สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์
เจ้าหญิงเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ (ดัตช์: Beatrix der Nederlanden; 31 มกราคม พ.ศ. 2481) พระนามเต็ม เบียทริกซ์ วิลเฮลมินา อาร์มการ์ด (Beatrix Wilhelmina Armgard, เสียงอ่านภาษาดัตช์: [ˈbeːjaˌtrɪks ˌʋɪlɦɛlˈmina ˈɑrmɣɑrt] ( ฟังเสียง)) เป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งเนเธอร์แลนด์ ครองราชสมบัติตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2523 จนสละราชสมบัติในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556
เบียทริกซ์ | |
---|---|
เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์-นัสเซา | |
พระฉายาลักษณ์ในปีพ.ศ. 2558 | |
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเนเธอร์แลนด์ | |
ครองราชย์ | 30 เมษายน พ.ศ. 2523 – 30 เมษายน พ.ศ. 2556 (33 ปี 0 วัน) |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์ |
ถัดไป | สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์ |
พระสวามี | เจ้าชายเคลาส์แห่งเนเธอร์แลนด์ |
พระราชบุตร | สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์ เจ้าชายฟริโซ เจ้าชายคอนสตันติน |
ราชวงศ์ | ออเรนจ์-นัสเซา |
พระราชบิดา | เจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ |
พระราชมารดา | สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์ |
พระราชสมภพ | 31 มกราคม พ.ศ. 2481 (83 พรรษา) พระราชวังซุสต์ไดก์ บาร์น เนเธอร์แลนด์ เบียทริกซ์ วิลเฮลมินา อาร์มการ์ด |
ศาสนา | คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ |
ลายพระอภิไธย |
พระราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ |
---|
สมเด็จพระราชาธิบดี* สมเด็จพระราชินี* |
เจ้าหญิงเบียทริกซ์*
พระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่น * พระบรมวงศานุวงศ์เนเธอร์แลนด์ นอกนั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ |
เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์กับเจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ พระราชชนนีของพระองค์ทรงครองราชบัลลังก์ ใน พ.ศ. 2491 เจ้าหญิงได้ทรงเป็นทายาทโดยสันนิษฐาน เมื่อพระราชมารดาสละราชบัลลังก์ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2523 เจ้าหญิงเบียทริกซ์ได้สืบราชบัลลังก์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถ ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนประถมศึกษาทั่วไปที่ประเทศแคนาดา ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นทรงสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่เนเธอร์แลนด์ในช่วงยุคหลังสงคราม ในปีพ.ศ. 2504 พระนางทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไลเดิน ในปีพ.ศ. 2509 เจ้าหญิงเบียทริกซ์อภิเษกสมรสกับเคลาส์ ฟอน อัมส์เบิร์ก นักการทูตชาวเยอรมัน ซึ่งมีพระโอรสร่วมกัน 3 พระองค์ ได้แก่
- สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์ (พ.ศ. 2510)
- เจ้าชายฟริโซแห่งออเรนจ์-นัสเซา (พ.ศ. 2511 – พ.ศ. 2556)
- เจ้าชายคอนสแตนตินแห่งเนเธอร์แลนด์ (พ.ศ. 2512)
เจ้าชายเคลาส์สิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2545 ในช่วงที่พระองค์สละราชบัลลังก์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งเนเธอร์แลนด์
รัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์เป็นสมัยที่มีการถือครองเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีสได้เปลี่ยนรูปแบบใหม่ด้วยการแยกตัวของอารูบาที่ได้กลายเป็นสถานะประเทศองค์ประกอบด้วยตัวเองภายในราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2529 และเช่นเดียวกับเกิดการแยกตัวของเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีสในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็นการสร้างรูปแบบการปกครองตนเองแห่งโบแนเรอ ซินต์เอิสตาซียึส และซาบา และประเทศองค์ประกอบอีกสองประเทศคือ กือราเซาและซินต์มาร์เติน
ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงประกาศว่า พระองค์จะทรงสละราชบัลลังก์ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 ในวันโกนิงงินเนอดัค (วันพระราชินีนาถ) โดยทรงสละราชบัลลังก์แก่พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ ทายาทผู้มีสิทธิโดยตรงแห่งราชบัลลังก์ ทำให้พระองค์ทรงกลายเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเนเธอร์แลนด์พระองค์แรกในรอบ 123 ปี
หลังจากทรงสละราชสมบัติแล้ว มีพระนามและพระอิสริยยศเป็น เฮอร์รอยัลไฮนีส เจ้าหญิงเบียทริกซ์แห่งเนเธอแลนด์ เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์-นัสเซา เจ้าหญิงแห่งลิปเปอ-บีสเตอร์เฟลด์ (อังกฤษ: Her Royal Highness Princess Beatrix of the Netherlands, Princess of Orange-Nassau, Princess of Lippe-Biesterfeld)
พระชนม์ชีพตอนต้น
เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงมีพระนามตั้งแต่แรกประสูติว่า เบียทริกซ์ วิลเฮลมินา อาร์มการ์ดแห่งเนเธอร์แลนด์ เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์-นัสเซา เจ้าหญิงแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ ประสูติเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2481 ที่พระราชวังโซเอสดิจ์ค, บาร์น เนเธอร์แลนด์ เป็นพระราชธิดาพระองค์แรกในเจ้าหญิงยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์กับเชื้อสายขุนนางชั้นสูงชาวเยอรมัน เจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงเข้ารับพิธีบัพติศมาในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2481 ที่มหาวิหารใหญ่ในเดอะเฮก เจ้าหญิงมีพระบิดามารดาอุปถัมภ์ 5 พระองค์ ได้แก่
- สมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 แห่งเบลเยียม
- เจ้าหญิงอลิซ เคาน์เตสแห่งแอธโลน
- เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์
- ดยุกอดอล์ฟ เฟรเดอริกแห่งเม็คเคลนบวร์ก
- เคานท์เตสอัลลีน เดอ ค็อทเซเบอ พระนามกลางของเจ้าหญิงเบียทริกซ์มาจากพระนามของสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ ที่ทรงครองราชย์อยู่ในขณะนั้น และพระนามของพระอัยยิกาฝ่ายพระราชบิดา คือ อาร์มการ์ดแห่งเซียร์สตอร์ฟ
พระองค์มีพระโสทรกนิษฐภคินี 3 พระองค์ ได้แก่
สงครามโลกครั้งที่สองได้มาถึงเนเธอร์แลนด์ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 (ยุทธการที่ฝรั่งเศส) ในวันที่ 13 พฤษภาคม พระราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ได้เสด็จลี้ภัยไปยังลอนดอน สหราชอาณาจักร หนึ่งเดือนถัดมา เจ้าหญิงเบียทริกซ์ได้เสด็จไปยังออตตาวา รัฐออนแทรีโอ แคนาดา พร้อมกับเจ้าหญิงยูเลียนา พระราชมารดาและเจ้าหญิงไอรีน พระขนิษฐา ในขณะที่พระราชบิดาของพระนาง เจ้าชายเบิร์นฮาร์ดและสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินา พระอัยยิกายังคงประทับอยู่ที่ลอนดอน พระราชวงศ์ประทับอยู่ที่บ้านสตอร์โนเวย์ (เดิมเป็นบ้านที่พำนักของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรของแคนาดา) ด้วยกันกับราชองครักษ์และนางพระกำนัล พระราชวงศ์ได้ประทับในช่วงฤดูร้อนที่เลคออฟเบย์ ออนแทรีโอ ซึ่งเป็นกระท่อมหินสี่หลังของรัสอร์ทที่จัดไว้ให้ประทับ ขณะประทับอยู่ที่เกาะบิกวิน รัฐธรรมนูญของเนเธอร์แลนด์ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในตู้เหล็กนิรภัยที่ห้องโถงกลมของโรงเตี๊ยมบิกวิน เจ้าหญิงยูเลียนาและพระราชวงศ์ทรงถูกจดจำในฐานะที่ทรง "ลงมาสู่ผืนดิน" ด้วยมิตรไมตรี ความกตัญญูอย่างใหญ่หลวงและการให้ความเคารพอย่างสูงต่อแผ่นดินเกิดและประชาชนของพระองค์ เพื่อที่จะแสดงความเคารพนี้ พระนางทรงงดของฟุ่มเฟือยทั้งหมดที่รีสอร์ทได้บริการให้และมีการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายจำนวนมากแก่รีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดในแคนาดา เพื่อที่จะทำให้ทรงรู้สึกถึงความปลอดภัย การทำอาหารและเจ้าพนักงานที่ได้รับคำสั่งส่วนบุคคลในช่วงเวลาอาหาร เมื่อทรงเดินทางมาถึง นักดนตรีของโรงเตี๊ยมบิกวินได้ถูกเรียกมาที่ท่าเรือและทำการแสดงในสาธารณะตลอดจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีการบรรเลงเพลง วิลเฮลมัส ด้วย ในหลายปีต่อมารีสอร์ทถูกละเลย แต่กระท่อม "ยูเลียนา" ยังคงได้รับการรักษาอย่างดีและเป็นการเก็บรักษาเพื่อระลึกถึงเจ้าหญิงยูเลียนาและพระราชวงศ์ ด้วยการแสดงความขอบคุณที่ได้ให้การคุ้มครองพระนางและพระราชธิดา เจ้าหญิงยูเลียนาทรงดำเนินการจัดส่งดอกทิวลิปจำนวนมากแก่รัฐบาลแคนาดาในทุกๆฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งถือเป็นหัวใจของเทศกาลทิวลิปแคนาดา
พระขนิษฐาองค์ที่สองของเจ้าหญิงเบียทริกซ์ คือ เจ้าหญิงมาร์เกรียต ประสูติในออตตาวา ปีพ.ศ. 2486 ในระหว่างทรงลี้ภัยอยู่ในแคนาดา เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงเข้าศึกษาในสถานรับเลี้ยงเด็กและ โรงเรียนเทศบาลร็อคคลิฟปาร์ค โรงเรียนชั้นประถามศึกษาที่เจ้าหญิงทรงเป็นที่รู้จักในฐานะ "ทริซี่ออเรนจ์" (Trixie Orange)
ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 กองทัพเยอรมันในเนเธอร์แลนด์ยอมจำนน พระราชวงศ์ได้เสด็จกลับเนเธอร์แลนด์ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนประถมศึกษา De Werkplaats ในบิลโทเฟน พระขนิษฐาองค์ที่สาม เจ้าหญิงคริสตินา ประสูติในปีพ.ศ. 2490 ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2491 พระราชมารดาของพระนาง เจ้าหญิงยูเลียนา ทรงครองราชบัลลังก์สืบต่อจากสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินา ในฐานะ สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเนเธอร์แลนด์ และเจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงกลายเป็นทายาทโดยสันนิษฐานแห่งราชบัลลังก์เนเธอร์แลนด์ขณะมีพระชนมายุ 10 พรรษา
การศึกษา
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2493 เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงเข้า Incrementum ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Baarnsch Lyceum ซึ่งในปีพ.ศ. 2499 พระองค์ทรงผ่านการสอบในสาขาวิชาศิลปะและคลาสสิก
ในปีพ.ศ. 2497 เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานของบารอนเนสฟาน รันวีเย็ค กับนายที โบอี
ในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2499 เจ้าหญิงเบียทริกซ์มีพระชนมายุ 18 พรรษา นับตั้งแต่วันนั้นภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งเนเธอร์แลนด์ พระองค์ทรงมีสิทธิ์ตามพระราชอำนาจ ในเวลานั้น พระราชมารดาของพระองค์ทรงแต่งตั้งให้พระองค์เป็นสมาชิกคณะกรรมการกฤษฎีกาแห่งเนเธอร์แลนด์
ในปีเดียวกันทรงเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยไลเดิน ในปีแรกขณะในมหาวิทยาลัย พระองค์ทรงศึกษาสังคมวิทยา นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์การเมืองและกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในหลักสูตรการศึกษาของพระองค์ พระองค์ทรงเข้าร่วมการฟังบรรยายเกี่ยวกับวัฒนธรรมของซูรินามและเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส กฎบัตรแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ ประวัติศาสตร์และกฎหมายสหภาพยุโรป
พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปและองค์การระหว่างประเทศในเจนีวา สทราซบูร์ ปารีสและบรัสเซลส์ พระองค์ยังทรงเป็นสมาชิกของ VVSL (สหภาพนักศึกษาสตรีไลเดิน) ที่ตอนนี้ถูกเรียกว่า L.S.V. Minerva หลังจากรวมเข้ากับองค์กร Leidsch Studenten Corps (ซึ่งแต่ก่อนเป็นองค์กรสำหรับผู้ชายเท่านั้น) ในฤดูร้อน พ.ศ. 2502 พระองค์ทรงผ่านการสอบเบื้องต้นด้านกฎหมายและทรงได้รับปริญญาบัตรด้านนิติศาสตร์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504
การมีส่วนร่วมทางการเมือง
การปรากฏพระองค์ในทางการเมืองเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งอย่างรุนแรง ในปี พ.ศ. 2508 เจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงหมั้นกับเคลาส์ ฟอน อัมส์เบิร์ก นักการทูตชาวเยอรมัน สังกัดกระทรวงต่างประเทศเยอรมนี ก่อให้เกิดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในพิธีอภิเษกสมรสที่กรุงอัมสเตอร์ดัม เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2509 เจ้าชายเคลาส์ทรงเคยรับราชการในยุวชนฮิตเลอร์และเวร์มัคท์ ดังนั้นจึงเป็นความข้องเกี่ยวระหว่างประชาชนชาวดัตช์กับระบอบนาซีเยอรมัน กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้มีข้อความการประท้วงซึ่งเป็นที่จดจำได้แก่ "Claus 'raus!" ("เคลาส์ออกไป!") และ "Mijn fiets terug" ("เอาจักรยานของเราคืนมา"-อ้างถึงการยึดครองเนเธอร์แลนด์ของทหารเยอรมันที่ทำการยึดจักรยานของชาวดัตช์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง) ระเบิดควันถูกโยนเข้าใส่รถม้าพระที่นั่งสีทองโดยกลุ่มโปรโว (Provo) ทำให้เกิดการปะทะกับตำรวจอย่างรุนแรงบนท้องถนน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าชายเคลาส์ทรงกลายเป็นหนึ่งในพระราชวงศ์ที่ได้รับความนิยมที่สุดของพระราชวงศ์ดัตช์ และการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเคลาส์ในปีพ.ศ. 2545 ได้มีการไว้อาลัยแด่พระองค์ทั่วประเทศ
ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 เจ้าหญิงเบียทริกซ์และเจ้าชายเคลาส์ทรงเป็นผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถ ในพระราชพิธีประกาศเอกราชของซูรินามที่เมืองหลวงแห่งใหม่ ปารามารีโบ
เหตุการณ์การจลาจลที่มีความรุนแรงได้เกิดขึ้นอีกในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2523 ในระหว่างพิธีขึ้นครองราชย์ (ประมุขของเนเธอร์แลนด์จะไม่มีการ "สวมมงกุฎ") ของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ กลุ่มผู้จับจองแนวคิดสังคมนิยม ใช้โอกาสนี้ประท้วงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่ของคนจนในเนเธอร์แลนด์และต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยข้อความการประท้วงซึ่งเป็นที่จดจำคือ "Geen woning; geen Kroning" (ไม่มีบ้าน ไม่ต้องครองราชย์) เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงกับตำรวจและกองกำลังรักษาความปลอดภัย เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นในวรรณกรรมร่วมสมัยในงานเขียนของเอ. เอฟ. ทีเอช. ฟาน เดอ ไฮจเดิน
ในฐานะสมเด็จพระราชินีนาถ พระองค์ทรงพบปะกับนายกรัฐมนตรีทุกสัปดาห์ ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติของรัฐสภาและพระราชกฤษฎีกา จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญในช่วงปลายรัชสมัย โดยมีการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งมีส่วนช่วยในสภาวะการก่อตัวของรัฐบาลใหม่ ในการเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนกันยายนของทุกปี พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสบนราชบัลลังก์ ซึ่งรัฐบาลจะต้องประกาศแผนประจำปีสมัยประชุม ในฐานะสมเด็จพระราชินีนาถ พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานรัฐสภา และทรงมีบทบาททางพระราชพิธีโดยส่วนใหญ่ และเป็นศูนย์รวมเอกภาพของชาติ พระองค์ไม่ทรงใช้พระราชอำนาจตัดสินพระทัยทางด้านนิติบัญญัติและด้านบริหาร
พระองค์ทรงเป็นสมาชิกของกลุ่มบิลเดอเบิร์ก เป็นกลุ่มลับที่มีการประชุมประจำปีเท่านั้นโดยผู้ร่วมก่อตั้งคือพระราชบิดาของพระองค์ ซึ่งมีการประชุมที่โรงแรมบิลเดอเบิร์กในออสเตอบีค
พระชนม์ชีพส่วนพระองค์
ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2508 ได้มีการประกาศพิธีหมั้นระหว่างเจ้าหญิงเบียทริกซ์กับเคลาส์ ฟอน อัมส์เบิร์ก ทั้งสองทรงพบกันในงานเลี้ยงก่อนการเสกสมรสของเจ้าหญิงทาทีอานาแห่งไซน์-วิทเกินชไตน์-แบร์เลอบวร์คกับโมริทซ์ แลนด์เกรฟแห่งเฮ็สเซิน ในฤดูร้อน ปีพ.ศ. 2507 (ทั้งสองทรงพบกันมาก่อนแล้วครั้งหนึ่งในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ปีพ.ศ. 2505 ที่บาดดรีบูร์ก ในงานเลี้ยงของเคานท์ ฟอน เอินเฮาเซน-เซียร์สตอร์ฟ ซึ่งเป็นพระญาติห่างๆของทั้งสอง) ด้วยการยินยอมของรัฐสภาในการอภิเษกสมรส เคลาส์ ฟอน อัมส์เบิร์กจึงกลายเป็นพลเมืองชาวดัตช์ และเมื่ออภิเษกสมรสจึงกลายเป็นเจ้าชายเคลาส์แห่งเนเธอร์แลนด์ จองคีร์ ฟาน อัมส์เบิร์ก
เจ้าหญิงเบียทริกซ์อภิเษกสมรสกับเคลาส์ในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2509 ทั้งรัฐพิธีและพิธีทางศาสนา ทรงฉลองพระองค์แบบดั้งเดิมด้วยผ้าไหมซาตินแบบดัชเชส ที่ออกแบบโดยแคโรไลน์ บรีก-ฟาร์วิค แห่งไมซอนลีเน็ตต์ ในเดน บอร์ชและมงกุฎไข่มุกเวือร์เทมแบร์ก
เพื่อนเจ้าสาวที่อาวุโส ได้แก่ เจ้าหญิงคริสตินาแห่งเนเธอร์แลนด์ (พระโสทรกนิษฐภคินีพระองค์เล็ก) เจ้าหญิงคริสตินาแห่งสวีเดน, เลดี้เอลิซาเบธ แอนสัน, โจแอนนา โรเอล, ยูเจนี ลอดอน และน้องสาวของเจ้าบ่าวคือ คริสตินา ฟอน อัมส์เบิร์ก เพื่อนเจ้าสาวที่อ่อนอาวุโสกว่าได้แก่ แด็ฟเน สจ๊วต คลาร์ก และแคโรลิน อัลทิง ฟอน เกอเซา และเด็ก ๆ เพื่อนเจ้าบ่าวได้แก่ โจอาคิม เจนเคล และมาร์คัส ฟอน เอินเฮาเซน-เซียร์สตอร์ฟ
ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จไปยังพระราชพิธีด้วยรถม้าพระที่นั่งสีทอง พระราชพิธีได้ดำเนินการโดยนายกเทศมนตรีแห่งอัมสเตอร์ดัม กิลส์เบิร์ต ฟาน ฮอล ที่ศาลาว่าการอัมสเตอร์ดัม พิธีรับพรสมรสถูกจัดขึ้นที่เวสเตอร์เคิร์ก ดำเนินการโดยสาธุคุณ เฮนดริก ยาน คาเตอร์ และรับการเทศนาโดยสาธุคุณ โยฮันเนส เฮนดริก ซิลเลวิส สมิต
ทั้งสองพระองค์ประทับที่ปราสาทดราเกนสไตน์ในลาเกวูร์สเชด้วยกันกับพระราชโอรสจนกระทั่งเจ้าหญิงเบียทริกซ์ทรงครองราชบัลลังก์ ในปีพ.ศ. 2524 ทั้งสองพระองค์ได้ทรงย้ายไปประทับที่พระราชวังฮุส เทน บอส์ช ในเฮก
พระราชโอรส
พระองค์และพระราชสวามี มีพระราชโอรสร่วมกัน 3 พระองค์ ดังนี้
ลำดับ | พระนาม | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | คู่สมรสและพระโอรส-ธิดา |
สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ | 27 เมษายน พ.ศ. 2510 | อภิเษกสมรสวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 กับ แม็กซิมา ซอร์เรกัวตา มีพระราชธิดา 3 พระองค์ ได้แก่ • เจ้าหญิงคาทารีนา-อะมาเลีย เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์ • เจ้าหญิงอะเลกซียาแห่งเนเธอร์แลนด์ • เจ้าหญิงอารียานแห่งเนเธอร์แลนด์ | ||
เจ้าชายฟริโซแห่งออเรนจ์-นัสเซา | 25 กันยายน พ.ศ. 2511 | 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556 | อภิเษกสมรสวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2547 กับ มาเบล วิสซี สมิท มีพระธิดา 2 พระองค์ ได้แก่ • เคาน์เตสลัวนา • เคาน์เตสซาเรีย | |
เจ้าชายคอนสตันตินแห่งเนเธอร์แลนด์ | 11 ตุลาคม พ.ศ. 2512 | อภิเษกสมรสวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 กับ เลาเรนเทียน บริงค์ฮอร์สท์ มีพระโอรส-ธิดา 3 พระองค์ ได้แก่ • เคาน์เตสอิโลอีสแห่งออเรนจ์-นัสเซา • เคานต์เคลาส์-คาร์ซีมีร์แห่งออเรนจ์-นัสเซา • เคาน์เตสเลโอนอร์แห่งออเรนจ์-นัสเซา |
รัชกาล
ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2523 สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนา พระราชมารดาของพระองค์ ทรงสละราชบัลลังก์ พระองค์ได้สืบราชบัลลังก์เป็น สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์
ในการประชุมที่ยาวนาน สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงลงพระปรมาภิไธยในกฎหมายทุกฉบับก่อนที่จะถูกบังคับใช้ ในฐานะสมเด็จพระราชินีนาถ พระราชกรณียกิจหลักของพระองค์คือการเป็นตัวแทนของราชอาณาจักรในต่างประเทศและเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นเอกภาพในประเทศ พระองค์เสด็จออกรับเอกอัครราชทูตต่างประเทศและพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญตราต่าง ๆ ทรงตอบรับคำเชิญในการเสด็จเปิดนิทรรศการ การเข้าร่วมงานเฉลิมฉลอง การเปิดสะพาน เป็นต้น พระราชดำรัสของพระองค์ถูกยกมาเผยแพร่ต่อสื่อน้อยมากนับตั้งแต่การบริการข้อมูลสาธารณะภาครัฐได้ตั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับสัมภาษณ์ว่า พระราชดำรัสของพระองค์จะไม่ถูกอ้างขึ้นมา นโยบายนี้ถูกใช้ไม่นานหลังจากพิธีขึ้นครองราชย์ โดยมีรายงานว่าเพื่อปกป้องพระองค์จากภาวะยุ่งยากทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด แต่นโยบายนี้ก็ไม่ได้นำไปใช้กับ เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ พระราชโอรสของพระองค์
ตลอดรัชสมัย สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีดัตช์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงแต่งตั้ง informateur ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นผู้นำการเจรจาต่อรองที่ในที่สุดแล้วนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ตามได้มีการเปลี่ยนแปลงในปีพ.ศ. 2555 และพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุดในสภาจะทำการแต่งตั้ง "scout" ซึ่งจะเป็นผู้แต่งตั้ง "informateur" อีกทีหนึ่ง
ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2529 อารูบาได้แยกตัวออกจากเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีสและได้กลายเป็นสถานะประเทศองค์ประกอบด้วยตัวเองภายในราชอาณาจักร
ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เจ้าชายเคลาส์ พระราชสวามีได้สิ้นพระชนม์ลง หลังจากทรงพระประชวรเป็นเวลานาน หนึ่งปีครึ่งต่อมา พระราชมารดาของพระองค์ได้เสด็จสวรรคตจากภาวะสมองเสื่อม ในขณะที่พระราชบิดาของพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคมะเร็งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547
ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 พระองค์ทรงได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยไลเดิน ซึ่งเป็นเกียรติแก่สมเด็จพระราชินีนาถโดยปกติแล้วทรงปฏิเสธที่จะรับ การมีพระราชดำรัสของพระองค์ได้สะท้อนภาพของสถาบันกษัตริย์และทรงครองราชสมบัติมาเป็นเวลา 25 ปี พระราชดำรัสของสมเด็จพระราชินีนาถได้มีการออกอากาศทั่วประเทศ
ในวันที่ 29 และ 30 เมษายน พ.ศ. 2548 สมเด็จพระราชินีนาถทรงประกอบพระราชพิธีรัชดาภิเษก พระองค์ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ดัตช์ มีการจัดการแสดงคอนเสิร์ตที่จตุรัสดัมในกรุงอัมสเตอร์ดัม และมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่เดอะเฮก ซึ่งเป็นที่ทำการรัฐบาล
ในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เกิดการแยกตัวของเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส ซึ่งเป็นการสร้างรูปแบบการปกครองตนเองแห่งโบแนเรอ, ซินต์เอิสตาซียึสและซาบา และประเทศองค์ประกอบอีกสองประเทศคือ กือราเซาและซินต์มาร์เติน มีพิธียุบเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีสจัดขึ้นที่กรุงวิลเลมสตัด ซึ่งเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งออเรนจ์ในขณะนั้นคือ เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์และเจ้าหญิงแม็กซิมา พระชายา เสด็จแทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถในการพิธี
เหตุการณ์การโจมตีพระราชวงศ์
ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552 สมเด็จพระราชินีนาถและพระราชวงศ์ดัตช์ถูกโจมตีด้วยการใช้รถพุ่งเข้าชนโดยชายชาวดัตช์ ชื่อ คาร์สท์ เท็ทส์ เท็ทท์ได้ขับรถเข้าพุ่งเข้าไปในขบวนเสด็จที่อาเพลโดร์น โดยเฉียดรถบัสพระที่นั่งของสมเด็จพระราชินีนาถ มีประชาชนห้าคนเสียชีวิตทันทีและผู้บาดเจ็บสองคนและรวมทั้งผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ผู้บาดเจ็บถูกชนได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งสัปดาห์หลังจากการโจมตีผู้บาดเจ็บอีกคนหนึ่งได้เสียชีวิตลง พระราชวงศ์ไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่สมเด็จพระราชินีนาถและพระราชวงศ์ทรงทอดพระเนตรเห็นการพุ่งเข้าชนในระยะใกล้ ภายในไม่กี่ชั่วโมง สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงออกอากาศในรายการโทรทัศน์ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่เกิดขึ้นบ่อย ทรงแสดงความตกพระทัยและเสียพระราชหฤทัยทัยของพระองค์ จากการรายงานของตำรวจได้รายงานว่าเป้าหมายของผู้ก่อเหตุคือพระราชวงศ์โดยมีการวางแผนมาก่อน
สละราชสมบัติ
ในประกาศที่แพร่ภาพทางสื่อประจำชาติเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556 สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ทรงประกาศว่าพระองค์จะสละราชสมบัติในวันที่ 30 เมษายน (วันพระราชินีนาถ) ซึ่งเป็นวันที่พระองค์ทรงครองราชสมบัติครบ 33 ปีพอดี พระองค์ตรัสว่า ถึงเวลาแล้วที่จะ "ฝากความรับผิดชอบของประเทศไว้ในมือของคนรุ่นใหม่" รัชทายาทของพระองค์ คือ เจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ พระองค์จะเป็นพระมหากษัตริย์เนเธอร์แลนด์พระองค์ที่สามติดต่อกันที่สละราชสมบัติ ตามสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ พระอัยยิกา และสมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์ พระราชมารดา หลังการแพร่สัญญาณดังกล่าว นายกรัฐมนตรี มาร์ค รูทท์ ได้มีถ้อยแถลงตามมา โดยกล่าวถึงสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์ว่า "นับแต่พิธีราชาภิเษกของพระองค์ใน พ.ศ. 2523 พระองค์ทรงมอบหัวใจและวิญญาณให้แก่สังคมดัตช์"
การสละราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์และพิธีราชาภิเษกเจ้าชายแห่งออเรนจ์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 สมเด็จพระราชินีนาถจะทรงลงพระปรมาภิไธยในตราสารสละราชสมบัติที่พระราชวัง กรุงอัมสเตอร์ดัม ส่วนพิธีราชาภิเษกพระมหากษัตริย์องค์ใหม่จะมีขึ้นที่โบสถ์ใหม่ (Nieuwe Kerk) ในกรุงอัมสเตอร์ดัม
พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
ในปีพ.ศ. 2552 นิตยสารฟอร์บส์ ได้ระบุว่าพระองค์ทรงมีพระราชทรัพย์สมบัติรวม 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
พระอิสริยยศ
- พ.ศ. 2481 — พ.ศ. 2523: เฮอร์รอยัลไฮเนส เจ้าหญิงเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์-นัสเซา เจ้าหญิงแห่งลิปเปอ-บีสเตอร์เฟลด์ (Her Royal Highness Princess Beatrix of the Netherlands, Princess of Orange-Nassau, Princess of Lippe-Biesterfeld)
- พ.ศ. 2523 — 30 เมษายน พ.ศ. 2556: เฮอร์มาเจสตี สมเด็จพระราชินีนาถแห่งเนเธอร์แลนด์ เจ้าหญิงแห่งออเร้นจ์-นัสเซา เจ้าหญิงแห่งลิปเปอ-บีสเตอร์เฟลด์ (Her Majesty Queen of the Netherlands, Princess of Orange-Nassau, Princess of Lippe-Biesterfeld)
- 30 เมษายน พ.ศ. 2556 - ปัจจุบัน: เฮอร์รอยัลไฮเนส เจ้าหญิงเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์, เจ้าหญิงแห่งออเร้นจ์-นัสเซา,เจ้าหญิงแห่งลิปเปอ-บีสเตอร์เฟลด์ (Her Royal Highness Princess Beatrix of the Netherlands, Princess of Orange-Nassau, Princess of Lippe-Biesterfeld)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เนเธอร์แลนด์
- : เครื่องราชอิสริยาภรณ์สิงโตเนเธอร์แลนด์ (ตั้งแต่พ.ศ. 2499)
- : องค์อุปถัมภ์ ไบลิวิคแห่งยูเทรกต์
- : องค์ประธานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เซนต์จอร์จแห่งเนเธอร์แลนด์ (19 มิถุนายน พ.ศ. 2502)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
- ออสเตรีย :
- เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาดารา (พ.ศ. 2537)
- เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นมหาอิสริยาภรณ์ทองพร้อมสายสะพาย (พ.ศ. 2504)
- เบลเยียม : เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลโอโปลด์ (พ.ศ. 2546)
- บราซิล : เครื่องอิสริยาภรณ์กางเขนใต้ (พ.ศ. 2546)
- บรูไน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชบัลลังก์บรูไน (21 มกราคม พ.ศ. 2556)
- บัลแกเรีย : เครื่องอิสริยาภรณ์สตารา พลานินา (พ.ศ. 2542)
- ชิลี : เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณ (พ.ศ. 2546)
- เดนมาร์ก : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้าง (29 ตุลาคม พ.ศ. 2518)
- เอสโตเนีย : เครื่องอิสริยาภรณ์เทอร์รา มาเรียนา
- เอธิโอเปีย : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชินีแห่งชีบา (พ.ศ. 2512)
- ฟินแลนด์ : เครื่องอิสริยาภรณ์กุหลาบขาวแห่งฟินแลนด์ (พ.ศ. 2538)
- ฝรั่งเศส : เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ (พ.ศ. 2534)
- เยอรมนี : เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (พ.ศ. 2526)
- กานา : เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งกานา
- กรีซ : เครื่องอิสริยาภรณ์มหาไถ่
- กรีซ : เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลกาและโซเฟีย
- ไอซ์แลนด์ : เครื่องอิสริยาภรณ์เหยี่ยว ชั้น Grand Cross with Collar (พ.ศ. 2537)
- อินโดนีเซีย : เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ชั้นหนึ่ง (27 สิงหาคม พ.ศ. 2538)
- อิหร่าน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์เพลเอียเดสชั้นที่สอง (พ.ศ. 2506)
- อิตาลี :
- เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้น Grand Cross (23 ตุลาคม พ.ศ. 2516)
- เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ชั้น Grand Cross with Collar (27 มีนาคม พ.ศ. 2528)
- โกตดิวัวร์ : เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งชาติโกตดิวัวร์ (มกราคม พ.ศ. 2516)
- ญี่ปุ่น : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันสูงส่งยิ่งดอกเบญจมาศ
- จอร์แดน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาราแห่งจอร์แดน
- จอร์แดน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดเรอเนสซองส์
- ลัตเวีย : เครื่องอิสริยาภรณ์เดอะทรีสตาร์
- ไลบีเรีย : เครื่องอิสริยาภรณ์ผู้บุกเบิกแห่งไลบีเรีย
- ลิทัวเนีย : เครื่องอิสริยาภรณ์พระเจ้าวีตัวนัสมหาราช (พ.ศ. 2551)
- ลักเซมเบิร์ก : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อดอล์ฟแห่งนัสเซา
- ลักเซมเบิร์ก : เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎโอ๊ค
- เม็กซิโก : เครื่องอิสริยาภรณ์อินทรีแอซเท็ค (2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552)
- เนปาล : เครื่องราชอิสริยาภรณ์โอชัชวี ราชันยา
- นอร์เวย์ : เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลาฟ (พ.ศ. 2511)
- โอมาน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อัล-ซาอีด (10 มกราคม พ.ศ. 2555)
- เปรู : เครื่องอิสริยาภรณ์พระอาทิตย์แห่งเปรู (พ.ศ. 2540)
- โปแลนด์ : เครื่องอิสริยาภรณ์เหยี่ยวขาว (พ.ศ. 2537)
- โปรตุเกส : เครื่องอิสริยาภรณ์เจ้าชายเฮนรี (14 ธันวาคม พ.ศ. 2534)
- กาตาร์ : สร้อยพระศอแห่งอิสรภาพ (9 มีนาคม พ.ศ. 2554)
- โรมาเนีย : เครื่องอิสริยาภรณ์ 23 สิงหาคม
- โรมาเนีย : เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งโรมาเนีย
- เซเนกัล : เครื่องอิสริยาภรณ์สิงโต
- สโลวาเกีย : เครื่องอิสริยาภรณ์กางเขนขาวคู่ (พ.ศ. 2550)
- แอฟริกาใต้ : เครื่องอิสริยาภรณ์กู๊ดโฮป (พ.ศ. 2539)
- รัฐอธิปไตยทหารออร์เดอร์ ออฟ มอลตา คณะทหารองค์อธิปัตย์แห่งมอลตา : ท่านหญิงแห่งคณะทหารองค์อธิปัตย์แห่งมอลตา (พ.ศ. 2503)
- สเปน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ขนแกะทองคำ (สมาชิกลำดับที่ 1,187; 7 ตุลาคม พ.ศ. 2528)
- สเปน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อิซาเบลลาเดอะคาทอลิก (15 มีนาคม พ.ศ. 2523)
- ซูรินาม : เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณเยลโลสตาร์ (พ.ศ. 2539)
- สวีเดน : เครื่องราชอิสริยาภรณ์เซราฟิม (พ.ศ. 2530)
- ไทย : เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (พ.ศ. 2506)
- ไทย : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ (ร.ม.ภ.) (พ.ศ. 2547)
- ตูนิเซีย : เครื่องอิสริยาภรณ์สาธารณรัฐ (พ.ศ. 2516)
- ตุรกี : เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราแห่งสาธารณรัฐตุรกี (16 เมษายน พ.ศ. 2555)
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ : เครื่องราชอิสริยาภรณ์ซัยยิด (9 มกราคม พ.ศ. 2555)
- สหราชอาณาจักร : เครื่องราชอิสริยาภรณ์รอยัลวิกตอเรียนเชน (พ.ศ. 2525)
- สหราชอาณาจักร : เครื่องราชอิสริยาภรณ์รอยัลวิกตอเรียน (พ.ศ. 2525)
- สหราชอาณาจักร : เครื่องราชอิสริยาภรณ์การ์เตอร์ (สมาชิกลำดับที่ 975; 28 มิถุนายน พ.ศ. 2532)
- เวเนซุเอลา : เครื่องอิสริยาภรณ์ผู้ปลดปล่อย (พ.ศ. 2530)
- ยูโกสลาเวีย : เครื่องอิสริยาภรณ์ยูโกสลาฟสตาร์
รางวัล
- เยอรมนี : รางวัลคาร์ล (16 พฤษภาคม พ.ศ. 2539)
พระราชตระกูล
16. จูเลียส เคานท์แห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ | ||||||||||||||||
8. เออร์เนสต์ที่ 2 เคานท์แห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ | ||||||||||||||||
17. เคานท์เตสอเดลไฮด์แห่งกัสเตล-กัสเตล | ||||||||||||||||
4. เจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ | ||||||||||||||||
18. เคานท์ลีโอโปลด์แห่งวอร์เทนสเลเบน | ||||||||||||||||
9. เคานท์เตสคาโรไลน์แห่งวอร์เทนสเลเบน | ||||||||||||||||
19. มาทิลด์ ฮัลบาช | ||||||||||||||||
2. เจ้าชายแบร์นฮาร์ดแห่งลิพเพอ-บีสเตอร์เฟลด์ | ||||||||||||||||
20. อดอล์ฟแห่งคลัมม์ | ||||||||||||||||
10. บารอนอาชวินแห่งเซียร์สตอร์ฟ-ครัมม์ | ||||||||||||||||
21. เฮ็ดวิกแห่งครัมม์ | ||||||||||||||||
5. อาร์มการ์ดแห่งเซียร์สตอร์ฟ-ครัมม์ | ||||||||||||||||
22. เอิร์นส์ เคานท์แห่งเซียร์สตอร์ฟ-ดรีบูร์ก | ||||||||||||||||
11. บารอนเนสเฮ็ดวิกแห่งเซียร์สตอร์ฟ-ดรีบูร์ก | ||||||||||||||||
23. บารอนเนสคาโรไลน์ ฟอน วินเก | ||||||||||||||||
1. สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ | ||||||||||||||||
24. พอล ฟรีดิช แกรนด์ดยุกแห่งเม็คเลนบูร์ก-ชเวรีน | ||||||||||||||||
12. เฟรเดอริค ฟรานซิสที่ 2 แกรนด์ดยุกแห่งเม็คเลนบูร์ก-ชเวรีน | ||||||||||||||||
25. เจ้าหญิงอเล็กซานดรีนแห่งปรัสเซีย | ||||||||||||||||
6. ดยุกเฮนดริกแห่งเม็คเล็นบูร์ก-ชเวริน | ||||||||||||||||
26. เจ้าชายอดอล์ฟแห่งชวาสบูร์ก-รูดอลสตัดท์ | ||||||||||||||||
13. เจ้าหญิงมารีแห่งชวาสบูร์ก-รูดอลสตัดท์ | ||||||||||||||||
27. เจ้าหญิงมาทิลด์แห่งชอนบูร์ก-วัลเดนบูร์ก | ||||||||||||||||
3. สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์ | ||||||||||||||||
28. พระเจ้าวิลเลมที่ 2 แห่งเนเธอร์แลนด์ | ||||||||||||||||
14. พระเจ้าวิลเลมที่ 3 แห่งเนเธอร์แลนด์ | ||||||||||||||||
29. แกรนด์ดัชเชสแอนนา ปาฟลอฟนาแห่งรัสเซีย | ||||||||||||||||
7. สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ | ||||||||||||||||
30. จอร์จ วิกเตอร์ เจ้าชายแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ | ||||||||||||||||
15. เจ้าหญิงเอ็มมาแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ | ||||||||||||||||
31. เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งนัสเซา | ||||||||||||||||
อ้างอิง
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ |
- Myrtille van Bommel, "Beatrix oldest Dutch reigning monarch", Radio Netherlands Worldwide, 2011. Retrieved on 2012-05-15.
- "Speech by H.M. the Queen". Het Koninklijk Huis [The Royal House]. 28 January 2013. สืบค้นเมื่อ 29 January 2013.
- ↑ "Prins van Oranje wordt Koning Willem-Alexander" (in Dutch). Website of the Royal House. สืบค้นเมื่อ 28 มกราคม 2013
- ↑ Youth. The Dutch Royal House. Retrieved on 2008-07-11.
- Geschiedenis, Grote Kerk Den Haag. Retrieved on 2012-05-15. (ดัตช์)
- De vijf peetouders van prinses Beatrix. The Memory of the Netherlands. Retrieved on 2008-07-11.
- "CBC News". Cbc.ca. 18 January 2008. สืบค้นเมื่อ 2010-03-05.
- Education. The Dutch Royal House. Retrieved on 2008-07-11.
- Davison, Janet. "Abdicating Dutch queen was a wartime Ottawa schoolgirl". CBC.ca. Canadian Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 29 April 2013.
- "National Capital Commission". Canadascapital.gc.ca. สืบค้นเมื่อ 2010-03-05.
- ↑ . Koninklijkhuis.nl. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 25 February 2010. สืบค้นเมื่อ 2010-03-05.
- "Princess Beatrix Bridesmaid At Wedding". British Pathe.
- "Bilderberg Meeting of 1997 Assembles". PR Newswire. 13 June 1997.
- "Video: Wedding of Princess Beatrix and Claus von Amsberg". YouTube.
- "Royal wedding Beatrix and Claus".
- "Wedding of Princess Beatrix and Claus von Amsberg". Amsterdam Palace.
- "Queen Beatrix: marriage and family". Dutch Royal House.
- Prins Friso overleden (nl) Telegraaf.nl
- The complete text of the speech can be found at http://www.koninklijkhuis.nl/NL/nieuws/nieuws.html?Toespraken/2223.html
- The complete broadcast is available at http://cgi.omroep.nl/cgi-bin/streams?/nos/nieuws/2005/februari/video/080205/beatrix_toespraak.wmv
- NO. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 3 May 2009. สืบค้นเมื่อ 2009-05-01.
- ↑ "Dutch Queen to abdicate in April for son". Al Jazeera. January 28, 2013. สืบค้นเมื่อ January 28, 2013.
- ↑ "Queen Beatrix of the etherlands to abdicate for son". BBC. January 28, 2013. สืบค้นเมื่อ January 28, 2013.
- "Time and place of abdication and investiture, 28 January 2013". Royal Dutch House.
- "In Pictures: The World's Richest Royals". Forbes.com. 30 August 2007. สืบค้นเมื่อ 2010-03-05.
- Utrechts Nieuwsblad (19-06-1959), pag. 1 van 20 - website Het Utrechts Archief
- "Reply to a parliamentary question about the Decoration of Honour" (pdf) (ภาษาเยอรมัน). p. 974. สืบค้นเมื่อ November 1, 2012.
- "Reply to a parliamentary question about the Decoration of Honour" (pdf) (ภาษาเยอรมัน). p. 111. สืบค้นเมื่อ November 1, 2012.
- Noblesse et Royautés (French), State visit of the Netherlands in Brunei (21/01/2013), Photo 1 & 2
- Ordensdetaljer: ridder af Elefantordenen - website borger.dk (Danish)
- Royal Blog.nl, Q. Beatrix speaks of horror of slavetrade
- Gotha.fr, La reine Beatrix des Pays-Bas reçoit le président du Ghana
- State visit, Photo of Beatrix, Claus and Icelandese President
- Quirinale website
- Quirinale website
- Queen Beatrix welcomed with fanfare - Royal Blog News Summary
- Lithuanian Presidency, Lithuanian Orders searching form
- The royal forums, State visit of Luxembourg to Netherlands, 2006, Photo
- Poder Ejecutivo Secretaria de Releciones Exteriores - website of the Mexican government (Spanish)
- HM, His Majesty receives Queen Beatrix - website of the Oman Observer
- Pesquisa dos membros das Ordens Honoríficas Portuguesas - official website of the President of Portugal (Portuguese)
- Recipients of the order (Excel sheet), Presidency of Romania website (Romanian) (โรมาเนีย)
- Slovak republic website, State honours : 1st Class received in 2007 (click on "Holders of the Order of the 1st Class White Double Cross" to see the holders' table)
- Rang van Grootkruis van Eer en Devotie - website of Netherlands Association of the Orde of Malta
- Real Decreto 1818/1985 - BOE website (Spanish)
- Viva Máxima Blog, State visit of Beatrix in Spain in 1985, Group Photo, & State visit in Netherlands 2001, Juan Carlos & Beatrix, Group photo
- Real Decreto 754/1980 - BOE website (Spanish)
- "Noblesse et Royautés" (French), State visit of Sweden in the Netherlands, April 2009, Group photo
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แด่สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์และเจ้าชายวิลเลม-อเล็กซานเดอร์แห่งเนเธอร์แลนด์, เล่ม ๑๒๑, ตอน ๖ข ฉบับทะเบียนฐานันดร, ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗, หน้า ๑
- Abdullah Gül present the award to Queen Beatrix (Photo).
- H.H Sheikh Khalifa welcomes HM Queen Beatrix of Netherlands - website of the UAE Ministry of Foreign Affairs
- Members of the Order of the Garter - The official website of The British Monarchy
- Der Karlspreisträger 1996 - Königin Beatrix der Niederlande - website of the Internationalen Karlspreises zu Aachen
ดูเพิ่ม
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนา | พระมหากษัตริย์เนเธอร์แลนด์ (30 เมษายน พ.ศ. 2523 - 30 เมษายน พ.ศ. 2556) | สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อเล็กซานเดอร์ |