karetriymkarkhxngfayrthbal 1 6 aephnlxbsngharthiwngparusk 2 ehtukarnkbt 2 1 11 tulakhm kbtyudthungdxnemuxng 2 2 12 tulakhm krungethphtxbot 2 3 13 tulakhm kbtxxnkalng 2 4 14 tulakhm rthbalrukil 2 5 15 24 tulakhm kbtaetkphay 3 phrabrmwngsesdchniipchayaedn 4 phllphth 5 duephim 6 xangxing 7 duephimebuxnghlng aekikhkxnepliynaeplngkarpkkhrxng aekikh phlexk phrawrwngsethx phraxngkhecabwredch epnecanayphuklawocmtirabxbsmburnayasiththirachymatngaetsmyrchkalthi 6 phraxngkhmikhwamchingchngtxkarpkkhrxngkhxngphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thiaetngtngkhnsxphlxekhamaiwrachsankmakmay phraxngkhecabwredchekhywangaephnyudxanaccakphramngkudekla aelwcathulechiyecafabriphtrsukhumphnthu ecanayphumakbarmiaelamikhwameddkhadkhunepnkstriyaethn aetphrabathsmedcphramngkudeklaesdcswrrkhtesiykxn ecafabriphtrsukhumphnthuimrbtaaehnngkstriy ecafaprachathipkcungideswyrachyphraxngkhecabwredchepnthharmikhwamsamarthaelamixupnisyaekhngkraw aelarukndiwathrngepnphuniymrabxbthhar cungepnthiekrngickhxngphrabathsmedcphrapkeklasungekhyepnthharrunnxngxyangmak phraxngkhecabwredchidepnesnabdiklaohminrchkalihm thungkrannkyngmikhwamkhdaeyngkbrabxbkarpkkhrxng phraxngkhecabwredchtxngkarkhunengineduxnthharaetaephmtiinthiprachumsphaesnabdi phraxngkhcunglaxxkcaktaaehnngesnabdiklaohmemuxlaxxkcakrachkaraelw phraxngkhecabwredchphyayamyuihxditluknxnginbychaihyudxanackarpkkhrxng thrngeriykphnexkphrayaphhlphlhyuhesnaaelaphnexkphrayasrisiththisngkhrammathamkhwamehneruxngrabxbkarpkkhrxng thngkhutanglngkhwamehnwarabxbpccubnimehmaaaekyukhsmy khwrcaepliynaeplngepnprachathipity aetthngkhumikhwamehnimlngrxyknineruxngkhxngwithikarthicaichepliynaeplngkarpkkhrxng 1 hlngepliynaeplngkarpkkhrxng aekikh phrawrwngsethx phraxngkhecabwredch xditesnabdiklaohm phunakarkbt emuxepliynaeplngkarpkkhrxngsaerc phnexkphrayaphhlesnxchuxphraxngkhecabwredchinthiprachumkhnarasdrephuxepnhwhnarthbal 2 aethlwngpradisthmnuthrrmkhdkhandwyehnwaphraxngkhecabwredchmixupnisyepnephdckaraelayngepneca thiprachumcungpktk hlwngpradisthmnuthrrmesnxchuxphrayamonpkrnnitithadaepnprathankrrmkarrasdr ethiybethanaykrthmntri tngaetnnmaphraxngkhecabwredchcungphidickbphrayaphhl 3 aelaekliydchnghlwngpradisthmnuthrrmthangdanphrayasrisiththisngkhramkthukechiyihekharwmrthbalkhnarasdr aetphrayasrisiththiptiesthephraaimphxicthikhnarasdrichwithikarrunaerngepliynaeplngkarpkkhrxng phrayathrngsuredchimphxicthiphrayasrisiththithatwehinhangkbkhnarasdr cungsngyayphrayasrisiththiipxyukrathrwngthrrmkar 4 nywaepnkarlngothsthangxxmemuxphrayamonpkrnnitithadaidepnprathankrrmkarrasdr kekidkhwamkhdaeyngkbswnihykhxngkhnarasdr hlwngpradisthmnuthrrmesnxaephnekhaokhrngesrsthkicthieriykwa smudpkehluxng sungcathaihrasdrthukkhnmingantha chawnamibanayechnediywkbkharachkar phrayamonpkrnmxngwakhnarasdrkhidkawhnaekinip aelaocmtihlwngpradisthmnuthrrmxyangrunaerngwaepnkhxmmiwnist phrayamonpkrnprakasyubspha xxkphrarachbyytiwadwykhxmmiwnistaelaichelnnganhlwngpradisthmnuthrrmcntxngxxkipxyutangpraeths khnarasdrsayhlwngpradisthmnuthrrmcunghmdxanackaremuxng fayecaerimmixanacephimkhunaelayuyngihphrayamonpkrnaeyktwcakkhnarasdrmiehtuihphrayaphhlokrthphrayathrngsuredchthungkhncaichmidthakbkhawilfn phrayathrngsuredchhlbxxkmahaphrayavththixkhenyaelaphraprasasnphithyayuththbxkwa ixphcnmnkldmnepnba xyudwyknimidaelw thngsamyuniblaxxkcaktaaehnngrachkarthnghmdemux 10 mithunayn 2476 xangwasukhphaphimxanwy sngphlihphrayaphhltxnglaxxkcakphubychakarthharbkdwyephuxrksamaryath taaehnngthharthiekhyepnkhxngsiesuxkhnarasdrcungwanglngthnghmd klumecaehnepnoxkasthicasngkhnkhxngtnkhunaethn inwnthi 18 mithunayn miphrabrmrachanuyatiihsiesuxxxkcaktaaehnngodymiphlinwnthi 24 mithunayn phltriphrayaphichysngkhramcaidepnphubychakarthharbk phnexkphrayasrisiththisngkhramcaidepnecakrmyuththkarthharbk phnothhlwngphibulsngkhramcaidepnphuchwyphubychakarthharbk phnexkphrayasrisiththisngkhram rxngaemthphkbt miraynganlbmathunghlwngphibulsngkhramwa phrayasrisiththisngkhrametriymoykyaynaythharsaykhnarasdrxxkcaktaaehnngkhumkalngthnghmd thaihinwnthi 20 mithunayn phrayaphhl hlwngphibul aelahlwngsuphchlasy chingkxrthpraharlmrthbalphrayamonpkrnnitithadaodyichkarthiphrayamonpkrnpidsphamaepnkhxxangtxsatharnchn phnothprayurthamwathaimthaechnni hlwngphibulsngkhramtxbphnothprayurwa prayur caepntxngtha immithangeliyng ephraaecakhunsrisiththisngkhramelnimsuxhkhlng etriymsngyaynaythharphukumkalngthngkxngthph phwkkxkarcathuktdtinmuxaelathukkhatayinthisud 4 prayurrabuwahlngcaknnphrayasrisiththi hnaehiymekriym taaedngkaepnsayeluxd nngkdkramphudwahlwngphibulsngkhramelnskprk 4 ehtuaehngkbt aekikh rthbalkhnarasdrimidiwwangicintwphraxngkhecabwredchphumixiththiphlinsaythharbkmakethaihr rthbalchxbsngsayipaeymphrayihphraxngkhwangtwxyuechy aelwcathrngiddibiddiexnginphayhlng 5 phraxngkhecabwredchkthrabdiwatwexngtkxyuinthanaimepnthiiwwangic khwamimphxicehlanithbthmxyuinickhxngphraxngkhecabwredcheruxymaemuxphrayaphhlphlphyuhesnaidepnnaykrthmntrikechiyhlwngpradisthmnuthrrmklbpraeths emuxtngkrrmkarsxbswnsungprakxbdwychawtangchatiaelwphbwahlwngpradisthmnuthrrmimmikhwamkhidepnkhxmmiwnist hlwngpradisthmnuthrrmcungidrbtaaehnngrthmntriinrthbalkhxngphrayaphhl phraxngkhecabwredchaelaphwkecarbimidthihlwngpradisthmnuthrrmcaklbmaepnrthmntri mxngwahlwngpradisthmnuthrrmcadaeninnoybaythisrangkhwameduxdrxntxechuxphrawngsaelakhunnangeka 6 cungklawocmtiwarthbalexakhxmmiwnistmaepnrthmntri phnothhlwngphibulsngkhramaelanawatrihlwngsuphchlasycungsngcdhmaymapramphraxngkhkhwamwa bdnipraktkhawtamthangsubswnwathanidmikarprachumaelakhidxyuesmxinxnthicaihekidkhwamimsngbaekbanemuxng aelathaihrthbalepnkngwl sungepnehtuihkarbriharbanemuxngimkawhnaipethathikhwrcaepn inthanathikhaphecaepnphurbphidchxbrksakhwamsngberiybrxykhxngbanemuxng cungkhxetuxnihthansngbcitesiy hakthanyngkhuncuncanxik khnaktklngcakrathakarxyangrunaerng aelacathuxexakhwamsngbkhxngbanemuxngethannepnkdhmayxnsungsudinkarkrathaaekthan thiklawmaniimichkarkhuekhy aetepnkaretuxnmaephuxkhwamhwngdi 7 emuxphraxngkhecabwredchthrngidrbcdhmayechnni phraxngkhthrngtrskbnaythharthibanwa chnktngiccaepnphlemuxngthisngb aetekhaimihsngb 8 hnngsuxthanxngkhlayknniyngthuksngthungbukhkhlxunxikhlaykhn xathi krmhmunethwawngsworpkar phraxngkhecathssiriwngs hmxmecaikhaesngrphi rphiphthn hmxmecaosphnphraidy swsdiwtn phltarwcothphrayaxthikrnprakas phnothprayur phmrmntri epntn 9 ehnidchdwakarkxkarkbtkhxngphraxngkhecabwredchinkhrngni ekidcakkhwammunghwngxanacthangkaremuxngmakkwaxyangxun nbtngaetsmythithrnglaxxkcakesnabdiklaohmkxnkarepliynaeplngkarpkkhrxngaelw emuxthrngphladphlngcaktaaehnngnaykrthmntrithithrngmunghwng karthukkidkncakxanacthangkaremuxng epnehtuthikratunihphraxngkhkxkaryudxanaccakkhnarasdr 10 karetriymkarkhxngthphkbt aekikh khnaphukxkarerimchkchwnhaphrrkhphwkthnginhmuthharnxkaelainpracakar karprachumkhxngkhnaphukxkarkhrngaerkekidkhunineduxnkrkdakhm ph s 2476 odymiphnexkphrayasrisiththisngkhram phnothhlwngphlhaysngkhram aelarxyothcngkl ikrvks thiranxaharbnthnnrachwngs karprachumkhrngthisxngekidkhunineduxnsinghakhmthibanhlwngphlhaysngkhram epnkarprachumrahwangphuaethnthharhwemuxngtang karprachumkhrngthisamekidkhunintneduxntulakhmthibanphnexkphrayaicheynthrvththirngkhincnghwdnkhrrachsima 11 sungthiprachumtklngihichchuxaephnwa aephnlxmkwang 12 aelatklngichemuxngokhrachepnkxngbychakarihy enuxngcakepncnghwdihymixawuthaelakalngphlmakkwahwemuxngxuninchwngwangaephnkar krmkhunchynathnernthr hmxmecawngsnirchr ethwkul aelaphraxngkhecabwredch lngipekhaefainhlwngthiwngiklkngwl 13 phraxngkhecabwredchxasaepnphuna kxngthphsinaengin aelaidkhxphrarachthanphrabrmrachanuyatcaepliynaeplngihm inhlwngkhdkhanhnk phraxngkhecabwredchokrthinhlwngaelaklbmaphudkbnaythharkhnxunwa thathanimelnkberaerakhakhnihm 14 xyangirktam txmamiechkhsngcaykhxngphrakhlngkhangthiihaekphraxngkhecabwredchepncanwn 200 000 bath 15 snnisthanwaepnfimuxkhxngkrmphraswsdiwdnwisisd hlngcaknn hmxmecawibulyswsdiwngs swsdikul rachelkhanukarkepnphuprasannganxyangiklchidkbphunakxngthphsinaengin 15 nxkcakni phraxngkhecabwredchyngidengincakmhamkutrachwithyalyxik 200 000 bath enuxngcakphrayaesnasngkhram aemthphkbdfaynkhrswrrkh epnlukphiluknxngkbsmedcphrasngkhracheca krmhlwngwchiryanwngs karetriymkarkhxngfayrthbal aekikh phayhlngkarepliynaeplngkarpkkhrxng phnexkphrayathrngsuredch mnsmxngdanthharkhxngkhnarasdr mxngehnkhwamepnipidthicaekidkartxtandwykalngcakfaytrngkhamkhuninimchakerw cungidsngihkxngthphhwemuxngthnghmdsngxawuthswnihyekhamathikrungethphodyxangwacasngxawuththiihmkwaipih thaihthharhwemuxngtkxyuinsphaphkhadaekhlnxawuthfayrthbalkidrulwnghnathungkarkbtkhrngnithung 2 wn emux phnexkphrayaphhlphlphyuhesna naykrthmntriidiptrwceyiymmnthlthharrachburi minkbinchuxeruxxakasothkhuniswmnyakas bngkhbekhruxngbinlngcxdthisnamaelaidyuncdhmaychbbhnungihaek phltriphrayasurphnthesni smuhethsaphibalmnthl aelwaecngwaepnsasncakphraxngkhecabwredch phrayaphhlphlphyuhesnaehnehtukarndngklawekidkhuntxhnakedaxxkthnthiwaepnsasnthisngmaephuxechiychwnihkxkarkbt cungribedinthangklbcnghwdphrankhrinwnrungkhunephuxdaeninkartxtanthnthi aephnlxbsngharthiwngparusk aekikh nxkcakkarichkalngthharekhalmlangxanackhxngrthbalaelw faykbtyngwangaephnekhasngharbukhkhlsakhykhxngkhnarasdrsungphkxyuinwngparuskwnxikdwy 16 ephuxihrthbalekidphawasuyyakxnthikhnakubanemuxngcaykthphlngmathungkrungethph aephnsngharphunarthbalinkrungethphthukdaeninkarcdaecngodynayphoym orcnwiphat saylbfayrachsankinphrankhr ekhaidrbothrelkhepnrhslbcaknkhrrachsimainwnthi 9 tulakhmkhwamwa khnakubanemuxngcaykthphxxkcaknkhrrachsimainwnthi 10 tulakhm aelacaedinthangthungkrungethphwnthi 11 tulakhm 16 nayphoymtidtxkbnayphntrithharmakhnhnungsungmibrrdaskdikhun 16 nayphntriidwacangyxdmuxpuncaktangcnghwdekhamainkrungethphephuxmakacdbukhkhlsakhykhnhnung odywangaephnihmuxpunlxbekhaipekhadkrxbriewnhnahxngnxninwngparusk emuxesiyngsyyankhxngkxngthphhwemuxngthiykmathungkrungethphdngkhun phnothhlwngphibulsngkhramcaphrwdphradxxkmacakhxngnxnaelathukkacdthing inkarni nayphntriidwangcangmuxpunxikchudephuxdkrxekbmuxpunchudaerkephuxpidpak xyangirktam phwkekharxcnechakimmiwiaewwkhxngkhnakubanemuxng cnthrabphayhlngwa khnakubanemuxngeluxnaephnkarxxkiphnungwn odycaedinthangthungkrungethphinwnthi 12 tulakhmehtukarnkbt aekikh aephnthiaesdngkxngkalngthharthngsxngfay siaedngkhuxkxngkalngkbt 11 tulakhm kbtyudthungdxnemuxng aekikh 11 tulakhm ph s 2476 ephiyngsibwnhlnghlwngpradisthmnuthrrmedinthangklbpraethssyam phraxngkhecabwredchidnakalngekhaaecngtxkharachkarhwemuxngwa rthbalkhnarasdrcaexarabxbkhxmmiwnistmaichaelacaimmikstriycungtxngnathharekhaipprabpram xyaidthakarkhdkhwang 6 phraxngkhecabwredchepnphunakxngkalngkbtthichuxwa khnakubanemuxng sungprakxbdwythharokhrach kxngphnthharrabthi 15 kxngphnthharrabthi 16 kxngphnthharmathi 4 kxngphnthharpunihythi 3 aela kxngphnthharpunihythi 4 thharephchrburi kxngphnthharrabthi 14 thharxublrachthani kxngphnthharrabthi 18 phnexkphrayasrisiththisngkhramnakalng 2 kxngphnthharchangcaksraburiepnthphhnalngmayudthungdxnemuxng odymikxngthharmakhxngrxyexkhlwngohmrxnraytamlngmasmthb aelaekhayudkrmxakasyanthidxnemuxngepnkxngbychakar phrayasrisiththisngkhramsngkxnghnamayudsthanirthifhlksi aelasngnawaexkphrayaaesngsiththikarthuxhnngsuxthungphrayaphhlkhwamwa khnarthmntriplxyihkhnduhminphrabrmedchanuphaph aelaexahlwngpradisthmnuthrrmklbmaephuxdaeninkarpkkhrxngaebbkhxmmiwnist cungkhxihkhnarthbalthwaybngkhmlaxxkphayinhnungchwomng miechnnncaichkalngbngkhbaelacaekhayudkarpkkhrxngchwkhraw 17 khnarthbalprachumknthiwngparuskaelwklngkhwamehnwaehtuphlkhxngfaykbtfngimkhun aelasmkhwrprabpram ewlakha naykrthmntrixxkprakasipyngthwpraethswa phraxngkhecabwredch phrayasrisiththisngkhram phrayaethphsngkhram epnkbttxaephndin phyayamlmlangrabxbprachathipitykhxelikrththrrmnuy aelasthapnarabxbsmburnayasiththirachydngedim inphrankhrehtukarneriybrxy xyafngkhasngphuidthngsinnxkcakkhapheca phrayaphhlphlphyuhesna 18 12 tulakhm krungethphtxbot aekikh emuxrthbalthrabwathungdxnemuxngodnthharkbtyudepnthiaenchdaelw cungprakaskdxykarsukinwnthi 12 tulakhm ph s 2476 inphunthicnghwdihythharbkphrankhr 19 inwnediywkn rthbalprakasaekkdxykarsukkhyayphunthibngkhbichepnthwmnthlphrankhrkbmnthlxyuthya 20 phnexkphrayathrngsuredchptiesththicaepnphubngkhbkxngphsm phnothhlwngphibulsngkhramcungrbxasaepnphubngkhbkxngphsmprabkbtaethninwnediywkn emuxchawphrankhrthrabkhawwakarkbtcakthharhwemuxng phlemuxngthiechuxmninrabxbihmidxxkmachumnumknchwyehluxnganfayrthbalepncanwnmak thharkxnghnuncanwnmakekhamarayngantwkbrthbal thngthiyngimmihmayeriykradmphlthharkxnghnunaetprakarid 21 phnothhlwngphibulsngkhramnakxngphsmsungprakxbdwy 3 kxngphnthharrab aela 1 kxngphnthharpunihy ekhluxnkhbwnthphcaklanphrabrmrupthrngmaipynglansinkhakhxngbristhpunsiemntsyamthisthanirthifbangsux sungxyuhangcaksthanirthifbangekhnippraman 5 kiolemtress caknncungexapunihyphuekhaaebb 63 khnadlaklxng 75 mm rayayingikl 6 kiolemtr matngeriyngaethwhnakradanxyubnthnnpradiphththi kxncaerimradmyingisthharkbtinewlaraw 14 nalika yingid 40 ndphbwakrasunlngthungnahmdcunghyudying kxngthharkbtkhxnghlwngohmrxnraycungedinluynaekhluxnlngmayudsthanirthifbangekhniwid 13 tulakhm kbtxxnkalng aekikh fayrthbalsngphntrihlwngesrieringvththiepntwaethnmaecrcaihfaykbtelikraipesiyaelacakhxphrarachthanxphyothsih aetthangfaykbtklbcbkumhlwngesrieringvththiipkhngiwthixyuthya inewla 12 nalika faykbtsngnawaxakasexkphrayaewhasyansilpsiththi nawaxakasothphrayaethewswrxanwyvththi aelaeruxexkesnaa rkthrrm epnkhnklangthuxhnngsuxkhxngphraxngkhecabwredchmaecrcakbrthbal odyyunenguxnikhthnghmd 6 khx 22 txngcdkarinthukthangthicaxanwyphlihpraethssyammiphramhakstriypkkhrxngpraethsphayitrththrrmnuychwklpawsan txngdaeninkartamrththrrmnuyodyaethcring odyechphaaxyangying khux kartngaelathxdthxnkhnarthbaltxngepniptamesiyngkhxnghmumak kharachkarsungxyuintaaehnngpracakarthnghlayaelaphleruxntxngxyunxkkaremuxng taaehnngfaythhartngaetphubychakarthharbk phubychakarthhareruxlngiptxngimmihnathithangkaremuxng karaetngtngbukhkhlintaaehnngrachkar cktxngthuxkhunwuthiaelakhwamsamarthepnhlk imthuxexakhwamekiywkhxnginthangkaremuxngepnkhwamchxbhruxepnkhxrngekiycinkarbrrcueluxntaaehnng kareluxktngphuaethnrasdrpraephththi 2 txngthwayihphrabathsmedcphraecaxyuhwthrngeluxk karpkkhrxngkxngthphbkcktxngihmihnwyphsmtamhlkyuththwithi echliyxawuthsakhyaeykknippracatamthxngthin miihrwmkalngiwechphaaaehngidaehnghnungfayrthbalyunkranimyinyxmtamkhakhaddngklaw thaihkarsurbdaenintxip khnaediywkn thiaenwhnakhxngthharkbtthibangekhnerimekidkhwamkhdsn thharkhxngrxyexkhlwngohmrxnrayimidrbesbiyngaelakrasunmahnungwnetm khnannepnvdunahlak enuxngcaksxngkhangthangrthifthuknathwmhmdthaihkarkhnsngkalngbarungmaaenwhnakhxngfaykbttxngxasyeruxphayethann hlwngohmrxnraycungedinethatamthangrthifyxnkhunipyngkxngbychakarthidxnemuxngephuxkhxesbiyng emuxekhaipinkxngbychakarkphbnaythharchnphuihytngwngdumsuraaelaelnbileliydxyu 14 tulakhm rthbalrukil aekikh 14 tulakhm thharfayrthbalidekhluxnkalngrukkhubekhamapathathharfaykbtthiyudsthanirthifbangekhn odyichhwrthckrhumekraadnhlngrthkh t brrthukrththngekhluxnthiekhahaphrxmknthng 2 rang nxkcakniaelwyngmiehlathharrabxyuinrthphwngkhnhlngxikcanwnhnung phlcakkarpathainchwngechasngphlihfayrthbalsuyesiyphntrihlwngxanwysngkhram phubngkhbkxngphnthimikhwamsakhymakip hlwngphibulsngkhramcungribaeksthankarnthikalngcaephliyngphlathnthi odysngkarihipnarthsayphantidtngpunihytxsuxakas QF 2 pounder cakpraethsxngkvs thiephingphankartrwcrbmaaelwcanwn 2 khnmaekhasusnamrbcringthnthixanackaryingkhxngpunkltxtanxakasyankhnad 40 mm xtraying 115 ndtxnathi epneruxngthinatkicmak krasunpunthaihrngpunklkhxngfaykbtekidrukhnadihy rwmthngpunkyingiderwaelarunaerngtxenuxng thharkbtthnghmdimekhyecxxawuththnsmyaebbnimakxn cungphaknhnitaythingthimnwinghniexatwrxdklbipynghlksi thharrabcakfayrthbalcungsamarthekhayudphunthithungbangekhniwidodylamxmkhbwnrthiffaykbtkhxngphntrihlwngphledchwisy kxngphnthharrabthi 17 xublrachthani edinthangmathungdxnemuxnginchwngkha idkhawwasthankarnfaykbdkalngephliyngphlacungimyxmcxdkhbwnrthifthisthanidxnemuxng ihkhbwnrthifkhbelysthanidxnemuxngippramansamkiolemtraelwisekiyrthxyhlngklbipthiemuxngokhrach rahwangthangidaewaruxthangrthifaethwpakchxngxxkephuxthakhunithoths 15 24 tulakhm kbtaetkphay aekikh 15 tulakhm fayrthbalidhnunkalngphrxmxawuthhnknakhunrthif mithngrthekraaaelapunkl rukilfayptiwticnekuxbprachidaenwhnafaykbtthisthanihlksi nxkcakni faykbtkhadkalngesrimmasmthb ephraathharephchrburithirwmkxkarthukhnwythharrachburitrungkalngiw thharcaknkhrswrrkhaelaphisnuolkkthukkhdkhwangcakhnwythharlphburiaelahnwythharpracinburi phraxngkhecabwredchehnwasufayrthbalimidaelwcungsngihthxnkalngklbiptngrbokhrach aelamxbhmayphnexkphrayasrisiththisngkhramepnphubychakarrbhnwyrawnghlng khxythxyrxncakhlksimadxnemuxng16 tulakhm ewlatisam thharkbterimthxnkalngxxkcakdxnemuxng swnhnathphkbtedinthangthungsthanipakchxng km 180 inewlabayomng kiptximidenuxngcakthangrthifkhadtxngichewlasxmaesm kxngphnthharrabthi 4 fayrthbalekhakhwbkhumphunthidxnemuxnginewlabaysxng nawatrihlwngsuphchlasykhumeruxsuriymnthlipyudemuxngxyuthyaiwid 6 swnthharkbdthangephchrburikthxyrnklbekhaemuxngephchrburiyudepnthimnexaiw17 tulakhm ewlaechamud kbdkhnsakhyinokhrachtwplxytwphntarwcexkphrakhcdtharunkrrm phubngkhbkartarwcokhrachaelaphwkcakthikhumkhng bxkihribhniipkxnthithphkbtcamathungemuxng phubngkhbkartarwcokhrachichoxkasninakalngekhayudemuxngcakphwkkbtthnthixyangngayday 6 txmaewlasibnalika chawokhrachtangtuntkicemuxmikhbwnrthifbrrthukthharkhxngphntrihlwngphledchwisyekhluxnekhama phntrihlwngphledchwisymxbtwtxphrakhcdtharunkrrm xangwathukhlxkihrwmkxkarkbt khnaniphwkkbtkalngthxyrnmayngokhrach emuxphukartarwcokhrachidharuxkbhlwngphledchwisyaelw ehnwakalngthimixyukhngcatanthanthphkbtimihw khwrthxnkalngxxkcakokhrachiprwmkbkalngihyfayrthbalthiemuxngxubl 6 swnthangdankrungethph rthbalsngkxngphnthharrabthi 6 khunmasmthbkxngphnthharrabthi 4 thidxnemuxng aelaerimptibtikarkwadlangthphkbttxip khnaediywkn hnwykhawkrxngkhxngcnghwdkhxnaeknidrbthrabkhawcakaethlngkarnrthbalwafaykbtaetkphayipthangokhrach phuwarachkarcnghwdkhxnaekncungthalaythangrthifephuxkhdkhwangkarlaeliyngthharmasukhxnaekn18 tulakhm thharrthbalekhayudsthanichumthangphachi km 90 inewlabaysiomng phraxngkhecabwredchthxyipxyusraburi kxngkalngrksaemuxngokhrachkhxngphrakhcdtharunkrrmaelahlwngphledchwisytanthankbtimihwcringtamkhad cungthxnkalngxxkipyngemuxngxubl phraxngkhecabwredchaekhnthiphntrihlwngphledchwisythrys cungihphltriphraesnasngkhramkhumkalng 400 nayipyudemuxngburirmyephuxichtiemuxngxubltxip19 tulakhm thharrthbalekhayudsraburiiwid aenwhlngkhxngthharkbtthxyiprwmknsthaniaekngkhxy km 125 khbwnrthifkhxngphraxngkhecabwredchedinthangthungemuxngokhrach phrayasrisiththisngkhramsngkarhnwyrawnghlngerngthxdrangrthifbriewnhlkkiolemtrthi 141 144 sungepnchwngthangokhngaelaaekhbiklkbsthanihinlb ihthhartngrngpunklbnhnaphaepnraya20 tulakhm thharrthbalekhayudsthaniaekngkhxy km 125 thharrthbalcakcnghwdxudrthaniecdsibnayedinthangmathungkhxnaeknaelaekhluxnkalngphliprksasaphanrthifkhamaemnachi ephuximihthharkbtedinethakhammayngemuxngkhxnaeknid21 tulakhm thharrthbalrukkhubidthilaelknxy aenwhlngkhxngthharkbdthxyiprwmknthipakchxng km 180 thangphraxngkhecabwredchemuxthrabwathharkhxnaeknkbxudrthaniekhakbfayrthbal cungsngrxyexkhlwngohmrxnraynakalngipyudemuxngkhxnaekn22 tulakhm rxyexkhlwngohmrxnraythukeriyktwklbmankhrrachsimaephraamikhawwakxngkalngkhxngrthbalrukkhubekhamaaelw hlwngohmrxnrayesnxihthharyudxanaccakkharachkarfayphleruxninokhrach aetphraxngkhecabwredchdariwa ewlaniikhr kaelehnwaeraaephaelwthngnn cayudxanackarpkkhrxngbanemuxngerakimminaythharmakphxcaihipkhwbkhum othsphidethanikphxaelw xyaihmakkwaniely 18 phraxngkhecabwredcherimwangaephnesdcliphyipyngxinodcinkhxngfrngess naythharchnphuihyfaykbtkwangaephnedinthanghlbhnixxknxkpraethstamkhwamthnd phrayasrisiththisngkhramimthrabkhwamcringcungpkhlkthiphaesdctxip 23 inkhawnnn kxngswnhnafayrthbalerimekhluxnphlthunghlkkiolemtrthi 14023 tulakhm ekidkarsurbbriewnhlkkiolemtrthi 141 144 tlxdthngwn emuxtkkha hnwykhxngwathirxytritu caruesthiyr samarthsngharphnexkphrayasrisiththisngkhram 23 24 tulakhm phnothhlwngphibulsngkhramedinthangthungaekngkhxyinchwngsayephuxrbfngrayngan25 tulakhm phraxngkhecabwredchaelaphrachayathrngkhunekhruxngbincaknkhrrachsimahniipyngemuxngisngxn thharrthbalekhayudemuxngnkhrrachsimaiwidphrabrmwngsesdchniipchayaedn aekikh thharchangxyuthyatkepnechlythukkhwbkhumodythharmafayrthbal swmhmwkkaol thuxpuntiddabplaypunxyuaethwhlng 16 tulakhm ekhruxngbinfaykbtbinmathingibpliwthiwngiklkngwlephuxthulwakaryudxanaclmehlw inkhawntxma emuxphrabathsmedcprapkeklathrabwathharephchrburiyxmcanntxrthbalaelw aelarthmntrikrathrwngyutithrrmkalngedinthanglngmaekhaefa kthrngtuntrahnkribesdclngeruxphrathinngsrwrun sungepneruxyntlaelkxyangkathnhnphrxmkbsmedcphranangecaraiphphrrni smedcphraecabrmwngsethx krmphraswsdiwdnwisisd phraecawrwngsethx phraxngkhecaxaphaphrrni phrawrwngsethx phraxngkhecawrannththwch hmxmecaprasbsri cirprawti hmxmecakmlisan chumphl hmxmecakhrrchitphl xaphakr hmxmecannthiyawd swsdiwtn hmxmecaesrsthphnth ckrphnthu phrxmthharrksawngxik 6 7 nay munghnacnghwdsngkhlaenuxngcakeruximphxnng hmxmecasuphswsdiwngssnithaelaecakawilawngs n echiyngihm txngnathharrksawngbangswnkhunipyudkhbwnrthifcaksthaniwngkphnginchwngbay 14 ecakawilawngsepnphnkngankhbrth khbwnrthifphiessnixxkcakhwhinewlatihnungkhxngwnthi 18 tulakhm miphuodysarprakxbdwy krmphrayadarngrachanuphaph hmxmecacngcitrthnxm diskul hmxmecaphunphismy diskul hmxmecaphiilyelkha diskul krmphrayanrisranuwdtiwngsphrxmphrathida krmhmunxnuwtcaturnt hmxmecasuphswsdiwngssnith swsdiwtn phlothphrayawichitwuthiikr phrayaxisrathiracheswi aelathharrksawngsxngkxngrxyemuxnayelng srismwngs xthibdikrmrthifthrabkhaw cungribsngothrelkhaecngsthaniraythanglwnghnawa thharhlwnglkkhbwnrthckrxxkcakwngkphng ihthakarskdkn phnkngankrmrthifcungipthxdrangrthifchwngkxnthungsthanipracwbkhirikhnth khbwnrthifphiessiptximidtxnghyudrahwangthang thharhlwngtxngchwyknthxdrangthiwingthiphanmaaelwmatxephuxihrthifedintxipid emuxkhbwnrthifmathungsthanipracwbkhirikhnthkthukkkrthimihedinthangtxcnekuxbcayingkn smuhrachxngkhrkscungothrelkhipyngrthmntrimhadithy phrayaxudmphngsephyswsdiribnakhwamekhaaecngnaykrthmntri phrayaphhlphlhyuhesnasngkarxnuyatihrthifedinidtlxdsaythangthangdaneruxphrathinngsrwrunnamnhmdthichumphr txngkhunfngrxcnkrathngthungechawnthi 19 tulakhm cungidphbkbidphbkberuxwlykhxngbristhxistexechiytik kptneruxwlychawednmarkechiykhnakhxnginhlwngkhuneruxwlyaelaphwngeruxphrathinngsrwrunipyngsngkhla tkeynwnediywknnn khbwnrthifkipthungsngkhla phrabrmwngsswnhnaribipcdaecngsthanthiinphratahnkekhanxyetriymrbinhlwng eruxwlyedinthangmathungxawsngkhlainechawnthdmaphllphth aekikh xnusawriyprabkbt 25 tulakhm phrabathsmedcprapkeklamiphrarachkraaescakphratahnkekhanxy cnghwdsngkhla aenanaihrthbalprakasxphyothsihaekphurwmkxkarclacltlxdcnnaythharaelabukhkhlthiimichhwhnahruxkhnsakhyinkarkrathakhrngniesiyodyerw aetthukaetrthbalptiesthodyxanghlkkarthiwacatxngdaeninkhdiihthungthisudesiykxn29 tulakhm rthbalcdtngsalphiesskhunphicarnaphiphaksakhdiekiywkbkarkbtaelaclacl khaphiphaksathuxepneddkhadimmixuththrndika miphuthukcbkumkwahkrxykhn mikarsngfxng 318 khn ichewlaphicarnakhwamnannbpi phbwamikhwamphidtxngoths 296 khn incanwnnitxngothspraharchiwit 6 khn cakhuktlxdchiwit 244 khn 24 xyangirktam phrabathsmedcphrapkeklathrngptiesthkarlngphranamihpraharchiwittamkhaphiphaksa cungnatwippraharimidrthbalidcdihmirthphithiihaekphuesiychiwitthng 17 khnkhrawprabkbtbwredch inkarniidthahnngsuxkhxphrarachanuyatiichphunthisnamhlwnginkarprakxbphithi phrabathsmedcphrapkeklaptiesththnthi thrngrbsngihipichsthanthixun aetrthbalyngkhngyunkranthicaichphunthisnamhlwng thaihphraxngkhyinyxmtamnn rthbalcdsrangemruchwkhrawsnamhlwng sungedimphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwimthrngyinyxmihichphunthithungphraemruni aetthangkhnarasdryunkranthicasrangemruchwkhrawbnthungphraemru phrabathsmedcphrapkeklacungtxngthrngyinyxm aetrabuthxykhadwythwngthanxngwa thrngimkhdkhxng aetkhxihepnthiekhaicwa phrarachdariineruxngniepnipxikxyanghnung 25 nithuxepnkhrngaerkinprawtisastrthimikarcdphithisphsamychnbnthxngsnamhlwng sungkxnhnanncaichepnthiprakxbphithisahrbechuxphrawngsethann 26 sampiihhlnginwnthi 14 tulakhm ph s 2479 idmiphithiepidxnusawriyprabkbthrux xnusawriyphithksrththrrmnuy thibriewnhlksi bangekhn sungepnhnunginphunthisurb ephuxepnxnusrnralukthungehtukarnprabkbtbwredchephuxphithksrththrrmnuy aetpccubnniymeriykchuxephiyngtamaehlngthitngwa xnusawriyhlksi 25 phayhlngkarslarachsmbtiaelaekhasurchkalihm rthbalidthulkhxphrarachthanxphyothscakpraharchiwitepncakhuktlxdchiwit aelacakcakhuktlxdchiwitepnthukenrethsipekaataruetainpiph s 2482 27 txmaidmikarplxytwbrrdaphuidrbothskrnikbtbwredchthnghmdxxkcakeruxncaph s 2487 sungepnphlcakkarnirothskrrmodykhnarthmntrichudphntrikhwng xphywngsduephim aekikhehriyyphithksrththrrmnuyxangxing aekikh wiethskrniy namaefng ehtukarnthangkaremuxng 43 piaehngrabxbprachathipity phrankhr rwmkarphimph 2518 hna 379 380 ekriyngskdi phisnakha osknadkrrmthihinlb phrankhr ekuxkulkarphimph 2508 hna 44 krmokhsnakar khaphiphaksasalphiess phuththskrach 2482 eruxngkbt phrankhr orngphimphphanichsuphphl 2482 hna 26 4 0 4 1 4 2 hnngsuxthiralukinnganphithiphrarachthanephlingrxyothcngkl ikrvks hna 35 40 esawrks namaefng twtayaetchuxyng hna 99 6 0 6 1 6 2 6 3 6 4 ephling phupha 2541 kbtemuxngsyam eluxn sraphywanich fnraykhxngkhapheca hna 16 17 krmphrathrrmnuythharbk krathrwngklaohm bychisanwnkhdiaelakhaphiphaksasalphiesskhdikbd phraxngkhecabwredch aefmthi 5 khdidathi 7 2576 eluxn sraphywanich fnraykhxngkhapheca hna 19 ekiyrtichy phngsphanichy ptiwti 2475 phrankhr aephrphithya 2514 hna 167 168 krmphrathrrmnuythharbk khaphiphaksasalphiesskhdiaedngthi 62 63 64 78 2477 phrayanayknrchnkbphwkrwm 12 khn caely aefmthi 2 m r w nimitrmngkhl nwrtn emuxngnimitr hna 335 ephling phupha 2557 kbtsathanaephndin 14 0 14 1 phunphismy diskul hmxmeca 2546 singthikhaphecaphbehn prawtisastrepliynaeplngkarpkkhrxng 2475 phimphkhrngthi 5 krungethph sankphimphmtichn hna 137 148 15 0 15 1 nthphl iccring 2556 22 27 16 0 16 1 16 2 silpwthnthrrm aephnhlngeluxdthiwngparusk ptibtikarplidchiphphunakhnarasdrkhxng khnakubanemuxng 25 mithunayn 2563 krmelkhathikarkhnarthmntri thi 39 163 eruxng khakhxhruxkhakhadaelakhaaethlngkarnhruxibpliwkhxngphwkkbt 18 0 18 1 xnusawriyphithksrththrrmnuy xnusrnithyrbithy 28 singhakhm 2562 rachkiccanuebksa prakasichkdxykarsukinphunthicnghwdihythharbkkrungethph rachkiccanuebksa prakas aekikhkahndekhttinprakaskdxykarsuk lngwnthi 12 tulakhm phuththskrach 2476 silpwthnthrrm bthbathphlemuxngsyamprabkbtbwredch langan 7 wnphithksrthn thungrwmknbuilthharid 24 mithunayn 2563 nikhm carumni 2519 hna 352 353 23 0 23 1 silpwthnthrrm pmkrasunprisnaplidchiphphrayasrisiththisngkhram phuskdkartidtamkhxngrthbalkhnakbtbwredchhni 25 mithunayn 2563 phuthr phumathn 2521 salphiess ph s 2476 ph s 2478 aela ph s 2481 withyaniphnthxksrsastrmhabnthit prawtisastr culalngkrnmhawithyaly hna 150 25 0 25 1 prachaith chatri prakitnnthkar sthaptykhnarasdr bnphunthiskdisiththiaehngsmburnayasiththirachy yxhna 3 prachaith 19 knyayn ph s 2550 chatri prakitnnthkar emrukhrawkbtbwredch emrusamychnkhrngaerkklangthxngsnamhlwng faediywkn pithi 5 chbbthi 2 em y mi y 2550 sankphimphfaediywkn nkhrinthr emkhitrrtn 2546 khwamkhid khwamru aelaxanacthangkaremuxnginkarptiwtisyam 2475 phimphkhrngthi 2 krungethph sankphimphfaediywkn hna 314 nayhnhwy silpchy chayechlim ecafaprachathipk rachnphuniras orngphimphwchrinthr 2530 m c phunphismy diskul singthikhaphecaidphbehn phakhtn sankphimphmtichn ph s 2543 ophym orcnwiphat x k rungaesng ph 27 saylbphrapkekla phrapkekla chbbphimphkhrngthi 2 ph s 2547duephim aekikhladbehtukarnkhnarasdr rthpraharinpraethsithy mithunayn ph s 2476ekhathungcak https th wikipedia org w index php title kbtbwredch amp oldid 9478856, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม