ปี่แป่
ปี่แป่ | |
---|---|
ใบและผลของปี่แป่ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Rosales |
วงศ์: | Rosaceae |
สกุล: | Eriobotrya |
สปีชีส์: | E. japonica |
ชื่อทวินาม | |
Eriobotrya japonica (Thunb.) Lindl. | |
ชื่อพ้อง | |
|
ปี่แป่ หรือ ปี่แปะ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Eriobotrya japonica) เป็นพืชในวงศ์ Rosaceae เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น ลำต้นตรง ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ ผิวใบด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน ปกคลุมด้วยขนสั้น ๆ สีน้ำตาลแดง ดอกมีกลิ่นหอม กลีบเลี้ยงมีขนละเอียดปกคลุม ผลรูปกลมหรือรูปไข่สีเหลืองอ่อนหรือสีส้ม มีขนปกคลุม เปลือกผลฉ่ำน้ำ เมล็ดยาว สีน้ำตาลดำ ถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แพร่กระจายพันธุ์และเพาะปลูกมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น ผลมีรสหวานอมเปรี้ยว กินสด ใบมีแทนนิน รสฝาด ใช้แก้อาการท้องเสียและเป็นยาระบาย ผลมีเพกติน มีโพแทสเซียมสูง มีวิตามินซีต่ำ ในตำรายาจีนเรียกชื่อสมุนไพร 'ผีผาเย่' (ในภาษาจีนกลาง - ใบปี่แป่) หรือปีแปะเฮียะ (ในภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใบใช้เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ปี่แป่ (E. japonica) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่ม ที่เขียวชอุ่มตลอดปี มีทรงพุ่มกลม ลำต้นเตี้ยและกิ่งที่งอกใหม่มักมีขน ต้นไม้สามารถเติบโตได้สูง 5 – 10 เมตร (16–33 ฟุต) แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดประมาณ 3 – 4 เมตร (10–13 ฟุต)
ใบเป็นแบบสลับเรียบง่ายยาว 10–25 เซนติเมตร (4–10 นิ้ว) ผิวใบด้านบนเขียวเข้มเป็นมัน หูใบแบน เนื้อเหนียว และมีขอบใบหยัก ใบด้านล่างมีขนนุ่มหนาแน่นสีน้ำตาลแดง หรือสีน้ำตาลเหลือง ใบอ่อนยังมีขนหนาแน่นด้านบน แต่ร่วงออกเมื่อใบเจริญเต็มที่
ดอก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 ซม. (1 นิ้ว) สีขาว ไม่มีก้านดอก มีกลีบดอก 5 กลีบและมีช่อดอกแข็งสามถึงสิบดอก ดอกไม้มีกลิ่นหอมหวานและมีกลิ่นหอมที่สามารถได้กลิ่นจากระยะไกล กลีบเลี้ยงมีขนละเอียดปกคลุม
ผล เติบโตเป็นกระจุกมีลักษณะเป็นรูปไข่ ทรงกลม หรือรูปลูกแพร์ ยาว 3–5 เซนติเมตร (1-2 นิ้ว) ผิวเรียบหรือเป็นสีเหลืองหรือสีส้มบางครั้งก็เป็นสีแดงอมแดง เนื้อ(เปลือกผล)ชุ่มฉ่ำน้ำ มีสีขาว เหลือง หรือส้ม และมีรสหวานอมเปรี้ยว ขึ้นอยู่กับพันธุ์ รสชาติเป็นส่วนผสมของผลส้มและมะม่วงอ่อน เริ่มสุกในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนขึ้นอยู่กับอุณหภูมิในพื้นที่ โดยทั่วไปในแต่พวงทมี 3-10 ผล เมล็ดเดี่ยวสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ เมล็ดยาว โดยปกติจะอยู่ระหว่างหนึ่งถึงสี่เมล็ด พบมากที่สุดห้าเมล็ด ทั้งนี้ปี่แป่ต่างจากพืชสวนชนิดอื่นทั่วไปเนื่องจากออกดอกในฤดูใบไม้ร่วงหรือต้นฤดูหนาว และออกผลตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน
อนุกรมวิธานและการตั้งชื่อ
ปี่แป่ (Eriobotrya japonica) เป็นพืชในสกุล Eriobotrya วงศ์ Rosaceae เผยแพร่ครั้งแรกโดย Trans.Linn. Soc. ที่ลอนดอน (ปีค.ศ. 1821)
ชื่อ โลควอท หรือ โหล่วกวั๊ด มาจาก lou4 gwat1 ในออกเสียงภาษาจีนกวางตุ้งของ จีนตัวย่อ: 芦橘; จีนตัวเต็ม: 蘆橘; พินอิน: lújú ถูกนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง (และทับศัพท์เป็น loquat ที่รู้จักในภาษาอังกฤษในปัจจุบัน) โดยสันนิษฐานว่าเริ่มจากกวีจีนโบราณ Su Shi ขณะเมื่ออาศัยในภาคใต้ของจีนได้นำไปใช้และหลังจากนั้นความผิดพลาดในการเรียกชื่อก็แพร่กระจายเป็นวงกว้างในภูมิภาคกวางตุ้ง ปัจจุบันในประเทศจีนรู้จักดีในชื่อภาษาจีนกลาง คือ ผีผา (จีน: 枇杷; พินอิน: Pípá แต้จิ๋ว: ปี่แปะ) ในญี่ปุ่นเรียกว่า 枇杷 (ビワ biwa) ในภาษาเกาหลีเรียกว่า 비파 (bipa) ซึ่งในภาษาไทยใช้ชื่อทับศัพท์จากภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋วในชื่อ ปี่แป่ ทั้งนี้อาจมีที่มาจากชื่อยาน้ำเชื่อมแก้ไอที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ชวนป๋วยปี่แปกอ หรือ ยาน้ำแก้ไอตราลูกกตัญญู (จีนตัวย่อ: 川贝枇杷膏; จีนตัวเต็ม: 川貝枇杷膏; พินอิน: Pípá gāo) ยาชนิดนี้มีส่วนผสมที่ทำจากใบของปี่แป่
การแพร่กระจายและถิ่นกำเนิด
ถิ่นกำเนิดอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แพร่กระจายพันธุ์และเพาะปลูกในประเทศจีนและญี่ปุ่น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีปลูกเฉพาะในที่สูงที่มีอากาศค่อนข้างเย็น เช่น ประเทศไทย และ เวียดนาม ปัจจุบันเพาะปลูกในหลายทวีปยกเว้น แอฟริกา เติบโตได้ในที่สูงที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 1000 - 3000 ม.
การเพาะปลูก
ปี่แป่ (E. japonica หรือ Loquat) มีมากกว่า 800 สายพันธุ์ในเอเชีย ได้แก่ พันธุ์ 'Gold Nugget' และ 'Mogi' ปี่แป่เติบโตได้ง่ายในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อนถึงอบอุ่น ซึ่งส่วนใหญ่มักปลูกเป็นไม้ประดับโดยเฉพาะดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและผลไม้ที่อร่อย ใบไม้ที่มีพื้นผิวอย่างหนาช่วยเพิ่มรูปลักษณ์แบบพืชเขตร้อนให้กับสวน
จีน และญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตหลักของ ผลปี่แป่ ตามด้วยอิสราเอลและบราซิล และสเปนในยุโรป
ในสภาพอากาศหนาวเย็นจะปลูกเป็นไม้ประดับเท่านั้น เนื่องจากผลไม้จะไม่สุกจนอยู่ในสภาพที่กินได้
ในสหรัฐอเมริกา ต้นปี่แป่จะออกดอกเฉพาะในช่วงที่อุณหภูมิในฤดูหนาวไม่ต่ำกว่า 30 ° F (−1 ° C) ในพื้นที่ดังกล่าวต้นไม้จะออกดอกในฤดูใบไม้ร่วงและผลไม้จะสุกในช่วงปลายฤดูหนาว เป็นที่นิยมในภาคตะวันออกและภาคใต้
ในประเทศไทย
การใช้ประโยชน์
ผลมีรสหวานอมเปรี้ยว กินสด ทำแยมหรือเยลลี่ เมล็ดมีรสชาติคล้ายอัลมอนด์ น้ำคั้นจากผลใช้ทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ในแอฟริกาตะวันออกใช้เนื้อไม้ทำเครื่องดนตรี
ใบมีแทนนิน รสฝาด ใช้แก้อาการท้องเสียและเป็นยาระบาย ผลมีเพกติน มีโพแทสเซียมสูงแต่มีวิตามินซีต่ำ ในตำรายาจีนเรียกผีผาเย่ (ภาษาจีนกลาง) หรือปีแปะเฮียะ (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใบใช้เป็นยาแก้ไอ ละลายเสมหะ
คุณค่าทางอาหาร
ปี่แป่ (E. japonica หรือ โลควอท) มีวิตามินเอ ไฟเบอร์ โพแทสเซียมและแมงกานีสสูง มีโซเดียมและไขมันอิ่มตัวต่ำ เมล็ดและใบอ่อนมีพิษ มีไซยาโนจีนิกไกลโคไซด์ที่จะปล่อยไซยาไนด์ออกมาได้เมื่อถูกย่อย แม้จะมปริมาณต่ำและทำให้มีรสขม
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) | |
---|---|
พลังงาน | 197 kJ (47 kcal) |
12.14 gحلو | |
ใยอาหาร | 1.7 g |
0.2 g | |
0.43 g | |
วิตามิน | |
วิตามินเอ | (10%) 76 μg |
ไทอามีน (บี1) | (2%) 0.019 มก. |
ไรโบเฟลวิน (บี2) | (2%) 0.024 มก. |
ไนอาซิน (บี3) | (1%) 0.18 มก. |
วิตามินบี6 | (8%) 0.1 มก. |
โฟเลต (บี9) | (4%) 14 μg |
วิตามินซี | (1%) 1 มก. |
แร่ธาตุ | |
แคลเซียม | (2%) 16 มก. |
เหล็ก | (2%) 0.28 มก. |
แมกนีเซียม | (4%) 13 มก. |
แมงกานีส | (7%) 0.148 มก. |
ฟอสฟอรัส | (4%) 27 มก. |
โพแทสเซียม | (6%) 266 มก. |
โซเดียม | (0%) 1 มก. |
สังกะสี | (1%) 0.05 มก. |
Link to USDA Database entry | |
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐสำหรับผู้ใหญ่ แหล่งที่มา: USDA Nutrient Database |
อ้างอิง
- "The Plant List: A Working List of All Plant Species". สืบค้นเมื่อ 13 April 2014.
- Lindley, John (1821). "Eriobotrya japonica". Transactions of the Linnean Society of London. 13 (1): 102. https://www.biodiversitylibrary.org/page/754832#page/116/mode/1up
- Thunberg, Carl Peter. (1780). Nova Acta Regiae Societatis Scientiarum Upsaliensis 3: 208, Mespilus japonica
- Ascherson, Paul Friedrich August & Schweinfurth, Georg August. (1887). Illustration de la Flore d'Égypte 73, Photinia japonica
- Davidse, G., M. Sousa Sánchez, S. Knapp & F. Chiang Cabrera. (2014). Saururaceae a Zygophyllaceae. 2(3): ined. In G. Davidse, M. Sousa Sánchez, S. Knapp & F. Chiang Cabrera (eds.) Flora Mesoamericana. Universidad Nacional Autónoma de México, México D.F..
- ↑ ThaiGreenAgro “ปีแป๋” ปลูกได้และให้ผลผลิตในเมืองไทย สืบค้นเมื่อ 11 ธันวาคม 2563.
- http://www.theplantlist.org/tpl/record/tro-27801732
- https://en.wikipedia.org/wiki/Nin_Jiom_Pei_Pa_Koa
- http://www.plantsoftheworldonline.org/taxon/urn:lsid:ipni.org:names:724793-1
- Staub, Jack (2008). 75 Remarkable Fruits For Your Garden. Gibbs Smith. p. 133. ISBN 978-1-4236-0881-3
- "LOQUAT Fruit Facts". Crfg.org. Retrieved 19 July 2018. http://www.crfg.org/pubs/ff/loquat.html
- "Agroalimentación. El cultivo del Níspero". canales.hoy.es. Retrieved 19 July 2018. http://canales.hoy.es/canalagro/datos/frutas/frutas_tradicionales/nisperos.htm
- "RHS Plant Selector Eriobotrya japonica (F) AGM / RHS Gardening". Apps.rhs.org.uk. Retrieved 8 June 2020. https://www.rhs.org.uk/Plants/6735/Eriobotrya-japonica-(F)/Details
- "AGM Plants – Ornamental" (PDF). Royal Horticultural Society. July 2017. p. 36. Retrieved 17 February 2018.
- ภาสกิจ วัณณาวิบูล. รู้เลือกรู้ใช้ 100 ยาจีน. กทม. ทองเกษม. 2555
- Wolfram Alpha entry
- พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2: ไม้ผลและไม้ผลเคี้ยวมัน. กทม. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. 2544. หน้า 221 - 222