แอนดี มาร์รี
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เซอร์ แอนดรูว์ บาร์รอน มาร์รี OBE (อังกฤษ: Andrew Barron Murray; เกิด: 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1987) เป็นนักเทนนิสอาชีพชายชาวสกอตแลนด์ มือวางอันดับ 116 ของโลกคนปัจจุบัน และเป็นอดีตมือวางอันดับ 1 ของโลกจำนวน 41 สัปดาห์ เจ้าของตำแหน่งชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมในประเภทชายเดี่ยว 3 สมัย (วิมเบิลดัน 2 สมัย, ค.ศ. 2013 และ 2016) และ ยูเอสโอเพน 1 สมัย (ค.ศ. 2012) และชนะเลิศรายการเอทีพี มาสเตอร์ 14 สมัย รวมทั้งเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล 1 สมัย (ค.ศ. 2016) มาร์รีเป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวได้ 2 สมัย ตลอดอาชีพ เขาชนะเลิศการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวรวม 46 รายการ และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักกีฬาจากสหราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
มาร์รีในปี 2010 | |||||||||||||||||
ชื่อเต็ม | แอนดรูว์ บาร์รอน มาร์รี | ||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเทศ | บริเตนใหญ่ | ||||||||||||||||
ถิ่นพำนัก | อ็อกซ์ชอตต์, เซอร์รีย์, อังกฤษ | ||||||||||||||||
วันเกิด | 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 (34 ปี) กลาสโกว์, สกอตแลนด์ | ||||||||||||||||
ส่วนสูง | 1.91 เมตร (6 ฟุต 3 นิ้ว) | ||||||||||||||||
เทิร์นโปร | 2005 | ||||||||||||||||
การเล่น | มือขวา (แบ็กแฮนด์สองมือ) | ||||||||||||||||
ผู้ฝึกสอน | เจมี เดลกาโด (2016–ปัจจุบัน) | ||||||||||||||||
เงินรางวัล | 62,009,732 ดอลลาร์สหรัฐ | ||||||||||||||||
Official website | andymurray.com | ||||||||||||||||
เดี่ยว | |||||||||||||||||
สถิติอาชีพ | 682–207 (76.7%) | ||||||||||||||||
รายการอาชีพที่ชนะ | 46 (อันดับที่ 14 ในยุคโอเพน) | ||||||||||||||||
อันดับสูงสุด | 1 (7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016) | ||||||||||||||||
อันดับปัจจุบัน | 116 (13 กันยายน 2564) | ||||||||||||||||
ผลแกรนด์สแลมเดี่ยว | |||||||||||||||||
ออสเตรเลียนโอเพน | รองชนะเลิศ (2010, 2011, 2013, 2015, 2016) | ||||||||||||||||
เฟรนช์โอเพน | รองชนะเลิศ (2016) | ||||||||||||||||
วิมเบิลดัน | ชนะเลิศ (2013, 2016) | ||||||||||||||||
ยูเอสโอเพน | ชนะเลิศ (2012) | ||||||||||||||||
Other tournaments | |||||||||||||||||
Tour Finals | ชนะเลิศ (2016) | ||||||||||||||||
Olympic Games | เหรียญทอง (2012, 2016) | ||||||||||||||||
คู่ | |||||||||||||||||
สถิติอาชีพ | 77–77 (50.0%) | ||||||||||||||||
รายการอาชีพที่ชนะ | 3 | ||||||||||||||||
อันดับสูงสุด | อันดับ. 51 (17 ตุลาคม ค.ศ. 2011) | ||||||||||||||||
อันดับปัจจุบัน | 139 (12 กรกฎาคม 2564) | ||||||||||||||||
ผลแกรนด์สแลมคู่ | |||||||||||||||||
ออสเตรเลียนโอเพน | 1R (2006) | ||||||||||||||||
เฟรนช์โอเพน | 2R (2006) | ||||||||||||||||
วิมเบิลดัน | 2R (2019) | ||||||||||||||||
ยูเอสโอเพน | 2R (2008) | ||||||||||||||||
Other Doubles tournaments | |||||||||||||||||
Olympic Games | 2R (2008) | ||||||||||||||||
รายการเหรียญรางวัล
|
มาร์รีสามารถรักษาอันดับ 1 ใน 10 ของโลกได้ทุกปีตั้งแต่ ค.ศ. 2008-17 เขาเป็นนักเทนนิสที่โด่งดังขึ้นมาในยุคที่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดัล และ นอวาก จอกอวิช เป็นสามผู้เล่นที่ขับเคี่ยวกันเพื่อแย่งการเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่เขาสามารถสอดแทรกขึ้นมาคว้าแชมป์รายการสำคัญได้หลายรายการและเอาชนะสามผู้เล่นดังกล่าวได้หลายครั้ง โดยมาร์รีเป็นผู้เล่นคนเดียวที่สามารถเอาชนะทั้งเฟเดอเรอร์, นาดัล และจอกอวิชได้ 7 ครั้งขึ้นไป เขาได้รับการยกย่องให้อยู่ในกลุ่ม Big Four หรือสี่นักเทนนิสชายที่เก่งที่สุดในช่วง ค.ศ. 2009-17 ในการแข่งขันระดับแกรนด์สแลม มาร์รีคว้าตำแหน่งชนะเลิศได้ 3 รายการจากการเข้าชิงชนะเลิศ 11 รายการ โดยชนะเลิศแกรนด์สแลมครั้งแรกในรายการยูเอสโอเพน ค.ศ. 2012 ส่งผลให้เขาเป็นนักเทนนิสจากสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 35 ปีที่ชนะเลิศแกรนด์สแลม และจากการชนะเลิศรายการวิมเบิลดันใน ค.ศ. 2013 ทำให้มาร์รีเป็นนักเทนนิสจากสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 77 ปีที่ชนะเลิศรายการนี้ ในการแข่งขันระดับนานาชาติ มาร์รีชนะเลิศการแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก (เดวิส คัพ) ร่วมกับทีมสหราชอาณาจักรใน ค.ศ. 2015 และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในประเภทชายเดี่ยว 2 สมัย (2012 และ 2016)
เขาขึ้นสู่ตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ในวัย 29 ปี ทำให้มาร์รีเป็นผู้เล่นที่ขึ้นสู่ตำแหน่งอันดับ 1 ครั้งแรกที่มีอายุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ต่อจาก จอห์น นิวคอมบ์ ชาวออสเตรเลีย (30 ปี, ค.ศ. 1974) และถือเป็นผู้เล่นจากสหราชอาณาจักรคนแรกที่สามารถครองตำแหน่งอันดับ 1 ได้ในยุคโอเพน (นับตั้งแต่ ค.ศ. 1973)
"เซอร์ แอนดี มาร์รี" ได้รับเกียรติให้มีรูปอยู่ในแสตมป์ของรัฐบาลอังกฤษถึงสองครั้ง ครั้งแรกใน ค.ศ. 2012 ภายหลังจากเขาคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิค ณ กรุงลอนดอน และครั้งที่สองใน ค.ศ. 2013 หลังจากชนะเลิศแกรนด์สแลมวิมเบิลดันได้เป็นสมัยแรก ซึ่งราชวงศ์อังกฤษได้เชิดชูเกียรติแก่มาร์รีด้วยการมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของจักรวรรดิบริติชชั้นพลเรือนรวมทั้งพระราชทานยศอัศวินให้แก่เขาใน ค.ศ. 2017 ในฐานะที่สร้างชื่อเสียงอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่สหราชอาณาจักร และเขาถือเป็นนักเทนนิสคนที่สองที่ได้รับเกียรตินี้ต่อจาก เซอร์ นอร์แมน บรูค ใน ค.ศ. 1939 มาร์รียังได้รับรางวัลนักเทนนิสยอดเยี่ยมประจำปีของเอทีพี ทัวร์ 1 สมัย ใน ค.ศ. 2016
ปัจจุบันมาร์รีประสบปัญหาในการเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาเนื่องจากปัญหาสภาพร่างกาย เขาบาดเจ็บสะโพกในปี 2017 และเข้ารับการผ่าตัดสองครั้งในปี 2018-19 และยังไม่สามารถกลับมาลงเล่นด้วยสภาพร่างกายที่เต็มร้อยได้อีกเลย โดยอันดับโลกของเขาได้ตกลงไปอย่างมากในปัจจุบัน เขาเคยประกาศเลิกเล่นในปี 2019 แต่ได้ตัดสินใจกลับมาลงแข่งขันต่อ
ชีวิตส่วนตัว
มาร์รีเกิดที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เขาเริ่มเล่นเทนนิสเมื่ออายุได้สามปี โดยอยู่ในการดูแลของจูดี้ ผู้เป็นมารดา ในวัยเด็กเขาได้รับการฝึกฝนการเล่นฟุตบอลที่โรงเรียนและเคยได้รับการเชิญชวนให้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสร กลาสโกว์ เรนเจอร์ แต่เขาเลือกที่จะเป็นนักเทนนิสอาชีพแทน เขาเป็นแฟนฟุตบอลของสโมสรอาร์เซนอล และสโมสรฮิเบอร์เนียน เขามีพี่ชายหนึ่งคนคือ เจมี มาร์รี ซึ่งเป็นนักเทนนิสอาชีพเช่นเดียวกัน ไอดอลของเขาในกีฬาเทนนิสได้แก่ อานเดร แอกัสซี
มาร์รีเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมดับเบลนและอยู่ในเหตุการณ์สังหารหมู่ "Dunblane Massacre" ในปี 1996 ซึ่งฆาตกรคือ โธมัส ฮามิลตัน ที่ฆ่าตัวตายหลังจากสังหารเหยื่อไป 17 ราย โดยวันนั้นมาร์รีซ่อนตัวอยู่ในห้องเรียนและเด็กเกินกว่าที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและกลายเป็นประเด็นที่เขาถูกถามบ่อยครั้งในการให้สัมภาษณ์ของเขาจนถึงปัจจุบัน
มาร์รีเข้าพิธีสมรสกับ คิม เซียร์ ภรรยาของเขาในปี 2015 โดยปัจจุบันทั้งคู่มีบุตร-ธิดารวม 4 คน เขาถือเป็นหนึ่งในนักกีฬาระดับโลกที่ออกมาเคลื่อนไหวและเรียกร้องสิทธิมนุษยชนและสนับสนุนด้านสิทธิสตรีทั่วโลก มาร์รีชื่นชอบการรับประทานซูชิหรือข้าวปั้นญี่ปุ่นมากเนื่องจากรสชาติถูกปากและยังเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง โดยทีมงานของเขาจะต้องตระเวนหาซูชิในปริมาณมากๆให้เขาได้ทานก่อนการแข่งขันทุกครั้ง
ประวัติการเล่นอาชีพ
ช่วงเริ่มต้น
มาร์รีเริ่มเล่นเทนนิสเมื่ออายุ 5 ปี ก่อนเริ่มเล่นอาชีพอย่างเป็นทางการในปี 2005 ในระดับชาเลนเจอร์ และคว้าแชมป์เอทีพีทัวร์ รายการแรกได้สำเร็จ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2006 ที่ซาน โฮเซ่ ประเทศสหรัฐฯ จากนั้น เขาผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกในศึกยูเอสโอเพน ปี 2008 แต่พ่ายให้กับ โรเจอร์ เฟเดเรอร์ ยอดผู้เล่นจากสวิตเซอร์แลนด์
อย่างไรก็ตามเขาสามารถสร้างชื่อเสียงด้วยการชนะเลิศรายการระดับมาสเตอร์ได้อย่างต่อเนื่องก่อนจะเข้าชิงแกรนด์สแลมได้เป็นรายการที่สองในอาชีพในออสเตรเลียนโอเพนปี 2010 ซึ่งเขาแพ้เฟเดอเรอร์ไปอีกครั้ง ตามด้วยการแพ้ให้ นอวาก จอกอวิช ในออสเตรเลียนโอเพน 2011 ซึ่งเป็นการเข้าชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมรายการที่ 3 มาร์รีย์ยังคงไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าตำแหน่งชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมหลังจากเข้าชิงชนะเลิศเป็นรายการที่ 4 ในวิมเบิลดันปี 2012 โดยแพ้ให้กับเฟเดอเรอร์ไปอีกครั้ง
แชมป์แกรนด์สแลมรายการแรกและเหรียญทองโอลิมปิก (2012-15)
ในช่วงเวลาต่อมาเส้นทางอาชีพของเขาก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด เมื่อเขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิกให้แก่ทีมสหราชอาณาจักรได้ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ก่อนจะคว้าตำแหน่งชนะเลิศแกรนด์สแลมได้เป็นสมัยแรกด้วยการเอาชนะจอกอวิชได้ในรอบชิงชนะเลิศยูเอสโอเพนในเดือนกันยายน โดยมาร์รีเป็นนักเทนนิสจากสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบกว่า 76 ที่สามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศแกรนด์สแลมได้
ในปี 2013 มาร์รียังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการแกรนด์สแลม ด้วยการผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมเป็นครั้งที่ 6 ก่อนจะแพ้ให้กับจอกอวิชในออสเตรเลียนโอเพนไปอีกครั้ง และเขาต้องถอนตัวจากการแข่งขันเฟรนช์โอเพนเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ต่อมา เขาได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการชนะเลิศรายการวิมเบิลดันโดยเอาชนะจอกอวิช และเขาถือเป็นนักเทนนิสจากสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 77 ปีที่ชนะเลิศวิมเบิลดันนับตั้งแต่ เฟร็ด เพอร์รี่ ทำได้ใน ค.ศ. 1936 แต่ต่อมาเขาตกรอบ 8 คนสุดท้ายในยูเอสโอเพน
สองฤดูกาลถัดมาในช่วงปี 2014-15 มาร์รีไม่สามารถชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมเพิ่มได้ โดยผลงานที่ดีที่สุดคือการเข้าชิงชนะเลิศออสเตรเลียนโอเพน 2015 ก่อนจะแพ้ให้กับจอกอวิชไปเป็นครั้งที่ 3 ในรอบชิงชนะเลิศรายการนี้ แต่มาร์รีก็ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติด้วยการพาทีมสหราชอาณาจักรชนะเลิศการแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก (เดวิสคัพ) ได้ ในช่วงเวลาดังกล่าว มาร์รียังชนะเลิศรายการมาสเตอร์เพิ่มได้หลายรายการ
สร้างประวัติศาสตร์ในโอลิมปิก (2016)
ในปี 2016 ถือเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของมาร์รี โดยเขาเข้าชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมได้ถึง 3 รายการในปีนี้โดยแม้จะแพ้ให้กับจอกอวิชในรอบชิงชนะเลิศออสเตรเลียนโอเพนและเฟรนช์โอเพน แต่มาร์รีสามารถชนะเลิศวิมเบิลดันได้เป็นสมัยที่ 2 และเป็นการชนะเลิศแกรนด์สแลมรายการที่ 3 ในอาชีพ และในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ณ กรุงรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล มาร์รีได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกในประเภทชายเดี่ยวได้เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งเขาถือเป็นผู้เล่นคนเดียวที่สามารถคว้าเหรียญทองในประเภทชายเดี่ยวได้ 2 สมัย โดยมาร์รียังได้รับเกียรติให้เป็นผู้ถือธงชาติสหราชอาณาจักรในพิธีเปิดการแข่งขันอีกด้วย
เขาจบฤดูกาลด้วยการชนะเลิศรายการ เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล โดยเอาชนะจอกอวิชไปได้ในรอบชิงชนะเลิศและปิดท้ายด้วยการขึ้นสู่ตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกเป็นครั้งแรก ส่งผลให้มาร์รีเป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถชนะเลิศรายการแกรนด์สแลม, รายการมาสเตอร์ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก และจบฤดูกาลด้วยการเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกได้ภายในปีเดียวกัน
อาการบาดเจ็บและช่วงขาลงในอาชีพ (2017-20)
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017 มาร์รีไม่สามารถชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมเพิ่มได้และเขาเสียตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกให้แก่นาดัลในช่วงกลางปี 2017 โดยเขาเริ่มมีอาการบาดเจ็บสะโพกรบกวนซึ่งเรื้อรังมานาน และอาการดังกล่าวกำเริบขึ้นจนส่งผลต่อการเล่นในการแข่งขันวิมเบิลดัน โดยมาร์รีแพ้ให้กับ แซม แควร์รี่ย์ จากสหรัฐอเมริกาในรอบ 8 คนสุดท้ายในการแข่งขัน 5 เซต โดยเขามีอาการบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงต้นเซตที่ 3 ของการแข่งขัน ทำให้เขาพลาดลงแข่งขันในรายการที่เหลือในปี 2017 ได้แก่ เอทีพี มาสเตอร์ สามรายการที่มอนทรีออล, ซินซินแนติ และปารีส รวมทั้งพลาดการแข่งขันยูเอสโอเพน และเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอล
มาร์รีเข้ารับการผ่าตัดสะโพกสองครั้งในปี 2018 และ 2019 และยังไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นที่ดีกลับมาได้อีกเลย เขาเคยประกาศเลิกเล่นหลังจบรายการออสเตรเลียนโอเพนในปี 2019 แต่ได้ตัดสินใจลงทำการแข่งขันต่อจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดเพิ่มได้อีกจนถึงปัจจุบัน
กลับคืนสู่การแข่งขัน (2021)
ในเดือนมกราคมปี 2021 เขาถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ทำให้พลาดลงแข่งขันออสเตรเลียนโอเพนและได้พักจากการแข่งขันไปอีกหลายเดือนก่อนจะกลับมาอีกครั้งในรายการคอรต์หญ้าเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ 500 "ควีนส์" (Queen’s Club Championships) ณ กรุงลอนดอน ก่อนที่จะตกรอบที่ 2 โดยแพ้ให้กับ มัตเตโอ แบร์เรตตีนี จากอิตาลี เขากลับมาลงแข่งขันแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีที่วิมเบิลดันในฐานะผู้เล่นที่ได้รับสิทธิ Wild Card (ผู้เล่นที่ไม่ได้รับการจัดอันดับแต่ได้สิทธิลงแข่งขันเป็นกรณีพิเศษ) โดยผ่านเข้าถึงรอบที่สามและแพ้ให้กับ เดนิส เชโปวาลอฟ จากแคนาดา
มาร์รีลงแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 โดยลงแข่งทั้งในประเภทชายเดี่ยวและชายคู่ ก่อนจะประกาศถอนตัวในประเภทชายเดี่ยวเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ยังคงลงเล่นในประเภทคู่โดยจับคู่กับ โจ ซาลิสบิวรี และผ่านเข้าถึงรอบ 8 คู่สุดท้ายก่อนจะแพ้ให้กับคู่ของ มาริน ซิลิช และ อีวาน ดอดิก จากโครเอเชีย ต่อมา มาร์รีลงแข่งขันในยูเอสโอเพนแต่ตกรอบแรกโดยแพ้ให้กับ สเตฟานอส ซิตซิปาส ในการแข่งขัน 5 เซต ตามด้วยการตกรอบที่สามในรายการ โอเพน เดอ แรนส์ ที่ฝรั่งเศส แพ้ให้กับ โรมัน ซาฟิลิน นักเทนนิสรัสเซีย 1-2 เซต และเขายังคงลงแข่งขันที่ฝรั่งเศส โดยรายการต่อมาคือ โมเซลล์ โอเพน
รูปแบบการเล่น
มาร์รีถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีรูปแบบการเล่นที่เน้นตั้งรับได้ดีที่สุดคนหนึ่ง เขามักจะไม่ผลีผลามบุกแต่จะตั้งรับและเน้นการตีโต้อย่างอดทนบริเวณหลังเส้นเบสไลน์เพื่อกดดันให้คู่ต่อสู้ตีพลาดเอง ในขณะเดียวกันก็มักจะฉวยโอกาสขึ้นบุกทำคะแนนเมื่อมีจังหวะเหมาะสม เขาเป็นผู้เล่นที่เน้นการตีด้วยความแน่นอนและไม่ชอบเล่นลูกที่เสี่ยงต่อการเสียแต้ม มาร์รีเป็นผู้เล่นที่สามารถเล่นได้ดีบนทุกพื้นคอร์ต เขามีลูกกราวน์สโตรกที่หนักหน่วงและแม่นยำ และมีจุดเด่นคือการตีแบ็กแฮนด์วินเนอร์ที่เฉียบคมและมักจะใช้ลูกแบ็กแฮนด์สไลด์ตีลูกให้เรียบต่ำลึกถึงเส้นเบสไลน์ซึ่งบีบให้คู่แข่งจำเป็นต้องตีงัดกลับขึ้นมาและมักจะไม่พ้นเน็ท ซึ่งจากการที่เขามีสไตล์การเล่นที่เน้นรับและใช้พละกำลังมากจนเกินไปนี้เองทำให้ร่างกายช่วงล่างของเขาได้รับผลกระทบโดยตรงและเป็นสาเหตุที่ทำให้เขายังไม่สามารถกลับมาคืนฟอร์มเก่งได้ภายหลังจากเข้ารับการผ่าตัดสะโพกสองครั้ง ลูกเสิร์ฟของเขาถือเป็นจุดอ่อนมาตลอดหลายปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเสริ์ฟแรกไม่ได้แต้มและจำเป็นต้องเสริ์ฟลูกที่สอง โดยเปอร์เซนต์การได้แต้มจากเสริ์ฟสองของเขาถือว่าค่อนข้างต่ำหากเทียบกับผู้เล่นระดับโลกคนอื่นๆ
สถิติโลก
"เซอร์ แอนดี มาร์รี" ครองสถิติโลกในวงการเทนนิสจำนวน 10 รายการได้แก่:
- เป็น 1 ใน 2 ผู้เล่นชายในประวัติศาสตร์ที่ชนะเลิศรายการแกรนด์สแลม, รายการมาสเตอร์, คว้าเหรียญทองโอลิมปิก และจบฤดูกาลด้วยการเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลกได้ภายในปีเดียวกัน (ค.ศ. 2016) ร่วมกับ ราฟาเอล นาดัล (ค.ศ. 2008)
- เป็นผู้เล่นชายคนเดียวที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวได้ 2 สมัย (ค.ศ. 2012 และ 2016)
- เป็นผู้เล่นคนเดียวที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกในการแข่งขันประเภทชายเดี่ยวได้ 2 สมัยติดต่อกัน (ค.ศ. 2012 และ 2016)
- เป็นผู้เล่นชายคนเดียวที่ชนะเลิศแกรนด์สแลมยูเอสโอเพนและคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ในปีเดียวกัน (ค.ศ. 2012)
- เป็นผู้เล่นชายคนเดียวที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้ 2 สมัยและชนะเลิศแกรนด์สแลมวิมเบิลดัน
- เป็นผู้เล่นคนที่ 3 ต่อจาก อานเดร อาแกสซี และ ราฟาเอล นาดัล ที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกและคว้าตำแหน่งชนะเลิศแกรนด์สแลมได้ในรายการพื้นคอร์ตสองประเภท (คอร์ตหญ้าในวิมเบิลดัน และฮาร์ดคอร์ตหรือพื้นคอนกรีตในยูเอสโอเพน)
- เป็นผู้เล่นจากสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบกว่า 77 ปีที่ชนะเลิศแกรนด์สแลมวิมเบิลดัน (ค.ศ. 2013)
- เป็นผู้เล่นที่คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศแกรนด์ออสเตรเลียนโอเพนมากที่สุดในยุคโอเพน (5 สมัย)
- เป็นผู้เล่นจากสหราชอาณาจักรคนแรกที่สามารถครองตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกได้ในยุคโอเพน
- เป็นผู้เล่นที่ขึ้นสู่ตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกครั้งแรกที่มีอายุมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์ต่อจาก จอห์น นิวคอมบ์ ผู้เล่นชาวออสเตรเลียใน ค.ศ. 1974
อุปกรณ์แข่งขัน
ใน ค.ศ. 2009 มาร์รีได้เซ็นสัญญาร่วมกับอาดิดาสแบรนด์กีฬาระดับโลกเป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยสัญญามูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงชุดแข่งขันและรองเท้าเทนนิส ต่อมาเขาได้เซ็นสัญญากับ อันเดอร์อาร์เมอร์ แบรนด์สัญชาติอเมริกันในเดือนธันวาคมปี 2014 ด้วยสัญญามูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเซ็นสัญากับ Castore แบรนด์ดังจากสหราชอาณาจักรจนกระทั่งถึงช่วงที่เขาประกาศเลิกเล่น (ณ ขณะนั้น) ในรายการออสเตรเลียนโอเพนปี 2019 มาร์รีใช้ไม้เทนนิสของ "Head" แบรนด์ของประเทศออสเตรเลีย และมักปรากฏภาพเขาในโฆษณาของแบรนด์
ทรัพย์สิน
มาร์รีทำเงินรางวัลรวมจากการแข่งขันไปทั้งสิ้น 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในประเภทชายเดี่ยว โดยเป็นรองเพียงผู้เล่นในกลุ่ม Big 4 ด้วยกันเท่านั้น (นอวาก จอกอวิช, โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดัล เป็นสามผู้เล่นที่ทำเงินรางวัลรวมสูงที่สุด) โดยหากนับรวมกับค่าตอบแทนจากสปอนเซอร์และการโฆษณาสินค้าต่างๆแล้ว มาร์รีมีทรัพย์สินรวม 100 ล้านดอลลาร์
การกุศล
ในการแข่งขันแกรนด์สแลมวิมเบิลดันปี 2016 มาร์รีนำชุดแข่งที่สวมใส่ในการแข่งขันเซ็นชื่อออกประมูลหารายได้ช่วยองค์กรการกุศล แชริตีสตาร์ส (CharityStars) โดยหน่วยงานดังกล่าวซึ่งมาร์รีสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2009 มุ่งเน้นขจัดและรักษาโรคร้ายซึ่งคร่าชีวิตผู้คน 43,800 รายต่อปี โดยผู้เคราะห์ร้ายมักเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และ สตรีมีครรภ์ ในทวีปแอฟริกา
ต่อมาในปี 2020 มาร์รีได้ลงแข่งขันเทนนิสรายการ Schroders Battle of the Brits ที่จัดโดยเจมี่ มาร์รี พี่ชายของเขา เพื่อระดมทุนไปมอบให้กับหน่วยงานสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษ (NHS) โดยการแข่งขันรายการนี้จัดขึ้นที่ศูนย์กีฬาเทนนิสแห่งชาติ ที่กรุงลอนดอน ระหว่างวันที่ 23-28 มิถุนายนและยังมีนักเทนนิสชาวอังกฤษอย่าง ไคล์ เอ็ดมุนด์ และแดน อีแวนส์ เข้าร่วมการแข่งขันและมีการตั้งเป้าว่าจะรวบรวมเงินบริจาคให้ได้ราว 100,000 ปอนด์ (ประมาณ 4 ล้านบาท) เพื่อสมทบทุนให้กับเอ็นเอชเอส
เกียรติประวัติส่วนตัว
- รางวัลบีบีซี สปอร์ตส์ เพอร์ซันนอลลิตี้ ออฟ เดอะ เยียร์ สาขานักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี (BBC Young Sports Personality of the Year) ปี 2004
- รางวัล BBC Sports Team of the Year Award ปี 2012 และ 2015
- รางวัลผู้เล่นที่ชนะเลิศการแข่งขันของเอทีพี ทัวร์ มากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาลในปี 2009 (6 รายการ) และ 2016 (9 รายการ)
- รางวัล Best ATP World Tour Match of the Year ปี 2010, 2011 และ 2012
- รางวัล BBC Sports Personality of the Year ปี 2013, 2015 และ 2016
- รางวัลบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีผลงานอันโดดเด่นอย่างเป็นที่ประจักษ์ของประเทศสก็อตแลนด์ (The Glenfiddich Spirit of Scotland Awards) ปี 2013
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของจักรวรรดิบริติชชั้นพลเรือนรวมทั้งได้รับพระราชทานยศ "Sir" หรือยศอัศวินในปี 2017
สถิติการเล่นอาชีพในรายการสำคัญ
รายการแกรนด์สแลมรอบชิงชนะเลิศ
เข้าชิงชนะเลิศ 11 รายการ (ชนะเลิศ 3 รายการ, รองชนะเลิศ 8 รายการ)
ผลลัพธ์ | ปี | รายการ | พื้นสนาม | คู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศ | ผลการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|
รองชนะเลิศ | 2008 | ยูเอสโอเพน | คอนกรีต | โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ | 2–6, 5–7, 2–6 |
รองชนะเลิศ | 2010 | ออสเตรเลียนโอเพน | คอนกรีต | โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ | 3–6, 4–6, 6–7(11–13) |
รองชนะเลิศ | 2011 | ออสเตรเลียนโอเพน | คอนกรีต | นอวาก จอกอวิช | 4–6, 2–6, 3–6 |
รองชนะเลิศ | 2012 | วิมเบิลดัน | หญ้า | โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ | 6–4, 5–7, 3–6, 4–6 |
ชนะเลิศ | 2012 | ยูเอสโอเพน(1) | คอนกรีต | นอวาก จอกอวิช | 7–6(12–10), 7–5, 2–6, 3–6, 6–2 |
รองชนะเลิศ | 2013 | ออสเตรเลียนโอเพน | คอนกรีต | นอวาก จอกอวิช | 7–6(7–2), 6–7(3–7), 3–6, 2–6 |
ชนะเลิศ | 2013 | วิมเบิลดัน(1) | หญ้า | นอวาก จอกอวิช | 6–4, 7–5, 6–4 |
รองชนะเลิศ | 2015 | ออสเตรเลียนโอเพน | คอนกรีต | นอวาก จอกอวิช | 6–7(5–7), 7–6(7–4), 3–6, 0–6 |
รองชนะเลิศ | 2016 | ออสเตรเลียนโอเพน | คอนกรีต | นอวาก จอกอวิช | 1–6, 5–7, 6–7(3–7) |
รองชนะเลิศ | 2016 | เฟรนช์โอเพน | ดิน | นอวาก จอกอวิช | 6–3, 1–6, 2–6, 4–6 |
ชนะเลิศ | 2016 | วิมเบิลดัน (2) | หญ้า | มิรอส ราวนิค | 6–4, 7–6(7–3), 7–6(7–2) |
รายการเอทีพี เวิลด์ ทัวร์ มาสเตอร์ 1000
รอบชิงชนะเลิศ 21 รายการ (ชนะเลิศ 14 รายการ, รองชนะเลิศ 7 รายการ)
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
ประเภทชายเดี่ยว: เข้าชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง (คว้าเหรียญทอง 2 สมัย)
ผลลัพธ์ | ปี | รายการ | พื้นสนาม | คู่แข่งในรอบชิงเหรียญ | ผลการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|
เหรียญทอง | 2012 | โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร | หญ้า | โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ | ชนะ 6–2, 6–1, 6–4 |
เหรียญทอง | 2016 | โอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ณ กรุงริโอเดอจาเนโร บราซิล | คอนกรีต | ฆวน มาร์ติน เดล ปอร์โต | ชนะ 7–5, 4–6, 6–2, 7–5 |
ประเภทคู่ผสม: เข้าชิงชนะเลิศ 1 ครั้ง (คว้าเหรียญเงิน 1 สมัย)
ผลลัพธ์ | ปี | รายการ | พื้นสนาม | ผู้เล่นที่จับคู่ด้วย | คู่แข่งรอบชิงเหรียญ | ผลการแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|
เหรียญเงิน | 2012 | โอลิมปิกฤดูร้อน ปี 2012 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร | หญ้า | ลอร่า ร็อบสัน | วิคตอเรีย อซาเรนกา แม็กซ์ เมิร์นยี่ | 6–2, 3–6, [8–10] |
การแข่งขันประเภททีม (ในนามทีมสหราชอาณาจักร)
เดวิส คัพ: เข้าชิงชนะเลิศ 1 สมัย (แชมป์ 1 สมัย)
ฮอพแมน คัพ: เข้าชิงชนะเลิศ 1 สมัย (รองชนะเลิศ 1 สมัย)
เงินรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันเทนนิสอาชีพ
ปี | รายการ แกรนด์สแลม | รายการ ATP | รวม | เงินรางวัล ($) | อันดับของ เงินรางวัล |
---|---|---|---|---|---|
2003 | 0 | 0 | 0 | ||
2004 | 0 | 0 | 0 | ||
2005 | 0 | 0 | 0 | ||
2006 | 0 | 1 | 1 | ||
2007 | 0 | 2 | 2 | ||
2008 | 0 | 5 | 5 | ||
2009 | 0 | 6 | 6 | ||
2010 | 0 | 2 | 2 | ||
2011 | 0 | 5 | 5 | ||
2012 | 1 | 2 | 3 | ||
2013 | 1 | 3 | 4 | ||
2014 | 0 | 3 | 3 | $3,918,244 | 8 |
2015 | 0 | 4 | 4 | $8,175,231 | |
2016 | 1 | 8 | 9 | $16,349,701 | |
2017 | 0 | 1 | 1 | $2,092,625 | 15 |
2018 | 0 | 0 | 0 | $212,866 | |
2019 | 0 | 1 | 1 | $497,751 | 118 |
2020 | 0 | 0 | 0 | $249,361 | 139 |
2021* | 0 | 0 | 0 | $76,994 | 232 |
Career* | 3 | 43 | 46 | $62,009,732 | 4 |
- * ข้อมูลเมื่อ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 [update].
เชิงอรรถ
- ในสำเนียงบริติช หรือ แอนดี เมอร์รี ในสำเนียงอเมริกัน
- ยุคโอเพนในการแข่งขันเทนนิสทั่วโลกเริ่มต้นใน ค.ศ. 1968 แต่เริ่มมีการจัดอันดับมือวางผู้เล่นครั้งแรกใน ค.ศ. 1973
อ้างอิง
- MURRAY, Andrew. ukwhoswho.com. Who's Who. 2015 (online Oxford University Press ed.). A & C Black, an imprint of Bloomsbury Publishing plc. (ต้องรับบริการ)
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อatp_profile
- "Rankings Singles". ATP Tour.
- "Rankings Doubles". ATP Tour.
- "Andy murray Pronunciation". www.howtopronounce.com (ภาษาอังกฤษ).
- "Andy Murray | Overview | ATP Tour | Tennis". ATP Tour.
- "Murray Caps Dream Season With London Title, Year-End No. 1 | ATP Tour | Tennis". ATP Tour.
- "Tearful Murray wins second Olympic gold". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-05-23.
- "Sir Andy Murray: Is he Britain's greatest sportsperson of all time?". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ).
- "Most Successful British Tennis Players Of All-Time". Online Betting.
- "Murray's Olympic glory relived". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-07-31.
- "Ranking history of Andy Murray". CoreTennis.net (ภาษาอังกฤษ).
- "Andy Murray | Bio | ATP Tour | Tennis". ATP Tour.
- Bullock, John. "The Different Eras of Tennis' Big Four". HowTheyPlay (ภาษาอังกฤษ).
- "Fred Perry: the icon and the outcast". HistoryExtra (ภาษาอังกฤษ).
- "Murray wins Davis Cup for Britain". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-07-16.
- "Andy Murray - Latest news, reaction, results, pictures, video - Daily Record". dailyrecord (ภาษาอังกฤษ).
- "Profile". Andy Murray Official Site (ภาษาอังกฤษ).
- https://www.bbc.com/news/uk-scotland-tayside-central-23359069
- "THE NORMAN BROOKS TROPHY". Percy Marks (ภาษาอังกฤษ). 2013-01-17.
- https://www.bbc.com/sport/tennis/46865821
- https://www.biography.com/athlete/andy-murray
- Tennis365 (2018-01-18). "Which teams do Nadal, Federer, Murray support?". Tennis365 (ภาษาอังกฤษ).
- "Players' love of sushi means raw fish is raw power on tennis circuit". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2010-06-29.
- "Murray wins Olympic tennis gold". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-06-07.
- "Murray withdraws from French Open". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-06-07.
- "Andy Murray says carrying flag at Rio Olympics is 'proudest moment of career'". Sky Sports (ภาษาอังกฤษ).
- "Murray picked as GB's Rio flag bearer". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-06-07.
- "Andy Murray has hip surgery and aims to return before Wimbledon". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2018-01-08.
- Tennis.com. "Andy Murray has surgery, gets metal implant with second hip operation". Tennis.com (ภาษาอังกฤษ).
- Rothenberg, Ben (2018-08-15). "After Hip Surgery, Andy Murray Struggles to Regain His Footing". The New York Times (ภาษาอังกฤษ). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2021-06-08.
- "Murray makes winning return at Queen's". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-06-15.
- "Denis Shapovalov Shines To End Andy Murray's Wimbledon Campaign | ATP Tour | Tennis". ATP Tour.
- "Murray & Salisbury out of men's doubles". BBC Sport (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-07-31.
- Lutz, Tom (2021-08-30). "Stefanos Tsitsipas beats Andy Murray in five sets at US Open – as it happened". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). ISSN 0261-3077. สืบค้นเมื่อ 2021-08-31.
- www.eurosport.com https://www.eurosport.com/geoblocking.shtml. Missing or empty
|title=
(help) - "The Changing Game of Andy Murray -". Essential Tennis (ภาษาอังกฤษ). 2012-01-28.
- "Andy Murray Biography And Detailed Game Analysis". Online Tennis Instruction - Learn How To Play Your Best Tennis, Free Tennis Tips (ภาษาอังกฤษ).
- "ATP: the biggest strength and weakness of every top 10 player". Tennismash (ภาษาอังกฤษ). 2018-01-09.
- Li, J. "Andy Murray's Strengths, Weaknesses and Keys To Success". Bleacher Report (ภาษาอังกฤษ).
- "Andy Murray | Bio | ATP Tour | Tennis". ATP Tour.
- Tennis.com. "Tennis.com". Tennis.com (ภาษาอังกฤษ).
- . web.archive.org. 2019-07-02.
- "Andy Murray Net Worth". Celebrity Net Worth (ภาษาอังกฤษ). 2010-02-23.
- ""เมอร์เรย์" ใจบุญ เปิดประมูลเสื้อแชมป์วิมฯ ต้านมาลาเรีย". mgronline.com (ภาษาอังกฤษ). 2016-07-24.
- "Andy Murray and Laura Robson beaten in Hopman Cup final". BBC Sport. 9 January 2010. จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 January 2010. สืบค้นเมื่อ 9 January 2010.