กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (อังกฤษ: gastroenteritis) หรือ ท้องร่วงจากการติดเชื้อ (อังกฤษ: infectious diarrhea) เป็นภาวะที่มีการอักเสบของอวัยวะในทางเดินอาหาร ได้แก่กระเพาะอาหารและลำไส้ ผู้ป่วยอาจมีอาการอุจจาระร่วง อาเจียน และปวดท้องได้ บางรายอาจมีไข้ อ่อนเพลีย และขาดน้ำร่วมด้วย ส่วนใหญ่เป็นอยู่ไม่เกิน 2 สัปดาห์ เรียกว่ากระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเฉียบพลัน (อังกฤษ: acute gastroenteritis)
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Gastro, stomach bug, stomach virus, stomach flu, gastric flu, gastrointestinitis |
ภาพไวรัสต่างๆ ที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ เป็นภาพถ่ายกำลังขยายเท่ากัน สามารถเปรียบเทียบขนาดของไวรัสแต่ละชนิดได้: A = ไวรัสโรต้า, B = ไวรัสอะดีโน, C = ไวรัสโนโร, และ D = ไวรัสแอสโตร | |
สาขาวิชา | โรคติดเชื้อ, วิทยาทางเดินอาหาร |
อาการ | อุจจาระร่วง, อาเจียน, ปวดท้อง, มีไข้ |
ภาวะแทรกซ้อน | ภาวะขาดน้ำ |
สาเหตุ | เกิดจากการติดเชื้อ เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย, ปรสิต, เชื้อรา |
วิธีวินิจฉัย | วินิจฉัยจากอาการ, อาจส่งอุจจาระเพาะเชื้อในบางกรณี |
โรคอื่นที่คล้ายกัน | โรคลำไส้อักเสบไอบีดี, กลุ่มอาการดูดซึมสารอาหารบกพร่อง, ภาวะไม่ทนต่อแลกโตส |
การป้องกัน | การล้างมือ, ดื่มน้ำสะอาด, ขับถ่ายของเสียให้ถูกสุขอนามัย, ให้ทารกกินนมแม่ |
การรักษา | สารละลายชดเชยการขาดน้ำแบบกินทางปาก (ประกอบด้วยน้ำ เกลือแกง และน้ำตาล), การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ |
ความชุก | 2.4 พันล้านคน (ค.ศ. 2015) |
การเสียชีวิต | 1.3 ล้านคน (ค.ศ. 2015) |
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส และมีบางส่วนเกิดจากการติดเชื้ออื่นๆ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ปรสิต และเชื้อรา เด็กที่ป่วยภาวะนี้และมีอาการรุนแรงส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า ส่วนในผู้ใหญ่ที่พบบ่อยที่สุดคือไวรัสโนโรและเชื้อแบคทีเรียแคมไพโลแบกเตอร์ พฤติกรรมที่ทำให้โรคแพร่กระจายได้แก่ กินอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย การรักษาส่วนใหญ่จะเหมือนๆ กันไม่ว่าจะมีเชื้อใดเป็นสาเหตุ ดังนั้นโดยทั่วไปจะไม่นิยมส่งตรวจหาเชื้อ
การป้องกันทำได้โดยล้างมือด้วยสบู่ ดื่มน้ำสะอาด ให้ทารกกินนมแม่แทนนมชง และขับถ่ายให้ถูกสุขลักษณะ ในเด็กแนะนำให้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้าด้วยวัคซีน การรักษาที่สำคัญคือการชดเชยสารน้ำ ในรายที่ป่วยเล็กน้อยหรือปานกลางสามารถทำได้ด้วยวิธีกินสารละลายชดเชยสารน้ำที่ผสมจากน้ำสะอาด เกลือแกง และน้ำตาล ทารกที่กินนมแม่แนะนำให้กินนมแม่ต่อไป ในรายที่ป่วยรุนแรงอาจจำเป็นต้องได้รับสารน้ำผ่านการให้ทางหลอดเลือดดำ หรืออาจให้ผ่านสายสวนกระเพาะอาหารทางจมูก ในเด็กแนะนำให้เสริมแร่ธาตุสังกะสี ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ในเด็กเล็กที่มีไข้และมีอุจจาระเป็นมูกเลือดแนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะร่วมในการรักษาด้วย
ข้อมูล ค.ศ. 2015 พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบราว 2 พันล้านคน เสียชีวิตประมาณ 1.3 ล้านคน กลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเด็กและคนที่อาศัยอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา โดยข้อมูล ค.ศ. 2011 มีเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ป่วยจากภาวะนี้ราว 1.7 พันล้านคน และเสียชีวิตประมาณ 7 แสนคน เด็กอายุไม่เกิน 2 ปีในประเทศพัฒนาแล้วจะป่วยจากภาวะนี้ประมาณปีละ 6 ครั้ง หรือมากกว่า ในผู้ใหญ่จะพบภาวะนี้ได้น้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะภูมิคุ้มกันพัฒนาแล้ว ชื่อภาษาอังกฤษของภาวะนี้ชื่อหนึ่งคือ stomach flu ("ไข้หวัดใหญ่ที่กระเพาะอาหาร") ซึ่งเป็นการเรียกชื่อที่ไม่ตรงกับสาเหตุของโรค ภาวะนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัดใหญ่แต่อย่างใด
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบส่วนใหญ่จะทั้งอาการอาเจียนและถ่ายเหลว แต่อาจมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ อาจปวดท้องร่วมด้วยได้ ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการหลังได้รับเชื้อมาเป็นเวลา 12-72 ชั่วโมง หากเป็นจากการติดเชื้อไวรัสจะหายได้เองในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อาการอื่นที่อาจพบได้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสเช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น หากอุจจาระมีเลือดปนอาจเป็นจากการติดเชื้อแบคทีเรียมากกว่าจะเป็นจากไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดอาจทำให้มีอาการปวดท้องต่อเนื่องได้หลายสัปดาห์
เด็กที่ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโรต้ามักหายได้เองภายใน 3-8 วัน อย่างไรก็ดีเด็กในประเทศยากจนอาจมีความยากลำบากในการเข้าถึงการรักษาสำหรับกรณีที่เป็นรุนแรง ซึ่งอาจทำให้มีภาวะถ่ายเหลวเรื้อรังตามมาได้ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยคือการขาดน้ำ หากผู้ป่วยเด็กขาดน้ำรุนแรงอาจทำให้มีผิวหนังแข็งจับตั้งแล้วคืนตัวได้ช้า เรียกว่าภาวะสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง (poor skin turgor) และอาจมีความเร็วเลือดไหลกลับคืนหลอดเลือดฝอยช้าลง (prolonged capillary refill) ได้ด้วย รายที่ขาดน้ำรุนแรงมากอาจมีอาการหายใจลำบากเพิ่มได้อีก ในพื้นที่ที่สุขลักษณะไม่ดีและขาดแคลนสารอาหารอาจทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อซ้ำได้บ่อย ซึ่งทำให้เกิดภาวะไม่เจริญเติบโตและสติปัญญาบกพร่องตามมาได้
ผู้ป่วยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากเชื้อแบคทีเรียแคมไพโลแบกเตอร์ประมาณ 1% จะมีข้ออักเสบแบบปฏิกิริยาตามมาในภายหลัง และ 0.1% จะเกิดกลุ่มอาการกิลแลงบาร์เร รายที่ติดเชื้ออีโคไลสายพันธุ์ที่สร้างสารพิษชิกา หรือติดเชื้อชิเกลลา อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกยูรีเมีย (HUS) ตามมาได้ ผู้ป่วยที่มี HUS จะมีเกล็ดเลือดต่ำ ไตวาย และเลือดจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ภาวะนี้มีโอกาสเกิดในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ นอกจากนี้แล้วการติดเชื้อไวรัสบางชนิดอาจทำให้เกิดโรคลมชักแบบไม่รุนแรงในทารกได้ด้วย
สาเหตุ
กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส (โดยเฉพาะไวรัสโรต้า) และแบคทีเรีย เช่น อี. โคไล และ แคมไพโลแบกเตอร์ อย่างไรก็ดียังอาจเกิดจากการติดเชื้ออื่นๆ ได้ เช่น ปรสิต และเชื้อรา เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การติดเชื้อได้ แต่พบได้น้อยกว่ามาก เด็กมีโอกาสป่วยมากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ และยังไม่สามารถปฏิบัติตนตามหลักสุขอนามัยได้ เด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้จะมีโอกาสป่วยสูงขึ้นไปอีก
การติดเชื้อ
ไวรัส
แบคทีเรีย
ปรสิต
มีปรสิตอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบได้หลายชนิด ที่พบบ่อยที่สุดคือจิอาร์เดีย แลมเบลีย ชนิดอื่นๆ ที่พบได้ เช่น อี. ฮิสโตไลติกา และคริปโตสปอริเดียม เป็นต้น นับรวมๆ แล้วพบเป็นสาเหตุได้ถึง 10% ของผู้ป่วยเด็กที่มีกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ชนิดที่เกิดจากจิอาร์เดียพบได้บ่อยในประเทศกำลังพัฒนา แต่ก็สามารถพบได้เกือบทุกที่ โดยเฉพาะในคนที่เดินทางไปยังพื้นที่ระบาด เด็กในศูนย์เลี้ยงเด็ก ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และหลังเกิดภัยพิบัติ
การติดต่อ
สาเหตุอื่น
มีสาเหตุอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินอาหารได้โดยไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ที่พบบ่อย เช่น ยาบางชนิด (เช่น ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์), อาหารบางชนิด เช่น นมที่มีแลกโตส (ในผู้ที่มีความไม่ทนต่อแลกโตส), และ กลูเตน (ในผู้ป่วยโรคซีลีแอก) โรคโครห์นก็เป็นอีกโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีลำไส้อักเสบโดยไม่ต้องมีการติดเชื้อ และอาจเป็นได้รุนแรง บางครั้งอาจมีการอักเสบจากการได้รับสารพิษ ซึ่งพิษที่ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว โรคอื่นๆ เช่น การเป็นพิษจากซิกัวเทอรา เกิดจากการกินปลาที่สะสมสารพิษเอาไว้, การเป็นพิษจากสครอมบอยด์ เกิดจากการกินปลาบางชนิดที่เน่าเสีย , การเป็นพิษจากเตโตรโดท็อกซิน จากการกินปลาปักเป้า และ การเป็นพิษจากโบทูลินัม จากการกินอาหารกระป๋องที่เก็บไม่ดี เป็นต้น
ในสหรัฐพบว่าอัตราการเข้าใช้บริหารที่ห้องฉุกเฉินจากภาวะกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อใน ค.ศ. 2011 ลดลงจาก ค.ศ. 2006 ประมาณ 30% โดยในบรรดาโรคที่นำผู้ป่วยมารับบริการที่ห้องฉุกเฉินบ่อยที่สุด 20 อันดับแรก จำนวนผู้ป่วยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อลดลงเป็นสัดส่วนมากที่สุด
การวินิจฉัย
ส่วนใหญ่แล้ววินิจฉัยโดยดูจากอาการและอาการแสดงทางคลินิก การตรวจหาสาเหตุที่ชัดเจนของภาวะนี้มักไม่จำเป็น เนื่องจากไม่เปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษา
กรณีที่ควรตรวจเพิ่มเติมด้วยการตรวจอุจจาระด้วยการเพาะเชื้อ ได้แก่ กรณีที่ถ่ายเป็นเลือด, กรณีที่อาจเกิดจากอาหารเป็นพิษ และกรณีที่เดินทางกลับมาจากประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้อาจควรทำในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี, ผู้สูงอายุ, และผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากนี้ยังอาจตรวจเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฝ้าระวังโรค ผู้ป่วยที่เป็นทารกและเด็กเล็กประมาณ 10% อาจมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำร่วมด้วย จึงแนะนำให้ตรวจระดับกลูโคสในเลือดในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ในรายที่มีภาวะขาดน้ำรุนแรงอาจต้องตรวจอีเล็กโตรลัยต์ในเลือดและตรวจการทำงานของไตร่วมด้วย
การรักษา
ผู้ป่วยกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบส่วนใหญ่หายได้เองและไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ การรักษาที่จะได้ประโยชน์ที่สุดสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ซึ่งมีภาวะขาดน้ำระดับเล็กน้อยถึงปานกลางคือการชดเชยน้ำด้วยการกินสารละลายเกลือแร่ ในเด็กเล็กบางรายที่อาจขาดน้ำจากการอาเจียนอาจได้ประโยชน์จากการใช้ยาต้านการอาเจียนสักหนึ่งครั้ง เช่น เมโทโคลปราไมด์ หรือ ออนแดนซีตรอน เป็นต้น ไฮออสซีนบิวทิลโบรไมด์อาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้
อ้างอิง
- ↑ Singh, Amandeep (July 2010). "Pediatric Emergency Medicine Practice Acute Gastroenteritis — An Update". Pediatric Emergency Medicine Practice. 7 (7).
- ↑ Ciccarelli, S; Stolfi, I; Caramia, G (29 October 2013). "Management strategies in the treatment of neonatal and pediatric gastroenteritis". Infection and Drug Resistance. 6: 133–61. doi:10.2147/IDR.S12718. PMC 3815002. PMID 24194646.
- ↑ Ferri's Clinical Advisor 2015: 5 Books in 1. Elsevier Health Sciences. 2014. p. 479. ISBN 978-0-323-08430-7. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
- ↑ A. Helms, Richard (2006). Textbook of therapeutics : drug and disease management (8. ed.). Philadelphia [u.a.]: Lippincott Williams & Wilkins. p. 2003. ISBN 978-0-7817-5734-8. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
- Caterino, Jeffrey M.; Kahan, Scott (2003). In a Page: Emergency medicine (ภาษาอังกฤษ). Lippincott Williams & Wilkins. p. 293. ISBN 978-1-4051-0357-2. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
- ↑ GBD 2015 Disease and Injury Incidence and Prevalence, Collaborators. (8 October 2016). "Global, regional, and national incidence, prevalence, and years lived with disability for 310 diseases and injuries, 1990–2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1545–1602. doi:10.1016/S0140-6736(16)31678-6. PMC 5055577. PMID 27733282.
- ↑ GBD 2015 Mortality and Causes of Death, Collaborators. (8 October 2016). "Global, regional, and national life expectancy, all-cause mortality, and cause-specific mortality for 249 causes of death, 1980–2015: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2015". Lancet. 388 (10053): 1459–1544. doi:10.1016/s0140-6736(16)31012-1. PMC 5388903. PMID 27733281.
- ↑ Schlossberg, David (2015). Clinical infectious disease (Second ed.). p. 334. ISBN 978-1-107-03891-2. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
- ↑ Tate JE, Burton AH, Boschi-Pinto C, Steele AD, Duque J, Parashar UD (February 2012). "2008 estimate of worldwide rotavirus-associated mortality in children younger than 5 years before the introduction of universal rotavirus vaccination programmes: a systematic review and meta-analysis". The Lancet Infectious Diseases. 12 (2): 136–41. doi:10.1016/S1473-3099(11)70253-5. PMID 22030330.
- Marshall JA, Bruggink LD (April 2011). "The dynamics of norovirus outbreak epidemics: recent insights". International Journal of Environmental Research and Public Health. 8 (4): 1141–9. doi:10.3390/ijerph8041141. PMC 3118882. PMID 21695033.
- Man SM (December 2011). "The clinical importance of emerging Campylobacter species". Nature Reviews Gastroenterology & Hepatology. 8 (12): 669–85. doi:10.1038/nrgastro.2011.191. PMID 22025030. S2CID 24103030.
- ↑ Webb, A; Starr, M (April 2005). "Acute gastroenteritis in children". Australian Family Physician. 34 (4): 227–31. PMID 15861741.
- Zollner-Schwetz, I; Krause, R (August 2015). "Therapy of acute gastroenteritis: role of antibiotics". Clinical Microbiology and Infection. 21 (8): 744–9. doi:10.1016/j.cmi.2015.03.002. PMID 25769427.
- ↑ Webber, Roger (2009). Communicable disease epidemiology and control : a global perspective (3rd ed.). Wallingford, Oxfordshire: Cabi. p. 79. ISBN 978-1-84593-504-7. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-10-26.
- Walker, CL; Rudan, I; Liu, L; Nair, H; Theodoratou, E; Bhutta, ZA; O'Brien, KL; Campbell, H; Black, RE (Apr 20, 2013). "Global burden of childhood pneumonia and diarrhoea". Lancet. 381 (9875): 1405–16. doi:10.1016/S0140-6736(13)60222-6. PMC 7159282. PMID 23582727.
- ↑ Dolin, Raphael; Mandell, Gerald L.; Bennett, John E., บ.ก. (2010). "Chapter 93". Mandell, Douglas, and Bennett's principles and practice of infectious diseases (7th ed.). Philadelphia: Churchill Livingstone/Elsevier. ISBN 978-0-443-06839-3.
- ↑ Eckardt AJ, Baumgart DC (January 2011). "Viral gastroenteritis in adults". Recent Patents on Anti-Infective Drug Discovery. 6 (1): 54–63. doi:10.2174/157489111794407877. PMID 21210762.
- Shors, Teri (2013). The microbial challenge : a public health perspective (3rd ed.). Burlington, MA: Jones & Bartlett Learning. p. 457. ISBN 978-1-4496-7333-8. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-08.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBact2007
- Meloni, A; Locci, D; Frau, G; Masia, G; Nurchi, AM; Coppola, RC (October 2011). "Epidemiology and prevention of rotavirus infection: an underestimated issue?". Journal of Maternal-Fetal and Neonatal Medicine. 24 (Suppl 2): 48–51. doi:10.3109/14767058.2011.601920. PMID 21749188. S2CID 44379279.
- . DefeatDD. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 27 April 2012. สืบค้นเมื่อ 3 May 2012.
- ↑ . National Institute of Clinical Excellence. April 2009. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2009-08-02. สืบค้นเมื่อ 2009-06-11.
- ↑ Tintinalli, Judith E. (2010). Emergency Medicine: A Comprehensive Study Guide (Emergency Medicine (Tintinalli)). New York: McGraw-Hill Companies. pp. 830–839. ISBN 978-0-07-148480-0.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSz2010
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCDC Travelers'
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBMJ2007
- ↑ Escobedo, AA; Almirall, P; Robertson, LJ; Franco, RM; Hanevik, K; Mørch, K; Cimerman, S (October 2010). "Giardiasis: the ever-present threat of a neglected disease". Infectious Disorders Drug Targets. 10 (5): 329–48. doi:10.2174/187152610793180821. PMID 20701575.
- Shane, Andi L; Mody, Rajal K; Crump, John A; Tarr, Phillip I; Steiner, Theodore S; Kotloff, Karen; Langley, Joanne M; Wanke, Christine; Warren, Cirle Alcantara; Cheng, Allen C; Cantey, Joseph; Pickering, Larry K (19 October 2017). "2017 Infectious Diseases Society of America Clinical Practice Guidelines for the Diagnosis and Management of Infectious Diarrhea". Clinical Infectious Diseases. 65 (12): e45–e80. doi:10.1093/cid/cix669. PMC 5850553. PMID 29053792.
- Fedorowicz, Zbys; Jagannath, Vanitha A.; Carter, Ben (2011-09-07). "Antiemetics for reducing vomiting related to acute gastroenteritis in children and adolescents". Cochrane Database of Systematic Reviews. 130 (9): 270. doi:10.1002/14651858.CD005506.pub5. ISSN 1469-493X. PMC 6768985. PMID 21901699.
- Tytgat GN (2007). "Hyoscine butylbromide: a review of its use in the treatment of abdominal cramping and pain". Drugs. 67 (9): 1343–57. doi:10.2165/00003495-200767090-00007. PMID 17547475. S2CID 46971321.