เปรม ติณสูลานนท์
การแก้ไขบทความนี้ของผู้ใช้ใหม่หรือผู้ใช้ไม่ลงทะเบียนถูกปิดใช้งาน ดูนโยบายการป้องกันและปูมการป้องกันสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม หากคุณไม่สามารถแก้ไขบทความนี้และคุณประสงค์เปลี่ยนแปลง คุณสามารถส่งคำขอแก้ไข อภิปรายการเปลี่ยนแปลงทางหน้าคุย ขอเลิกป้องกัน ล็อกอิน หรือสร้างบัญชี |
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ (26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 – 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562) เป็นนายทหารและนักการเมืองไทย ประธานองคมนตรี เริ่มต้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก่อนได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16 (ดำรงตำแหน่งปี 2523 ถึง 2531) หลังจากนั้นเป็นประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวช่วงระยะหนึ่ง ในปี 2559
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ น.ร., ป.จ., ส.ร., ม.ป.ช., ม.ว.ม., ป.ภ. | |
---|---|
เปรม ติณสูลานนท์ ใน พ.ศ. 2553 | |
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ | |
ดำรงตำแหน่ง 13 ตุลาคม 2559 – 1 ธันวาคม 2559 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
นายกรัฐมนตรี | ประยุทธ์ จันทร์โอชา |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี |
ประธานองคมนตรี | |
ดำรงตำแหน่ง 4 กันยายน 2541 – 26 พฤษภาคม 2562 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ผู้ว่าการแทน | ธานินทร์ กรัยวิเชียร |
ก่อนหน้า | สัญญา ธรรมศักดิ์ |
ถัดไป | สุรยุทธ์ จุลานนท์ |
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 16 | |
ดำรงตำแหน่ง 3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531 | |
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร |
ก่อนหน้า | เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ |
ถัดไป | ชาติชาย ชุณหะวัณ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | |
ดำรงตำแหน่ง 24 พฤษภาคม 2522 – 5 สิงหาคม 2529 | |
นายกรัฐมนตรี | ตนเอง |
ก่อนหน้า | เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ |
ถัดไป | พะเนียง กานตรัตน์ |
ผู้บัญชาการทหารบก | |
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม 2521 – 25 สิงหาคม 2524 | |
ก่อนหน้า | เสริม ณ นคร |
ถัดไป | ประยุทธ จารุมณี |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 26 สิงหาคม พ.ศ. 2463 จังหวัดสงขลา ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 (98 ปี) กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย |
พระราชทานเพลิง | 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส |
ลายมือชื่อ | |
การเข้าเป็นทหาร | |
รับใช้ | ไทย |
สังกัด | กองทัพบกไทย |
ประจำการ | 2484–2529 |
ยศ | พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก |
บังคับบัญชา | กองทัพบกไทย |
การยุทธ์ |
บุคลิกส่วนตัวของพลเอกเปรมเป็นคนพูดน้อย ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนน้อยมาก จนถูกหนังสือพิมพ์ในขณะนั้นเรียกขานว่า เตมีย์ใบ้ และได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเหตุการณ์กบฏเมษาฮาวายและกบฏ 9 กันยา หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 3 สิงหาคม 2531 พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี
มีนักวิชาการและสื่อว่า พลเอกเปรมมีบทบาทในการเมืองไทย แม้รัฐบาลทหารหลังรัฐประหารปี 2549 ปฏิเสธข่าวนี้
ประวัติ
พลเอกเปรมเกิดที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ชื่อ "เปรม" นั้น พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เป็นผู้ตั้งให้ ส่วนนามสกุล "ติณสูลานนท์" พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2462 เป็นบุตรชายคนรองสุดท้อง จากจำนวน 8 คน ของรองอำมาตย์โท หลวงวินิจทัณฑกรรม (บึ้ง ติณสูลานนท์) ต้นตระกูลติณสูลานนท์ กับนางออด วินิจทัณฑกรรม ชีวิตส่วนตัวเปรมมิได้สมรสกับใครเลย
พลเอกเปรมสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดบ่อยาง ศึกษาต่อมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในปี 2478 ต่อมาจบมัธยมศึกษาปีที่ 7-8 แผนกวิทยาศาสตร์จาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อปี 2479 เข้าศึกษาต่อนักเรียนนายร้อย ที่โรงเรียนเทคนิคทหารบก (ต่อมาคือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) รุ่นที่ 5 สังกัดเหล่าทหารม้า เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2481 จบหลักสูตรนายทหารฝึกราชการ โรงเรียนนายทหารม้า ระดับผู้บังคับบัญชาปี 2490 หลังจากนั้นก็ไปศึกษาต่อต่างประเทศ ที่สหรัฐ หลักสูตรผู้บังคับกองพัน โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐ ปี 2496, หลักสูตรพิเศษ วิทยาลัยการทัพบก ปี 2503 หลักสูตรวิทยาลัยอ้งกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 9 ปี 2509 และได้ดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติฟิลิปปินส์ เมื่อ 23 เมษายน 2498 และยังได้วิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2555
เมื่อจบการศึกษาใน พ.ศ. 2484 ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จากนั้นเข้าสังกัดกองทัพพายัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของหลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) ทำการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี 2485 – 2488 ที่เชียงตุง[ต้องการอ้างอิง]
ราชการทหาร
ภายหลังสงคราม พลเอกเปรมรับราชการอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และได้รับทุนไปศึกษาต่อที่โรงเรียนยานเกราะของกองทัพบกสหรัฐ ที่ฟอร์ตน็อกซ์ รัฐเคนทักกี พร้อมกับพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ และพลเอกวิจิตร สุขมาก เมื่อ พ.ศ. 2495 แล้วกลับมารับตำแหน่งรองผู้บัญชาการโรงเรียนยานเกราะ ต่อมามีการจัดตั้งโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ศูนย์การทหารม้า ที่จังหวัดสระบุรี
พลเอก เปรม ได้รับพระบรมราชโองการเป็นผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า ยศพลตรี เมื่อปี 2511 ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้านี้ เขามักเรียกแทนตัวเองต่อผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าว่า "ป๋า" และเรียกผู้ที่อาวุโสน้อยกว่าอย่างเอ็นดูและเป็นกันเองว่า "ลูก" จนเป็นที่มาของคำว่าป๋า หรือ ป๋าเปรม และคนสนิทของท่านมักถูกเรียกว่า ลูกป๋า และเรียกติดปากกันมาจนถึงปัจจุบัน
พลเอกเปรมย้ายไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ในปี 2516 และเลื่อนเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลพื้นที่ภาคอีสานเมื่อปี 2517 ได้เลื่อนยศเป็นพลเอก ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2520 และเลื่อนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2521
นอกจากยศ พลเอก แล้ว พลเอกเปรม ได้รับพระราชทานยศ พลเรือเอก ของกองทัพเรือ และ พลอากาศเอก ของกองทัพอากาศ ด้วย จากการพระราชทานโปรดเกล้าฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2529
การเข้าร่วมงานทางการเมือง
มีการเสนอว่า บทความนี้หรือส่วนนี้ควรแยกเป็นหลายหน้า (อภิปราย) |
- พ.ศ. 2502 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในสมัยรัฐบาลของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
- พ.ศ. 2511 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาปี 2511
- พ.ศ. 2515 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติในช่วงสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร
การเข้าร่วมทำรัฐประหาร
มีการเสนอว่า บทความนี้หรือส่วนนี้ควรแยกเป็นหลายหน้า (อภิปราย) |
พลเอก เปรม ร่วมทำรัฐประหารในประเทศไทย 2 ครั้ง ซึ่งนำโดย พลเรือเอก สงัด ชลออยู่
- วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ซึ่งในขณะนั้นเขาดำรงตำแหน่งเป็น"แม่ทัพภาคที่ 2"
- วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ซึ่งยึดอำนาจจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งในขณะนั้นเขาดำรงตำแหน่งเป็น"ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก"
ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พลเอกเปรมรับตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปี 2520 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องในรัฐบาลนั้น ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควบคู่กับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ในปี 2522
ในช่วงนั้น พลเอกเปรมได้รับการยอมรับจากหลายฝ่าย หลังจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 สภาผู้แทนราษฎรทำการหยั่งเสียงเพื่อหาตัวผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเลือกพลเอกเปรมเป็นนายกรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง
พลเอกเปรมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสืบต่อจากพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 ซึ่งตลอดระยะเวลาของพลเอกเปรมในการบริหารประเทศได้มีผลงานสำคัญมากมาย เช่น การปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากรและกฎหมายสรรพสินค้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สังคม การสร้างงานตามโครงการสร้างงานในชนบท (กสช.) การจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาล และเอกชน (กรอ.) เพื่อส่งเสริมบทบาททางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนภายในประเทศ การดำเนินการปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยอย่างได้ผล โดยนำนโยบายการใช้ "การเมืองนำการทหาร" ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เป็นผลให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอ่อนกำลังลงและสลายตัวไปในที่สุด
สมัยที่ 1
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 42: 3 มีนาคม พ.ศ. 2523 – 29 เมษายน พ.ศ. 2526 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2526 เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบกับการเสนอให้ยืดอายุการใช้บทเฉพาะกาลของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 มีการเลือกตั้งในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2526
สมัยที่ 2
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 43: 30 เมษายน พ.ศ. 2526 – 4 สิงหาคม พ.ศ. 2529 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 เนื่องจากรัฐบาลแพ้เสียงในสภา ในการออกพระราชกำหนดการขนส่งทางบก มีการเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529
สมัยที่ 3
คณะรัฐมนตรี คณะที่ 44: 5 สิงหาคม พ.ศ. 2529 – 3 สิงหาคม พ.ศ. 2531 สิ้นสุดลงภายหลังการยุบสภา ในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2531 เนื่องจากเกิดปัญหาขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ เกิดกลุ่ม 10 มกรา ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเป็นเอกเทศภายในพรรค กลุ่ม 10 มกรา นี้ลงมติไม่สนับสนุนพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ที่รัฐบาลเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา จนทำให้พระราชบัญญัติไม่ผ่านการเห็นชอบ พรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบโดยการถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เขาจึงประกาศยุบสภา มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531
ในช่วงปลายรัฐบาลพลเอกเปรม ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง มีกระแสการคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 จากกลุ่มนักวิชาการทั่วไป[ต้องการอ้างอิง]
ภายหลังการเลือกตั้ง ในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 หัวหน้าพรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคชาติไทยเป็นแกนนำ ได้เข้าพบพลเอกเปรมที่บ้านพัก เพื่อเชิญให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 แต่พลเอกเปรมปฏิเสธ ต่อมาในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 จึงได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พลตรีชาติชาย ชุณหะวัณ (ยศขณะนั้น) ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 17
หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พลเอกเปรม เป็นองคมนตรี ในวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2531 จากนั้นในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2531 ได้รับโปรดเกล้าฯ ยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ และในวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2541 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นประธานองคมนตรี
บทบาทในวิกฤตการณ์การเมือง
หลังรัฐประหารปี 2549 มีนักวิชาการกล่าวหาพลเอกเปรมว่ามีความเกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 ที่นำไปสู่รัฐประหาร ซึ่งในเวลาพลบค่ำวันที่ 19 กันยายน ช่วงเดียวกับที่กำลังทหารหน่วยรบพิเศษจากจังหวัดลพบุรีเคลื่อนกำลังเข้ากรุงเทพมหานคร พลเอกเปรมเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พลเอกเปรมเป็นผู้สั่งการรัฐประหารโดยนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านสี่เสาร์เทเวศร์ มีบทวิเคราะห์จากสำนักข่าว XFN-ASIA ระบุในเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บ ว่า พลเอกเปรมเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเมืองไทย พร้อมทั้งสนับสนุนให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) รัฐประหารรัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ฝ่ายรัฐบาลทหารว่า พลเอกเปรมไม่เคยมีบทบาททางการเมือง
ในเวลาต่อมา มีการอ้างว่า พลเอกเปรมอาจมีบทบาทสำคัญในการเชิญพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และอดีตลูกน้อง มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วย จนนักวิจารณ์บางคน กล่าวว่า สภาฯ ชุดนี้เต็มไปด้วย "ลูกป๋า"
วันที่ 22 กรกฎาคม 2550 นปก. ชุมนุมประท้วงหน้าบ้านของพลเอกเปรม เพื่อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เพราะเชื่อว่ามีบทบาททางการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าสลายการชุมนุม มีการยิงแก๊สพริกไทยแล้วล้อมรถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงของแกนนำ ผู้ชุมนุมขว้างปาขวดพลาสติกและขวดแก้วใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เกิดการปะทะกันชุลมุนวุ่นวาย เจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายคน ด้านแยกสี่เสาเทเวศร์ กลุ่ม นปก.ส่วนหนึ่งทุบทำลายซุ้มตำรวจจราจรและทุบรถส่องไฟและกระจายเสียงของตำรวจที่จอดไว้ รวมทั้งปล่อยลมยางรถยนต์ ในวันต่อมา พลเอกสนธิ พลเอกสุรยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีไปเยี่ยมพลเอกเปรมเพื่อขอโทษที่ยอมให้มีการประท้วง
บางกอกพันดิท (Bangkok Pundit) เขียนในเอเชียคอร์เรสปอนเดนท์ว่า พลเอกเปรมเป็นผู้เล่นสำคัญในการเมืองไทยในหลายทศวรรษหลัง เจมส์ อ็อกคีย์ (James Ockey) ว่า "ก่อนรัฐบาลไทยรักไทยกำเนิดในปี 2544 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกแทบทุกคนในทศวรรษที่ผ่านมาเป็นอดีตผู้ช่วยของเปรม" แต่ "แน่นอนว่ายิ่งเปรมเกษียณนานเท่าไร อิทธิพลของเขาในกองทัพก็ยิ่งอ่อนลงเท่านั้น" เขามีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดเมื่อรัฐประหารปี 2549 และยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างกองทัพและพระราชวัง ทว่า นับแต่ปี 2549 อำนาจของเขาและความสามารถมีอิทธิพลจางลงเมื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาและบูรพาพยัคฆ์มีเส้นสายของตัวและสามารถเลี่ยงพลเอกเปรมได้แล้ว Marwaan Macan-Markar เขียนว่า "ต่างกับสนธิ ประยุทธ์ยังไม่เป็นหนี้บุญคุณเครือข่ายอิทธิพลซึ่งเป็นผู้รักษาประตูสู่พระมหากษัตริย์แต่เดิม อันเป็นที่สถิตของอำนาจสูงสุดในราชอาณาจักร" และ "บูรพาพยัคฆ์คืนชีพโดยทำลายสายการบังคับบัญชาเดิมซึ่งเป็นหนี้บุญคุณต่อพลเอกเปรม เขามีสามัคคีจิตของเขาเอง"
ถึงแก่อสัญกรรม
พลเอก เปรม ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09:09 น. ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานโกศกุดั่นน้อย ฉัตรเครื่องตั้งประดับ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่กลองชนะ ประโคมเวลาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และทรงรับศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เชิญพวงมาลาหลวง วางที่หน้าโกศศพ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีจะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทานในวาระครบ 7 วัน
ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศล 15 วัน 50 วัน และ 100 วัน ตามลำดับ และให้ไว้ทุกข์ในพระราชสำนัก เป็นเวลา 21 วัน นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม ถึงวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2562 เว้นวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี
ในวันที่ 10 และ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562 พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการสำนักพระราชวัง รับพระบรมราชโองการให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ รักษาการประธานองคมนตรี เข้าร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพ และวางพวงมาลา
ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ไปยังเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ในการพระราชทานเพลิงศพ พลเอก เปรม จากนั้นเสด็จขึ้นเมรุ ทรงวางกระทงข้าวตอกดอกไม้ เจ้าพนักงาน ถวายดอกไม้จันทน์ ทรงวางดอกไม้จันทน์พระราชทานเพลิงศพ เวลาค่ำทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปในการพระราชทานเพลิงศพ(จริง) ผู้แทนพระองค์ขึ้นเมรุจากนั้นวางดอกไม้จันทน์ใต้หีบศพ จากนั้นแขกผู้มีเกียรติขึ้นเผาศพต่อไป
ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลาเช้า เจ้าพนักงานดับเพลิงในเตาเผาจากนั้น แปรรูปอัฐิ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปในการเก็บอัฐิ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดต่าง ๆ ดังนี้
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2525 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2533 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)
- พ.ศ. 2522 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- พ.ศ. 2518 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- พ.ศ. 2539 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ (ป.ภ.)
- พ.ศ. 2531 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ
- พ.ศ. 2484 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.)
- พ.ศ. 2505 – เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามมหาเอเชียบูรพา (ช.ส.)
- พ.ศ. 2521 – เหรียญพิทักษ์เสรีชน ชั้นที่ 1 (ส.ช.)
- พ.ศ. 2476 – เหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (พ.ร.ธ.)
- พ.ศ. 2498 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
- พ.ศ. 2525 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)
- พ.ศ. 2562 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 10 ชั้นที่ ๑ (ว.ป.ร.๑)
- พ.ศ. 2523 – เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- สวีเดน : พ.ศ. 2546 - The Royal Order of the Polar Star ขั้นสูงสุด
- เนเธอร์แลนด์ : พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์ออเรนจ์-นัสเซา ขั้นสูงสุด
- เยอรมนีตะวันตก : พ.ศ. 2527 - เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชั้นที่ 1 (พิเศษ)
ลำดับสาแหรก
ลำดับสาแหรกของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถ
อ้างอิง
- ถอดรหัสป๋า เปิดปาก 3 ฝ่ายต้องคุยกันเอง
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2011-08-14. สืบค้นเมื่อ 2009-09-22.
- ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พระราชทานนามสกุล ครั้งที่ ๘๑ หน้า 1356 เล่ม 36 10 สิงหาคม 2462
- ↑ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ, 27 พฤษภาคม 2562, "อาลัย... พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี", หน้า 28
- วีรชาติ ชุ่มสนิท, 24 นายกรัฐมนตรีไทย, ออลบุ๊คส์พับลิสชิ่ง, 2549 ISBN 974-94-55398
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานยศทหาร
- พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๔๔ ราย)
- พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี (จำนวน ๓๗ ราย)
- Kate McGeown, Thai king remains centre stage, BBC News, 21 September 2006
- Asia Sentinel, Could Thailand be Getting Ready to Repeat History? 2012-02-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 2 April 2007
- The Nation, Coup as it unfolds 2007-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 20 September 2006
- onopen.com หลังฉากพันธมิตร หลังวันรัฐประหาร และหลังรัฐบาลสุรยุทธ์ กับ สุริยะใส กตะศิลา 2007-11-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2007-11-24. สืบค้นเมื่อ 2006-11-11.
- Bangkok Post, UDD aims to damage monarchy[ลิงก์เสีย], 25 July 2007
- The Australian, Thailand's post-coup cabinet unveiled 2007-03-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 9 October 2006
- The Nation, NLA 'doesn' t represent' all of the people 2006-11-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 14 October 2006
- The Nation, Assembly will not play a major role 2007-01-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 14 October 2006
- ไทยโพสต์, ลุยม็อบจับแกนนำนปก.ปะทะเดือดตร.สลาย3รอบหมายรวบหัวไม่สำเร็จ 2007-09-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, 23 กรกฎาคม 2550
- Bangkok Post, Six protesters held Archived 2012-07-23 ที่ archive.today, 23 uly 2007
- The Nation, PM says sorry to Prem over mob violence 2007-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, July 2007
- James Ockey, “Monarch, monarchy, succession and stability in Thailand“, Asia Pacific Viewpoint, Vol. 46, No. 2, August 2005, pp 115–127 at 123 อ้างใน Bangkok Pundit. In post-coup Thailand, what is happening with Prem?. Asian Correspondent. (Sep 09, 2014). สืบค้น 11-9-2014.
- Marwaan Macan-Markar, “On top at last, in civilian clothes” in The Edge Review, edition of August 22-28. อ้างใน Bangkok Pundit. In post-coup Thailand, what is happening with Prem?. Asian Correspondent. (Sep 09, 2014). สืบค้น 11-9-2014.
- ↑ ประกาศสำนักพระราชวัง 'พลเอก เปรม ติณสูลานนท์' ถึงแก่อสัญกรรม
- เข้าร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพ
- ในหลวง พระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ พระราชทานเพลิงศพ พล.อ.เปรม
- ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นโบราณมงคล นพรัตน์ราชวราภรณ์ เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๑๔๐ ง ฉบับพิเศษ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ หน้า ๑
- ราชกิจจานุเบกษา แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๖ เล่ม ๙๙ ตอนที่ ๗๖ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๕
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีเล่ม ๑๐๗ ตอน ๕๕ ง ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๓ หน้า ๒๖๕๙
- ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๑๓ เล่ม ๙๖ ตอนที่ ๑๑ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๒
- ราชกิจจานุเบกษาแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๔๗ เล่ม ๙๒ ตอนที่ ๒๖๓ ๒๖ มกราคม ๒๕๑๕
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๑๓, ตอน ๒๒ข, ๔ ธันวาคม ๒๔๓๙, หน้า ๑
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ (จำนวน ๑๔ ราย), หน้า ๑๐๕, ตอน ๙๕ ง ฉบับพิเศษ, ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑, หน้า ๒
- ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๕๘, ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๔, หน้า ๙๓๒
- ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญชัยสมรภูมิ, เล่ม ๗๙, ตอน ๘๓, ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๕, หน้า ๑๒
- ราชกิจจานุเบกษา,แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญพิทักษ์เสรีชน, เล่ม ๙๕, ตอน ๘๐, ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๑, หน้า ๒๑
- ราชกิจจานึเบกษา,แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฉบับพิเศษ หน้า ๓๐๖ เล่ม ๗๒ ตอนที่ ๙๙, ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘
- ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (พลเอก เปรม ติณสูลานนท์), เล่ม ๙๙, ตอน ๖๐ ง, ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๕, หน้า ๑๔๑๒
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศ เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๑๓๖, ตอน ๑๗ ข, ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒, หน้า ๒
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จำนวน ๖๓ ราย, เล่ม ๑๒๐, ตอน ๔ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๖, หน้า ๕
- ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ จำนวน ๗๔ ราย, เล่ม ๑๒๑, ตอน ๖ ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗, หน้า ๒
- "แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาต ประดับเครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 102 (60ง ฉบับพิเศษ): 12. 16 พฤษภาคม 2528. สืบค้นเมื่อ 5 มีนาคม 2564. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help)
แหล่งข้อมูลอื่น
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: เปรม ติณสูลานนท์ |
- ชีวประวัติ พลเอกเปรม 2005-11-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก เว็บสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ก่อนหน้า | เปรม ติณสูลานนท์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ | ประธานองคมนตรี (4 กันยายน 2541 – 13 ตุลาคม 2559) (2 ธันวาคม 2559 - 26 พฤษภาคม 2562) | พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (รักษาการประธานองคมนตรี) | ||
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, หลวงอดุลเดชจรัส (อดุล อดุลเดชจรัส) | ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (13 ตุลาคม 2559 - 1 ธันวาคม 2559) | - | ||
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย (ครม. 42, 43 และ 44) (3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531) | พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ | ||
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (24 พฤษภาคม 2522 - 5 สิงหาคม 2529) | พลอากาศเอก พะเนียง กานตรัตน์ | ||
พลเอก เสริม ณ นคร | ผู้บัญชาการทหารบก (1 ตุลาคม 2521 – 25 สิงหาคม 2524) | พลเอก ประยุทธ จารุมณี | ||
ปรีดี พนมยงค์ | รัฐบุรุษ (29 สิงหาคม 2531 – 26 พฤษภาคม 2562) | - |