fbpx
วิกิพีเดีย

แกง

อาหารไทยประเภทแกง เป็นอาหารที่มีความหลากหลาย และมีความแตกต่างไปในแต่ละภาค โดยเอกลักษณ์ร่วมกันของอาหารประเภทนี้คือใส่น้ำพริกแกงที่ประกอบด้วยพริก กะปิ และเครื่องแกงอื่น ๆ

แกงภาคเหนือ

  • แกงกระด้าง – เป็นแกงทางภาคเหนือ ใส่ขาหมู เมื่อเย็นแกงจะแข็งตัวด้วยไขมันจากขาหมู
  • แกงอ่อมไก่ (แบบเหนือ)
  • แกงแค เป็นแกงผักแบบหนึ่งของภาคเหนือ ใส่ผักหลายชนิดรวมกัน นิยมใช้ผักพื้นบ้านตามฤดูกาลแต่ไม่ใส่ผักที่มีกลิ่นหรือเปื่อยง่าย มีกลิ่นจักค่านและมะแขว่นเป็นเอกลักษณ์
  • แกงฮังเล

แกงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • แกงลาว – เป็นอาหารพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใส่น้ำคั้นจากใบย่านาง
  • แกงอ่อม เป็นแกงแบบอีสาน มีกลิ่นสมุนไพรหลัก 3 ชนิด คือ ต้นหอม ผักชีลาว และใบแมงลัก มีน้ำแกงขลุกขลิก
  • แกงเปรอะ

แกงภาคกลาง

 
แกงเขียวหวาน
 
แกงเผ็ดเป็ดย่าง
  • แกงจืด – เป็นแกงที่ไม่ใส่น้ำพริกแกง ใส่เครื่องแต่เพียงรากผักชี กระเทียม พริกไทยเป็นหลัก
  • แกงเลียง - เป็นแกงที่ใส่น้ำพริกที่เผ็ดด้วยพริกไทย
  • แกงคั่ว - เป็นชื่อของแกงแบบภาคกลางที่ใส่กะทิอย่างหนึ่ง เครื่องปรุงหลักเป็นผัก อาจใส่ปลาย่างผสมลงในน้ำพริกแกงเพื่อให้ข้นขึ้น มีสองแบบคือแกงคั่วแดง น้ำพริกใส่พริกแห้ง แกงคั่วขาว น้ำพริกใส่พริกสด แกงที่คั่วที่เน้นเนื้อสัตว์มักแกงกับหอย เช่น แกงคั่วหอยขม แกงคั่วหอยแครง
  • แกงเผ็ด เป็นแกงใส่กะทิอีกแบบของภาคกลาง เครื่องปรุงหลักเป็นเนื้อสัตว์ น้ำพริกแกงมักผสมเครื่องเทศเช่น ผักชี ยี่หร่าเพื่อดับคาว มักเป็นแกงที่ได้รับอิทธิพลจากแกงแบบตะวันออกกลางหรืออินเดีย
  • แกงเทโพ - เป็นแกงเผ็ดชนิดหนึ่ง ใส่กะทิ ผักบุ้งและหมูสามชั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญแต่แกงเทโพดั้งเดิมนั้นใส่ปลาเทโพเท่านั้น
  • แกงเขียวหวาน - เป็นแกงใส่กะทิ น้ำแกงเป็นสีเขียวเพราะใช้พริกสีเขียวทำน้ำพริกแกง บางครั้งใส่ใบพริกในน้ำพริกแกงด้วย ใส่ใบมะกรูด และใบโหระพาลงในน้ำแกงเพื่อแต่งกลิ่น
  • แกงส้ม เป็นแกงที่ไม่ใส่กะทิ มีรสเปรี้ยว
  • แกงชักส้ม – เป็นแกงโบราณ ลักษณะคล้ายแกงส้ม แต่จะปรุงรสด้วยน้ำมะกรูดและใส่ใบมะกรูด น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกแห้ง หอม กระเทียม กะปิ
  • แกงคั่วส้ม - เป็นแกงส้มที่ใส่กะทิ
  • แกงบวน – เป็นแกงพื้นบ้านของภาคกลาง มีเครื่องในเป็นเครื่องปรุงหลัก น้ำแกงออกสีเขียวด้วยใบตะไคร้หรือใบมะตูม น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกไทย หอม กระเทียม ปลาเค็ม ปลาฉลาดย่าง กะปิ
  • แกงนพเก้า - เป็นแกงโบราณของไทย ใส่ผัก 9 ชนิด ผักที่นิยมใช้โดยทั่วไปคือข้าวโพดอ่อน ชะอม มะเขือยาว หน่อไม้รวก ยอดฟักทองสะตอ หรือผักอื่น ๆ ตามชอบ ลักษณะคล้ายแกงเผ็ด น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกแห้ง เกลือ ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด พริกไทยดำและกะปิ
  • แกงป่า - เป็นแกงเผ็ดที่ไม่ใส่กะทิ
  • แกงละเวง – เป็นแกงโบราณ ใส่กะทิและมันกุ้ง น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกแห้ง หอม กระเทียม กะปิ
  • แกงร้อน – เป็นแกงโบราณที่ดัดแปลงมาจากสุกี้ของจีน ใส่วุ้นเส้น น้ำพริกแกงประกอบด้วย กุ้งแห้ง หอมแดง พริกไทย กะปิ
  • แกงหอง – แกงพื้นบ้านทางภาคตะวันออก ใส่หน่อไม้ ดอกไม้จีนและเครื่องพะโล้ มักแกงกับหมู
  • หมูชะมวง – แกงพื้นบ้านของภาคตะวันออก ไม่ใส่กะทิ ปรุงรสเปรี้ยวด้วยใบชะมวง น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง พริกไทย กะปิ ข่า กระเทียม ตะไคร้
  • ต้มโคล้ง - เป็นต้มที่ปรุงรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะขามเปียก
  • แกงบอน - เป็นแกงที่ส่วนผสมหลักคือต้นบอน
  • ต้มส้ม - เป็นต้มที่มีรสเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดพริกไทย มีรสของกะปิ นิยมต้มกับปลา ใส่ขิงซอยและต้นหอม
  • แกงอ่อม แบบภาคกลาง เป็นแกงใส่กะทิ นิยมแกงกับของขม เช่นใบยอ มะระ

แกงภาคใต้

  • แกงสมรมเป็นแกงใส่กะทิ น้ำขลุกขลิก ใช้ผักและส่วนผสมนานาชนิดมาผสมกัน
  • แกงไตปลา – เป็นแกงทางภาคใต้ มีไตปลาเป็นเครื่องปรุงสำคัญ มีทั้งแบบที่ใส่และไม่ใส่กะทิ น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกขี้หนูแห้ง กระเทียมพริกไทยเม็ด หอมแดง ข่าตะไคร้ ขมิ้น ผิวมะกรูด
  • แกงเหลือง - เป็นแกงส้มแบบภาคใต้ น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกแห้ง เกลือ ตะไคร้ กระเทียม ขมิ้น กะปิ ปรุงรสเปรี้ยวด้วยส้มแขก น้ำแกงมีสีเหลือง
  • แกงตอแมะ – เป็นแกงพื้นบ้านของชาวไทยเชื้อสายมลายูทางภาคใต้ น้ำพริกแกงประกอบด้วย ขมิ้น พริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เม็ดบาลาบา เม็ดซาหวี เม็ดผักชี แต่งกลิ่นด้วยใบสมุยเทศ
  • แกงซาหยอก – เป็นแกงพื้นบ้านทางภาคใต้ โดยต้มกะทิใส่ ตะไคร้ พริก หอมแดง เกลือ เนื้อสัตว์ที่ใช้เป็นกุ้งแห้ง
  • แกงขี้ดี เป็นแกงไตปลาแบบหนึ่งทางภาคใต้ ลักษณะเหมือนแกงไตปลาโดยทั่วไปแต่จะใช้ไตปลาที่ทำจากปลากระดี่ หมักจนมีรสเปรี้ยว รสออกขมมากกว่าแกงไตปลา
  • แกงเคยปลา เป็นแกงทางภาคใต้ ใส่เคยปลาหรือกะปิที่ทำจากปลา กลิ่นคาวน้อยกว่าแกงไตปลา

แกงที่ได้รับอิทธิพลจากชาติอื่น

 
พะแนงเนื้อ
 
แกงมัสมั่น
  • แกงกะหรี่ ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดีย ใส่ผงกะหรี่
  • แกงกุรุหม่าได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดีย คล้ายแกงกะหรี่ แต่น้ำน้อยกว่า ค่อนข้างแห้ง มักปรุงเป็นข้าวหมกไก่
  • พะแนง ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดีย เป็นแกงน้ำแห้ง ไม่ใส่ผงกะหรี่
  • แกงมัสมั่น ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดียผ่านทางมลายู ไม่ใส่ผงกะหรี่ รสชาติแกงมัสมั่นทางภาคกลางและภาคใต้จะต่างกัน
  • แกงบุ่มไบ่- เป็นแกงโบราณชนิดหนึ่ง ได้รับอิทธิพลจากชวา ลักษณะคล้ายแกงมัสมั่นแต่ใส่เครื่องเทศน้อยกว่า ผักที่นิยมใส่ได้แก่ หอมหัวใหญ่ พริกหยวก มะเขือเทศสีดา แตงร้าน แตงกวา มะเขือยาว มันฝรั่ง แต่จะใส่เพียงสองอย่างเท่านั้น น้ำพริกแกงประกอบด้วย หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ พริกแห้ง ขมิ้นสด กะปิ เกลือ ลูกผักชีคั่ว ยี่หร่า ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ เม็ดในลูกกระวาน พริกไทย
  • แกงปัจยรี – เป็นแกงที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดีย ใส่กะทิและมะเขือยาว น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริก หอมแดง กระเทียม ขิงแก่ ลูกผักชี ยี่หร่า ขมิ้นขาว พริกไทยป่น เกลือป่น
  • แกงกะหรี่แบบจีน ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน มีขายในเยาวราชเป็นแกงกะทิที่ไม่ใส่เครื่องเทศ แต่ใส่ผงกะหรี่แบบจีน น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง เกลือ ข่า ตะไคร้ซอย ผิวมะกรูดหั่น รากผักชี พริกไทย กระเทียม หอมแดง ลูกผักชี ยี่หร่า เต้าเจี้ยวดำ
  • แกงจีนจ๊วน – เป็นแกงโบราณชนิดหนึ่ง ใส่กะทิ น้ำส้มซ่าและพริกหยวก น้ำพริกแกงประกอบด้วย พริกไทย ดอกจันทน์ ลูกจันทน์ เม็ดผักชี ยี่หร่า ลูกกระวาน กานพลู อบเชย พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ รากผักชี ข่า กะปิ เกลือป่น
  • แกงระแวง เป็นแกงโบราณชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายพะแนง แต่ใช้น้ำพริกแกงเขียวหวานที่เติมขมิ้น ใส่ตะไคร้แต่ไม่ใส่ใบมะกรูด เนื้อวัวที่ใส่จะหั่นชิ้นใหญ่ เคี่ยวให้น้ำขลุกขลิก คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซียหรือชวา

อ้างอิง

  1. ญดา ศรีเงินยวงและชนิรัตน์ สำเร็จ. แกงไทย. กทม. แสงแดด. 2556
  2. . คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2018-02-12. สืบค้นเมื่อ 2011-08-28.
  3. ญดา ศรีเงินยวงและชนิรัตน์ สำเร็จ. แกงไทย. กทม. แสงแดด. 2556
  4. ญดา ศรีเงินยวงและชนิรัตน์ สำเร็จ. แกงไทย. กทม. แสงแดด. 2556 หน้า 73
  5. ญดา ศรีเงินยวงและชนิรัตน์ สำเร็จ. แกงไทย. กทม. แสงแดด. 2556 หน้า 73
  6. อมินตรา ทินกร ณ อยุธยา. สำรับกับข้าวชาววังตำรับ ม.ล.พวง. กทม. อมรินทร์. 2553
  7. อาหารไทยตำรับเชฟ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กทม. แสงแดด. 2552. หน้า 34
  8. อาหารไทยริมทะเล. พิมพ์ครั้งที่ 2 .กทม. 2552. หน้า 56
  9. อาหารตมสั่ง จานเด็ดจากร้านอร่อยทั่วไทย. กทม. แสงแดด. 2552. หน้า 132
  10. อาหารไทยรสเผ็ด. พิมพ์ครั้งที่ 2. กทม. แสงแดด. 2550. หน้า 136
  11. ญดา ศรีเงินยวงและชนิรัตน์ สำเร็จ. แกงไทย. กทม. แสงแดด. 2556 หน้า 174
  12. ญดา ศรีเงินยวงและชนิรัตน์ สำเร็จ. แกงไทย. กทม. แสงแดด. 2556 หน้า 177
  13. รวมแกงอร่อยสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กทม. อมรินทร์. 2551. หน้า 52
  14. สุมล ว่องวงศ์ศรี. จานอร่อยจากปู่ย่า สูตรโบราณ ๑๐๐ ปี. กทม. สารคดี. 2557.หน้า 159

แหล่งข้อมูลอื่น

แกง, อาหารไทยประเภท, เป, นอาหารท, ความหลากหลาย, และม, ความแตกต, างไปในแต, ละภาค, โดยเอกล, กษณ, วมก, นของอาหารประเภทน, อใส, ำพร, กท, ประกอบด, วยพร, กะป, และเคร, องอ, เน, อหา, ภาคเหน, ภาคตะว, นออกเฉ, ยงเหน, ภาคกลาง, ภาคใต, ได, บอ, ทธ, พลจากชาต, างอ, แหล, งข, อม,. xaharithypraephthaekng epnxaharthimikhwamhlakhlay aelamikhwamaetktangipinaetlaphakh odyexklksnrwmknkhxngxaharpraephthnikhuxisnaphrikaekngthiprakxbdwyphrik kapi aelaekhruxngaekngxun enuxha 1 aekngphakhehnux 2 aekngphakhtawnxxkechiyngehnux 3 aekngphakhklang 4 aekngphakhit 5 aekngthiidrbxiththiphlcakchatixun 6 xangxing 7 aehlngkhxmulxunaekngphakhehnux aekikhaekngkradang epnaekngthangphakhehnux iskhahmu emuxeynaekngcaaekhngtwdwyikhmncakkhahmu aekngxxmik aebbehnux aekngaekh epnaekngphkaebbhnungkhxngphakhehnux isphkhlaychnidrwmkn niymichphkphunbantamvdukalaetimisphkthimiklinhruxepuxyngay miklinckkhanaelamaaekhwnepnexklksn 1 aeknghngel 2 aekngphakhtawnxxkechiyngehnux aekikhaeknglaw epnxaharphunbanphakhtawnxxkechiyngehnux isnakhncakibyanang aekngxxm epnaekngaebbxisan miklinsmuniphrhlk 3 chnid khux tnhxm phkchilaw aelaibaemnglk minaaekngkhlukkhlik 3 aekngeprxaaekngphakhklang aekikh aekngekhiywhwan aekngephdepdyang aekngcud epnaekngthiimisnaphrikaekng isekhruxngaetephiyngrakphkchi kraethiym phrikithyepnhlk aekngeliyng epnaekngthiisnaphrikthiephddwyphrikithy aekngkhw epnchuxkhxngaekngaebbphakhklangthiiskathixyanghnung ekhruxngprunghlkepnphk xacisplayangphsmlnginnaphrikaekngephuxihkhnkhun misxngaebbkhuxaekngkhwaedng naphrikisphrikaehng aekngkhwkhaw naphrikisphriksd aekngthikhwthiennenuxstwmkaekngkbhxy echn aekngkhwhxykhm aekngkhwhxyaekhrng 4 aekngephd epnaekngiskathixikaebbkhxngphakhklang ekhruxngprunghlkepnenuxstw naphrikaekngmkphsmekhruxngethsechn phkchi yihraephuxdbkhaw mkepnaekngthiidrbxiththiphlcakaekngaebbtawnxxkklanghruxxinediy 5 aekngethoph epnaekngephdchnidhnung iskathi phkbungaelahmusamchnepnswnprakxbthisakhyaetaekngethophdngedimnnisplaethophethann aekngekhiywhwan epnaekngiskathi naaekngepnsiekhiywephraaichphriksiekhiywthanaphrikaekng bangkhrngisibphrikinnaphrikaekngdwy isibmakrud aelaibohraphalnginnaaekngephuxaetngklin aekngsm epnaekngthiimiskathi mirsepriyw aekngchksm epnaekngobran lksnakhlayaekngsm aetcaprungrsdwynamakrudaelaisibmakrud 6 naphrikaekngprakxbdwy phrikaehng hxm kraethiym kapi aekngkhwsm epnaekngsmthiiskathi aekngbwn epnaekngphunbankhxngphakhklang miekhruxnginepnekhruxngprunghlk naaekngxxksiekhiywdwyibtaikhrhruxibmatum naphrikaekngprakxbdwy phrikithy hxm kraethiym plaekhm plachladyang kapi aekngnpheka epnaekngobrankhxngithy isphk 9 chnid phkthiniymichodythwipkhuxkhawophdxxn chaxm maekhuxyaw hnximrwk yxdfkthxngsatx hruxphkxun tamchxb lksnakhlayaekngephd naphrikaekngprakxbdwy phrikaehng eklux kha taikhr phiwmakrud phrikithydaaelakapi 7 aekngpa epnaekngephdthiimiskathi aeknglaewng epnaekngobran iskathiaelamnkung naphrikaekngprakxbdwy phrikaehng hxm kraethiym kapi aekngrxn epnaekngobranthiddaeplngmacaksukikhxngcin iswunesn naphrikaekngprakxbdwy kungaehng hxmaedng phrikithy kapi aeknghxng aekngphunbanthangphakhtawnxxk ishnxim dxkimcinaelaekhruxngphaol mkaekngkbhmu hmuchamwng aekngphunbankhxngphakhtawnxxk imiskathi prungrsepriywdwyibchamwng naphrikaekngprakxbdwyphrikaehng phrikithy kapi kha kraethiym taikhr tmokhlng epntmthiprungrsepriywdwynamakhamepiyk 8 aekngbxn epnaekngthiswnphsmhlkkhuxtnbxn tmsm epntmthimirsepriyw hwan ekhm ephdphrikithy mirskhxngkapi niymtmkbpla iskhingsxyaelatnhxm 9 aekngxxm aebbphakhklang epnaekngiskathi niymaekngkbkhxngkhm echnibyx maraaekngphakhit aekikhaekngsmrmepnaekngiskathi nakhlukkhlik ichphkaelaswnphsmnanachnidmaphsmkn aekngitpla epnaekngthangphakhit miitplaepnekhruxngprungsakhy mithngaebbthiisaelaimiskathi naphrikaekngprakxbdwy phrikkhihnuaehng kraethiymphrikithyemd hxmaedng khataikhr khmin phiwmakrud aekngehluxng epnaekngsmaebbphakhit naphrikaekngprakxbdwy phrikaehng eklux taikhr kraethiym khmin kapi prungrsepriywdwysmaekhk naaekngmisiehluxng 10 aekngtxaema epnaekngphunbankhxngchawithyechuxsaymlayuthangphakhit naphrikaekngprakxbdwy khmin phrikaehng kraethiym hxmaedng emdbalaba emdsahwi emdphkchi aetngklindwyibsmuyeths aekngsahyxk epnaekngphunbanthangphakhit odytmkathiis taikhr phrik hxmaedng eklux enuxstwthiichepnkungaehng aekngkhidi epnaekngitplaaebbhnungthangphakhit lksnaehmuxnaekngitplaodythwipaetcaichitplathithacakplakradi hmkcnmirsepriyw rsxxkkhmmakkwaaekngitpla 11 aekngekhypla epnaekngthangphakhit isekhyplahruxkapithithacakpla klinkhawnxykwaaekngitpla 12 aekngthiidrbxiththiphlcakchatixun aekikh phaaenngenux aekngmsmn aekngkahri idrbxiththiphlcakxaharxinediy isphngkahri aekngkuruhmaidrbxiththiphlcakxaharxinediy khlayaekngkahri aetnanxykwa khxnkhangaehng mkprungepnkhawhmkik phaaenng idrbxiththiphlcakxaharxinediy epnaekngnaaehng imisphngkahri aekngmsmn idrbxiththiphlcakxaharxinediyphanthangmlayu imisphngkahri rschatiaekngmsmnthangphakhklangaelaphakhitcatangkn aekngbumib epnaekngobranchnidhnung idrbxiththiphlcakchwa lksnakhlayaekngmsmnaetisekhruxngethsnxykwa phkthiniymisidaek hxmhwihy phrikhywk maekhuxethssidaaetngran aetngkwa maekhuxyaw mnfrng aetcaisephiyngsxngxyangethann 13 naphrikaekngprakxbdwy hxm kraethiym kha taikhr phrikaehng khminsd kapi eklux lukphkchikhw yihra lukcnthn dxkcnthn emdinlukkrawan phrikithy aekngpcyri epnaekngthiidrbxiththiphlcakxaharxinediy iskathiaelamaekhuxyaw naphrikaekngprakxbdwy phrik hxmaedng kraethiym khingaek lukphkchi yihra khminkhaw phrikithypn ekluxpn aekngkahriaebbcin idrbxiththiphlcakxaharcin mikhayineyawrachepnaekngkathithiimisekhruxngeths aetisphngkahriaebbcin naphrikaekngprakxbdwyphrikaehng eklux kha taikhrsxy phiwmakrudhn rakphkchi phrikithy kraethiym hxmaedng lukphkchi yihra etaeciywda aekngcincwn epnaekngobranchnidhnung iskathi nasmsaaelaphrikhywk naphrikaekngprakxbdwy phrikithy dxkcnthn lukcnthn emdphkchi yihra lukkrawan kanphlu xbechy phrikaehng hxmaedng kraethiym taikhr rakphkchi kha kapi ekluxpn aekngraaewng epnaekngobranchnidhnung lksnakhlayphaaenng aetichnaphrikaekngekhiywhwanthietimkhmin istaikhraetimisibmakrud enuxwwthiiscahnchinihy ekhiywihnakhlukkhlik khadwaidrbxiththiphlmacakmaelesiyhruxchwa 14 xangxing aekikh yda srienginywngaelachnirtn saerc aekngithy kthm aesngaedd 2556 saenathiekbthawr khlngkhxmuleka ekbcak aehlngedim emux 2018 02 12 subkhnemux 2011 08 28 yda srienginywngaelachnirtn saerc aekngithy kthm aesngaedd 2556 yda srienginywngaelachnirtn saerc aekngithy kthm aesngaedd 2556 hna 73 yda srienginywngaelachnirtn saerc aekngithy kthm aesngaedd 2556 hna 73 xmintra thinkr n xyuthya sarbkbkhawchawwngtarb m l phwng kthm xmrinthr 2553 xaharithytarbechf phimphkhrngthi 2 kthm aesngaedd 2552 hna 34 xaharithyrimthael phimphkhrngthi 2 kthm 2552 hna 56 xahartmsng caneddcakranxrxythwithy kthm aesngaedd 2552 hna 132 xaharithyrsephd phimphkhrngthi 2 kthm aesngaedd 2550 hna 136 yda srienginywngaelachnirtn saerc aekngithy kthm aesngaedd 2556 hna 174 yda srienginywngaelachnirtn saerc aekngithy kthm aesngaedd 2556 hna 177 rwmaekngxrxysukhphaph phimphkhrngthi 2 kthm xmrinthr 2551 hna 52 suml wxngwngssri canxrxycakpuya sutrobran 100 pi kthm sarkhdi 2557 hna 159aehlngkhxmulxun aekikhekhathungcak https th wikipedia org w index php title aekng amp oldid 9607461, wikipedia, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด,

บทความ

, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม