ลักษณะและพฤติกรรม มีรูปร่างส่วนมากมีขา 2 คู่ และมีหาง ลำตัวสั้นและมีกล้ามเนื้อลำตัวลักษณะเป็นปล้องเล็กน้อย บางชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำมีลำตัวเรียวยาวและลดรูปของขา เช่น สกุล Amphiuma, Siren, Oedipina, Pseudobranchus ส่วนมากได้ลดรูปจำนวนชิ้นของกระดูกกะโหลก และตัวเต็มวัยมีขนาดแตกต่างกันมาก คือ ระหว่าง 3 เซนติเมตร จนถึงเกือบ 2 เมตร ตัวเต็มวัยมีบางส่วนอาศัยอยู่บนบก แต่ผสมพันธุ์ในน้ำ แต่บางชนิดก็อาศัยและผสมพันธุ์กันบนบก หรืออาศัยอยู่แต่ในน้ำและผสมพันธุ์กันในน้ำ หรืออาศัยอยู่บนต้นไม้
ซาลาแมนเดอร์ไม่มีช่องหูชั้นกลางและไมมีแผ่นเยื่อแก้วหู โครงสร้างใช้รับฟังเสียงประกอบด้วยกระดูกคอลิวเมลลา และกระดูกโอเพอคิวลัม โครงสร้างทั้ง 2 นี้อาจเป็นกระดูกอ่อนหรือเป็นกระดูกและเชื่อมต่อกับหูชั้นใน กระดูกคอลิวเมลลาใช้รับฟังคลื่นเสียงในอากาศ ส่วนกระดูกโอเพอคิวลัมที่เชื่อมต่อกับกระดูกซูปราสคาพูลาของกระดูกหัวไหล่และกล้ามเนื้อใช้รับฟังคลื่นเสียงคลื่นความถี่ต่ำในอากาศและแรงสะเทือนบนพื้นดิน อย่างไรก็ตามซาลาแมนเดอร์ในหลายวงศ์ก็ไม่มีกระดูกโอเพอคิวลัมและหรือไม่มีกล้ามเนื้อ
มีโครงสร้างทางผิวหนังเหมือนกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอันดับอื่น รวมทั้งมีต่อมเมือกและต่อมพิษใช้ป้องกันตัว ต่อมเมือกในหลายชนิดทำหน้าที่สังเคราะสารฟีโรโมนเพื่อใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามในการเกี้ยวพาราสี ขณะที่ต่อมเมือกของบางวงศ์และบางสกุลจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เช่น วงศ์ Plethodontidae และสกุล Notophthalmus
การสืบพันธุ์มีทั้งแบบปฏิสนธิภายในและปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ตัววัยอ่อนมีรูปร่างเหมือนวัยรุ่นและตัวเต็มวัย แต่มีเหงือกและมีโครงสร้างของร่างกายบางประการที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยอยู่ในน้ำอยู่ เช่น มีครีบหาง มีช่องเปิดเหงือก และไม่มีเปลือกตา ไม่มีกระดูกแมคซิลลา และโครงสร้างเนื้อเยื่อชั้นผิวหนังแตกต่างจากตัวเต็มวัย ซึ่งทั้งหมดนี้จะแปรสภาพเป็นของตัวเต็มวัยเมื่อวัยอ่อนเปลี่ยนรูปร่าง เพดานปากของวัยอ่อนแปรเปลี่ยนสภาพเมื่อเปลี่ยนรูปร่างเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสัตวครึ่งบกครึ่งน้ำในอันดับนี้
การจำแนก ปัจจุบัน มีการอนุกรมวิธานซาลาแมนเดอร์และนิวต์ (ชื่อสามัญใช้เรียกซาลาแมนเดอร์ขนาดเล็ก) ออกเป็นวงศ์ทั้งหมด 10 วงศ์ (3 อันดับย่อย) ใน 68 สกุล และมีชนิดพันธุ์ประมาณ 580 ชนิด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือและในเขตอบอุ่นของยูเรเชีย แต่บางวงศ์ก็มีการกระจายพันธุ์ในทวีปอเมริกาใต้และอเมริกากลาง รวมถึงบางส่วนของทวีปแอฟริกาและเอเชียกลางตามแนวเทือกเขาหิมาลัยด้วย
| วงศ์ | รายละเอียดแบบย่อ ๆ | ตัวอย่างของชนิด | รูปภาพ |
| Cryptobranchidae | เป็นวงศ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบรรดาสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั้งหมด พบปัจจุบัน 3 ชนิด ในทวีปอเมริกาเหนือ 1 ชนิด และ 2 ชนิดในเอเชียตะวันออก | ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน (Andrias davidianus) | |
| Hynobiidae | เป็นวงศ์ที่มี 9 สกุล 53 ชนิด พบได้เฉพาะทวีปเอเชีย | ซาลาแมนเดอร์ฮิดา (Hynobius kimurae) | |
| วงศ์ | รายละเอียดแบบย่อ ๆ | ตัวอย่างของชนิด | รูปภาพ |
| Ambystomatidae | มีรูปร่างป้อมและหางใหญ่ โดยคงรูปร่างในวัยอ่อนได้ดี ไม่มีเหงือกและไม่มีช่องเปิดเหงือก มีปอด มีเพียงสกุลเดียว 33 ชนิด พบได้ในทวีปอเมริกาเหนือจนถึงอเมริกากลาง | แอกโซลอเติล (Ambystoma mexicanum) | |
| Amphiumidae | มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายงูหรือเขียดงู แต่มีนิ้วเท้าขนาดเล็กและมีขนาดความยาวลำตัวแตกต่างกัน มีสกุลเดียว 3 ชนิด พบได้เฉพาะในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา | แอมฟิอูมาสองนิ้ว (Amphiuma means) | |
| Dicamptodontidae | มีลำตัวป้อมและหางใหญ่ มีขนาดตั้งแต่ 13-35 เซนติเมตร พบเฉพาะลำธารในป่าดิบที่มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็นของทวีปอเมริกาเหนือจนถึงอเมริกากลาง | ซาลาแมนเดอร์ยักษ์แปซิฟิก (Dicamptodon tenebrosus) | |
| Plethodontidae | เป็นวงศ์ที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดของอันดับนี้ พบอาศัยแตกต่างกันทั้งในน้ำ บนบก และบนต้นไม้ | ซาลาแมนเดอร์หลังแดง (Plethodon cinereus) | |
| Proteidae | มีลำตัวเรียวยาว มีขนาดตั้งแต่ 20-48 เซนติเมตร อาศัยอยู่ในน้ำ มี 2 สกุล 5 ชนิด ในทวีปอเมริกาเหนือและบางส่วนในยุโรป | โอล์ม (Proteus anguinus) | |
| Rhyacotritonidae | เป็นวงศ์ที่มีโครงสร้างลักษณะเฉพาะ มีลำตัวป้อมขาสั้นแต่ใหญ่ ปฏิสนธิภายในตัว มีสกุลเดียว 4 ชนิด พบในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา | ซาลาแมนเดอร์เทอร์เรนต์ใต้ (Rhyacotriton variegatus) | |
| Salamandridae | เป็นวงศ์ที่มีขนาดเล็ก หรือเรียกในชื่อสามัญได้ว่า "นิวต์" มี 21 สกุล 79 ชนิด กระจายพันธุ์ไปในหลายพื้นที่ทั่วโลก | กะท่าง (Tylotriton verrucosus) | |
| วงศ์ | รายละเอียดแบบย่อ ๆ | ตัวอย่างของชนิด | รูปภาพ |
| Sirenidae | มีรูปร่างเรียวยาวคล้ายปลาไหลหรือเขียดงู ขาคู่หน้าเล็กมากและนิ้วมีจำนวนลดลง มี 2 สกุล 4 ชนิด พบในลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปีและบางส่วนของเม็กซิโก | ไซเรนใหญ่ (Siren lacertina) | |
ซาลาแมนเดอร์และนิวต์ ถูกเรียกชื่อสามัญมาจากสัตว์ประหลาดในเทพปกรณัมกรีก คือ ซาลาแมนเดอร์ ที่เล่ากันว่ามีรูปร่างคล้ายจิ้งจก แต่เมื่ออยู่ในไฟแล้วไม่ตาย ปกติแล้วเป็นสัตว์ที่มนุษย์ไม่ใช้เป็นอาหาร แต่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะความน่าสนใจในวงจรชีวิตและหลายชนิดก็มีสีสันสวยงาม และรูปร่างลักษณะที่แปลก โดยชนิดที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยที่สุด คือ กะท่าง ซึ่งเป็นเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่พบได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะตัวผู้ในฤดูผสมพันธุ์จะมีแต้มบนลำตัวชัดเจนเป็นสีส้มสด แต่ก็มีความเสี่ยงเป็นชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว
อีกทั้งยังเลี้ยงไว้เพื่อการศึกษาวิจัยในเรื่องสเต็มเซลล์ของแอกโซลอเติลด้วย
อ้างอิง - "Caudata". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ.
- วีรยุทธ์ เลาหะจินดา, วิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก หน้า 306-313 (พ.ศ. 2552) ISBN 978-616-556-016-0
- Ashcroft, Frances (2002). Life at the Extremes: The Science of Survival. Berkeley, CA: University of California Press. p. 112. ISBN 978-0520234207
- Salamander Discovery Could Lead to Human Limb Regeneration (อังกฤษ)
แหล่งข้อมูลอื่น - เว็บไซต์ขององค์กรอนุรักษ์ซาลาแมนเดอร์และนิวต์
ซาลาแมนเดอร, บทความน, เก, ยวก, บส, ตว, คร, งบกคร, งน, ำอ, นด, บหน, สำหร, บส, ตว, ในตำนาน, ซาลามานเดอร, งม, ตในตำนาน, วงเวลาท, ตอย, แรสซ, จจ, นไฟ, salamandra, salamandra, เป, นขนาดเล, หร, อน, วต, salamandridae, พบในทว, ปย, โรปในหลายประเทศการจำแนกช, นทางว, ทยาศา. bthkhwamniekiywkbstwkhrungbkkhrungnaxndbhnung sahrbstwintanan duthi salamanedxr singmichiwitintanan salaaemnedxrchwngewlathimichiwitxyu cuaerssik pccubnsalaaemnedxrif Salamandra salamandra epnsalaaemnedxrkhnadelk hruxniwt Salamandridae phbinthwipyuorpinhlaypraethskarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Amphibiachnyxy Lissamphibiaxndb Caudata Scopoli 1777xndbyxyCryptobranchoidea Salamandroidea Sirenoideaaephnthiaesdngkaraephrkracayphnthukhxngstwinxndbni siekhiyw chuxphxngUrodela 1 salaaemnedxr xngkvs salamander epnstwmikraduksnhlngthixyuinchnstwkhrungbkkhrungna cdxyuinxndb Caudata aela Urodela enuxha 1 lksnaaelaphvtikrrm 2 karcaaenk 3 khwamsmphnthkbmnusy 4 xangxing 5 aehlngkhxmulxunlksnaaelaphvtikrrm aekikhmiruprangswnmakmikha 2 khu aelamihang latwsnaelamiklamenuxlatwlksnaepnplxngelknxy bangchnidthixasyxyuinnamilatweriywyawaelaldrupkhxngkha echn skul Amphiuma Siren Oedipina Pseudobranchus swnmakidldrupcanwnchinkhxngkradukkaohlk aelatwetmwymikhnadaetktangknmak khux rahwang 3 esntiemtr cnthungekuxb 2 emtr twetmwymibangswnxasyxyubnbk aetphsmphnthuinna aetbangchnidkxasyaelaphsmphnthuknbnbk hruxxasyxyuaetinnaaelaphsmphnthukninna hruxxasyxyubntnimsalaaemnedxrimmichxnghuchnklangaelaimmiaephneyuxaekwhu okhrngsrangichrbfngesiyngprakxbdwykradukkhxliwemlla aelakradukoxephxkhiwlm okhrngsrangthng 2 nixacepnkradukxxnhruxepnkradukaelaechuxmtxkbhuchnin kradukkhxliwemllaichrbfngkhlunesiynginxakas swnkradukoxephxkhiwlmthiechuxmtxkbkraduksupraskhaphulakhxngkradukhwihlaelaklamenuxichrbfngkhlunesiyngkhlunkhwamthitainxakasaelaaerngsaethuxnbnphundin xyangirktamsalaaemnedxrinhlaywngskimmikradukoxephxkhiwlmaelahruximmiklamenuxmiokhrngsrangthangphiwhnngehmuxnkbstwkhrungbkkhrungnaxndbxun rwmthngmitxmemuxkaelatxmphisichpxngkntw txmemuxkinhlaychnidthahnathisngekhraasarfioromnephuxichdungdudephstrngkhaminkarekiywpharasi khnathitxmemuxkkhxngbangwngsaelabangskulcaxyurwmknepnklum echn wngs Plethodontidae aelaskul Notophthalmuskarsubphnthumithngaebbptisnthiphayinaelaptisnthiphaynxkrangkay twwyxxnmiruprangehmuxnwyrunaelatwetmwy aetmiehnguxkaelamiokhrngsrangkhxngrangkaybangprakarthiekiywkhxngkbkarxasyxyuinnaxyu echn mikhribhang michxngepidehnguxk aelaimmiepluxkta immikradukaemkhsilla aelaokhrngsrangenuxeyuxchnphiwhnngaetktangcaktwetmwy sungthnghmdnicaaeprsphaphepnkhxngtwetmwyemuxwyxxnepliynruprang ephdanpakkhxngwyxxnaeprepliynsphaphemuxepliynruprangechnediywkn sungepnlksnaechphaakhxngstwkhrungbkkhrungnainxndbnikarcaaenk aekikhpccubn mikarxnukrmwithansalaaemnedxraelaniwt chuxsamyicheriyksalaaemnedxrkhnadelk xxkepnwngsthnghmd 10 wngs 3 xndbyxy in 68 skul aelamichnidphnthupraman 580 chnid swnihyxasyxyuinthwipxemrikaehnuxaelainekhtxbxunkhxngyuerechiy aetbangwngskmikarkracayphnthuinthwipxemrikaitaelaxemrikaklang rwmthungbangswnkhxngthwipaexfrikaaelaexechiyklangtamaenwethuxkekhahimalydwy xndbyxy Cryptobranchoideawngs raylaexiydaebbyx twxyangkhxngchnid rupphaphCryptobranchidae epnwngsthimikhnadihythisudkhxngbrrdastwkhrungbkkhrungnathnghmd phbpccubn 3 chnid inthwipxemrikaehnux 1 chnid aela 2 chnidinexechiytawnxxk salaaemnedxrykscin Andrias davidianus Hynobiidae epnwngsthimi 9 skul 53 chnid phbidechphaathwipexechiy salaaemnedxrhida Hynobius kimurae xndbyxy Salamandroideawngs raylaexiydaebbyx twxyangkhxngchnid rupphaphAmbystomatidae miruprangpxmaelahangihy odykhngrupranginwyxxniddi immiehnguxkaelaimmichxngepidehnguxk mipxd miephiyngskulediyw 33 chnid phbidinthwipxemrikaehnuxcnthungxemrikaklang aexkoslxetil Ambystoma mexicanum Amphiumidae miruprangeriywyawkhlaynguhruxekhiydngu aetminiwethakhnadelkaelamikhnadkhwamyawlatwaetktangkn miskulediyw 3 chnid phbidechphaainthistawnxxkechiyngitkhxngshrthxemrika aexmfixumasxngniw Amphiuma means Dicamptodontidae milatwpxmaelahangihy mikhnadtngaet 13 35 esntiemtr phbechphaalatharinpadibthimixunhphumikhxnkhangeynkhxngthwipxemrikaehnuxcnthungxemrikaklang salaaemnedxryksaepsifik Dicamptodon tenebrosus Plethodontidae epnwngsthimicanwnsmachikmakthisudkhxngxndbni phbxasyaetktangknthnginna bnbk aelabntnim salaaemnedxrhlngaedng Plethodon cinereus Proteidae milatweriywyaw mikhnadtngaet 20 48 esntiemtr xasyxyuinna mi 2 skul 5 chnid inthwipxemrikaehnuxaelabangswninyuorp oxlm Proteus anguinus Rhyacotritonidae epnwngsthimiokhrngsranglksnaechphaa milatwpxmkhasnaetihy ptisnthiphayintw miskulediyw 4 chnid phbinthistawntkechiyngehnuxkhxngshrthxemrika salaaemnedxrethxrerntit Rhyacotriton variegatus Salamandridae epnwngsthimikhnadelk hruxeriykinchuxsamyidwa niwt mi 21 skul 79 chnid kracayphnthuipinhlayphunthithwolk kathang Tylotriton verrucosus xndbyxy Sirenoideawngs raylaexiydaebbyx twxyangkhxngchnid rupphaphSirenidae miruprangeriywyawkhlayplaihlhruxekhiydngu khakhuhnaelkmakaelaniwmicanwnldlng mi 2 skul 4 chnid phbinlumaemnamississippiaelabangswnkhxngemksiok isernihy Siren lacertina 2 khwamsmphnthkbmnusy aekikhsalaaemnedxraelaniwt thukeriykchuxsamymacakstwprahladinethphpkrnmkrik khux salaaemnedxr thielaknwamiruprangkhlaycingck aetemuxxyuinifaelwimtay 3 pktiaelwepnstwthimnusyimichepnxahar aetniymeliyngepnstweliyng ephraakhwamnasnicinwngcrchiwitaelahlaychnidkmisisnswyngam aelarupranglksnathiaeplk odychnidthiidrbkarykyxngwamikhwamswythisud khux kathang sungepnephiyngchnidediywethannthiphbidinpraethsithy odyechphaatwphuinvduphsmphnthucamiaetmbnlatwchdecnepnsismsd aetkmikhwamesiyngepnchnidthiiklcasuyphnthuaelwxikthngyngeliyngiwephuxkarsuksawicyineruxngsetmesllkhxngaexkoslxetildwy 4 xangxing aekikh Caudata rabbkhxmulkarcaaenkphnthuaebbburnakar wiryuthth elahacinda withyastweluxykhlanaelastwsaethinnasaethinbk hna 306 313 ph s 2552 ISBN 978 616 556 016 0 Ashcroft Frances 2002 Life at the Extremes The Science of Survival Berkeley CA University of California Press p 112 ISBN 978 0520234207 Salamander Discovery Could Lead to Human Limb Regeneration xngkvs aehlngkhxmulxun aekikhewbistkhxngxngkhkrxnurkssalaaemnedxraelaniwtekhathungcak https th wikipedia org w index php title salaaemnedxr amp oldid 9209459, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,
บทความ
, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม
.jpg.html){kind=link}
_edit.jpg.html){kind=link}
