ทาลัสซีเมียแบบแอลฟา
ทาลัสซีเมียแบบแอลฟา (อังกฤษ: Alpha-thalassemia, α-thalassemia, α-thalassaemi) เป็นทาลัสซีเมียประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มโรคเลือดที่สืบทอดทางกรรมพันธุ์และเกิดจากความผิดปกติในการสังเคราะห์ห่วงลูกโซ่โปรตีนของเฮโมโกลบิน โดยเฉพาะแล้ว แบบแอลฟาเกิดจากความผิดปกติของยีน HBA1 และ/หรือ HBA2 บนโครโมโซม 16 ทำให้ผลิตห่วงลูกโซ่แบบแอลฟาจากยีน globin 1,2,3, หรือทั้ง 4 ยีนอย่างผิดปกติ มีผลให้ห่วงลูกโซ่แบบแอลฟาลดลงหรือไม่มี และเกิดห่วงลูกโซ่แบบบีตามากเกินสัดส่วน ระดับความพิการที่เกิดจะขึ้นอยู่กับลักษณะทางพันธุกรรม (phenotype) ที่มี คือ มียีนกี่ตำแหน่งที่เปลี่ยนไป แต่โดยทั่วไปแล้วความไม่สมดุลของห่วงลูกโซ่แอลฟาและบีตาจะทำให้เกิดการสลายของเม็ดเลือดแดง (hemolysis) และการสร้างเม็ดเลือดแดงที่ไม่มีประสิทธิภาพ คนที่มีกรรมพันธุ์แบบพาหะเงียบ (silent carrier) และแบบลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) จะไม่มีอาการ ไม่ต้องรักษา และจะมีการคาดหมายคงชีพที่อายุปกติ คนที่เป็นระดับปานกลาง (intermedia) จะมีภาวะเลือดจางเพราะการสลายเลือด และทารกที่มีระดับหนัก (major) มักจะไม่รอดชีวิต บุคคลที่มีโรคควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนมีบุตร/ก่อนแต่งงาน และบุคคลที่เป็น trait ควรตรวจบุตรที่อยู่ในครรภ์ (chorionic villus sampling)
ทาลัสซีเมียแบบแอลฟา (Alpha-thalassemia) | |
---|---|
การสืบทอดทาลัสซีเมียแบบแอลฟาทางพันธุกรรม | |
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก | |
ICD-10 | D56.0 |
ICD-9 | 282.43 |
OMIM | 141800 141850 142310 604131 |
DiseasesDB | 448 33334 |
eMedicine | article/955496 |
MeSH | D017085 |
GeneReviews |
|
อาการ
อาการปรากฏของบุคคลที่มีภาวะนี้รวมทั้ง
- ดีซ่าน
- ความอ่อนเปลี้ย
- หน้าผากนูนออก
- นิ่วในถุงน้ำดี
- ความดันโลหิตสูง (เมื่อตั้งครรภ์)
เหตุ
ภาวะนี้สืบทอดทางกรรมพันธุ์ในรูปแบบ Mendelian recessive (ลักษณะด้อยของเมนเดล) ผ่านออโตโซม และสัมพันธ์กับการหลุดหายของโครโมโซม 16p แต่โรคสามารถ "เกิดขึ้น" ได้ในสถานการณ์ที่มีน้อย
พยาธิสรีรภาพ
เฮโมโกลบินในเลือดมีลักษณะเป็นวงแหวน heme มีหน่วยย่อยเป็นห่วงลูกโซ่โปรตีน globin 4 หน่วย โดย 2 หน่วยเป็นแบบแอลฟา และอีกสองหน่วยแบบอื่นนอกจากแอลฟา หน่วยย่อยเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดประเภทของเฮโมโกลบิน เฮโมโกลบินของทารก (HbF) จะมีแอลฟา 2 หน่วยและแกมมา 2 หน่วย (α2γ2) เฮโมโกลบินของผู้ใหญ่ (HbA) จะมีแอลฟา 2 หน่วยและมีบีตา 2 หน่วย (α2β2) และเฮโมโกลบินของผู้ใหญ่ประเภทที่ 2 (HbA2) จะมีแอลฟา 2 หน่วยและเดลตา 2 หน่วย (α2δ2) ผู้ใหญ่ปกติจะมี HbA โดยมาก (> 96%) และ HbA2 โดยส่วนน้อย (<= 4%)
กลไกของโรคทำให้เกิดการผลิตห่วงโซ่ globin แบบแอลฟาน้อยลง ทำให้ห่วงโซ่แบบบีตามีเกินในผู้ใหญ่ และแบบแกมมาเกินในทารกเกิดใหม่ ลูกโซ่บีตาที่เกินจะประกอบเป็นโมเลกุลมีหน่วยย่อย 4 ส่วน (tetramer) ที่ไม่เสถียรซึ่งเรียกว่า Hemoglobin H (HbH) เป็นห่วงโซ่บีตา 4 ห่วงต่อกัน (β4) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ส่งออกซิเจนได้ไม่ดี เพราะว่าสัมพรรคภาพ (affinity) ของโมเลกุลกับออกซิเจนสูงเกินไป และดังนั้น จึงไม่ปล่อยออกซิเจนในที่ที่ควร ทาลัสซีเมียแอลฟา0 แบบ homozygote ซึ่งจะมีห่วงโซ่แกมมา4 มาก (γ4) แต่ไม่มีแบบแอลฟาเลย (เรียกว่า Hemoglobin Barts) บ่อยครั้งจะทำให้เสียชีวิตหลังเกิดไม่นาน
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยทาลัสซีเมียแบบแอลฟาโดยหลักทำโดยการทดสอบในแล็บ และ haemoglobin electrophoresis แต่สามารถวินิจฉัยผิดว่าเป็นภาวะเลือดจางเหตุขาดธาตุเหล็กได้ง่าย ๆ โดยอาศัยการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์ หรือจากการตรวจฟิล์มเลือด เพราะอาการทั้งสองล้วนมีภาวะเลือดจางแบบเม็ดเลือดเล็ก (microcytic) ระดับเหล็กและ ferritin ในเลือดสามารถใช้กันภาวะโลหิตจางเหตุขาดธาตุเหล็กออกได้
โดยมากคนจะพบ trait ทาลัสซีเมียโดยบังเอิญเมื่อตรวจเลือดโดยการตรวจนับเม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์แล้วพบว่ามีภาวะเลือดจางแบบเม็ดเลือดเล็ก (microcytic) อย่างเบา ๆ ซึ่งอาจมีเหตุจากภาวะต่าง ๆ รวมทั้งการขาดธาตุเหล็ก, ทาลัสซีเมีย, ตะกั่วเป็นพิษ, sideroblastic anemia, หรือภาวะเลือดจางเหตุโรคเรื้อรังอื่น ๆ ปริมาตรของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ย (MCV), ความกว้างของการกระจายขนาดเม็ดเลือดแดง (RDW), และประวัติคนไข้สามารถกันเหตุบางอย่างเหล่านี้ออกไป คือ สำหรับทาลัสซีเมีย MCV ปกติจะน้อยกว่า 75 fl และสำหรับการขาดธาตุเหล็ก MCV ปกติจะไม่น้อยกว่า 80 fl ยกเว้นเมื่อฮีมาโทคริตน้อยกว่า 30% สำหรับเด็ก Mentzer index คือ อัตรา MCV/red blood cell count สามารถเป็นตัวจำแนก คือสำหรับการขาดธาตุเหล็ก อัตราปกติจะสูงกว่า 13 เทียบกับทาลัสซีเมียที่น้อยกว่า 13 ถ้าอยู่ที่ 13 นี่บ่งว่าไม่ชัดเจน
RDW อาจจำแนกการขาดธาตุเหล็กและ sideroblastic anemia ออกจากทาลัสซีเมีย คือ เกิน 90% ในบุคคลที่ขาดธาตุเหล็ก RDW จะมีค่าสูง แต่จะสูงเพียงในแค่ 50% ของคนที่มีทาลัสซีเมีย และสำหรับ sideroblastic anemia ค่านี้ก็จะสูงด้วย ดังนั้น ภาวะเลือดจางแบบเม็ดเลือดเล็กที่มีค่า RDW ปกติ โดยมากจะเป็นเพราะทาลัสซีเมีย ส่วนบุคคลที่มี RDW สูงจะต้องตรวจสอบมากขึ้น
ค่าวัดเลือด | การขาดธาตุเหล็ก | α-thalassemia | β-thalassemia |
---|---|---|---|
MCV (ผิดปกติถ้า < 80 fl ในผู้ใหญ่) | ต่ำ | ต่ำ | ต่ำ |
RDW | สูง | ปกติ บางครั้งสูง | ปกติ |
ferritin | ต่ำ | ปกติ | ปกติ |
Mentzer index (สำหรับเด็ก) (MCV/red blood cell count) | >13 | <13 | <13 |
Hb electrophoresis | ปกติ หรือHbA2 อาจน้อย | HbA2 มาก, HbA น้อย, HbF มาก | ผู้ใหญ่ (ปกติ) |
ระดับ ferritin เป็นการตรวจที่ไวต่อภาวะโลหิตจางเหตุขาดธาตุเหล็กมากที่สุด ดังนั้นถ้าไม่มีการอักเสบ ระดับ ferritin ปกติโดยทั่วไปจะกันการขาดธาตุเหล็กออก ภาวะเลือดจางเหตุโรคเรื้อรังบ่อยที่สุดจะเป็นแบบเบา ๆ มีเม็ดเลือดขนาดปกติ (normocytic ) และมีสีปกติ (normochromic)
ทาลัสซีเมียแบบบีตาจะมีระดับ HbA ที่ลดลงหรือหรือไม่มี มี HbA2 สูงขึ้น และมี HbF สูงขึ้น แต่ว่าการมีระดับ HbA2 ปกติไม่ได้กันทาลัสซีเมียแบบบีตาออกโดยเฉพาะถ้ามีการขาดธาตุเหล็กพร้อม ๆ กัน ซึ่งสามารถลด HbA2 สู่ระดับปกติ ทาลัสซีเมียแบบแอลฟาโดยทั่วไปจะแสดง HbA และ HbA2 ในระดับปกติ ถ้าเด็กทารกเกิดใหม่มีเฮโมโกลบินแบบ HbH หรือ Hb Bart เด็กจะมีทาลัสซีเมียแบบแอลฟา
ชนิด
มีตำแหน่งยีนสองแห่งสำหรับ globin แบบแอลฟา และดังนั้น จึงมียีนสี่ยีนในเซลล์แบบ diploid ยีนสองยีนมาจากแม่ และสองยีนมาจากพ่อ ความรุนแรงของภาวะนี้มีสหสัมพันธ์กับจำนวนยีน globin แบบแอลฟาที่มีปัญหา ยิ่งมากเท่าไร ก็จะรุนแรงขึ้นเท่านั้น ในตารางต่อไปนี้ การบ่ง genotype ว่า "α" หมายถึงเป็นลูกโซ่แอลฟาที่ปกติ
อัลลีลที่ผิดปกติ | รายละเอียด | Genotype |
---|---|---|
หนึ่ง | นี่รู้จักว่าเป็น ทาลัสซีเมียแบบแอลฟาเงียบ (alpha thalassemia silent) เพราะมีผลน้อยที่สุดต่อการสังเคราะห์เฮโมโกลบิน โดยยีน α-globin 3 แห่งพอให้ผลิตเฮโมโกลบินตามปกติ และจะไม่ปรากฏอาการอะไร ๆ เป็นความผิดปกติที่เกิดจากการกลายพันธุ์แบบหลุดหาย (deletion) หรือไม่ได้หลุดหาย (non-deletion) | -/α α/α |
สอง | ภาวะนี้เรียกว่า alpha thalassemia trait เพราะว่า มียีนแอลฟา 2 ยีนที่ทำให้สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้เกือบเป็นปกติ แต่อาจมีภาวะโลหิตจางแบบ microcytic (เม็ดเลือดเล็ก) และ hypochromic (สีเม็ดเลืองจาง) โรครูปแบบนี้สามารถวินิจฉัยผิดว่าเป็นภาวะเลือดจางเหตุขาดธาตุเหล็กและรักษาอย่างไม่ถูกต้องโดยการให้ธาตุเหล็ก แบบนี้มี สองรูปแบบย่อย คือ
| -/- α/α หรือ -/α -/α |
สาม | ภาวะนี้เรียกว่า Hemoglobin H disease เพราะมีเฮโมโกลบินที่ไม่เสถียรสองอย่างในเลือด คือ Hemoglobin Barts (tetrameric γ chains) และ Hemoglobin H (tetrameric β chains) และเฮโมโกลบินทั้งสองนี้มีสัมพรรคภาพ (affinity) กับออกซิเจนในระดับสูงกว่าปกติ มีภาวะโลหิตจางเนื่องจากการสลายของเม็ดเลือดแดงปรากฏทั้งแบบเม็ดเลือดเล็ก (microcytic) และสีเลือดจาง (hypochromic) โดยมีทั้ง codocyte (หรือ target cell) และ Heinz body (หรือ precipitated HbH) ในฟิล์มเลือด โดยปรากฏกับม้ามตับโต (hepatosplenomegaly) โดยจะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เด็กหรือผู้ใหญ่วัยต้น ๆ ด้วยเหตุภาวะโลหิตจางและม้ามตับโต | -/- -/α |
สี่ | นี้เรียกว่า alpha thalassemia major ทารกในครรภ์จะมีอาการบวมน้ำ และมีเฮโมโกลบินที่หมุนเวียนไปน้อย และที่มีทั้งหมดก็จะเป็นแบบ tetrameric γ chains เมื่ออัลลีลทั้ง 4 อันเสียหาย ทารกจะไม่สามารถรอดชีวิตโดยไม่ช่วย เพราะว่า ทารกโดยมากจะตายคลอดด้วยอาการทารกบวมน้ำ (hydrops fetalis) แต่ทารกในครรภ์ที่ได้รับการถ่ายเลือดตลอดการตั้งครรภ์เริ่มตั้งแต่ต้น ๆ สามารถรอดชีวิตจนเกิดออกมาได้ โดยมีภาวะโรคในระดับที่ยอมรับได้ และหลังจากเกิด ทางเลือกในการรักษารวมทั้งการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือการถ่ายเปลี่ยนเลือดเป็นประจำ | -/- -/- |
การรักษา
บุคคลที่มี trait ทาลัสซีเมียไม่จำเป็นต้องรักษา ไม่ต้องสอดส่อง ปกติจะไม่ขาดธาตุเหล็ก การเสริมธาตุเหล็กจะไม่ช่วยภาวะเลือดจางของบุคคลนี้ และ ดังนั้น จึงไม่ควรทานธาตุเหล็กเสริมยกเว้นถ้าขาดธาตุเหล็ก
การรักษาโรคนี้อาจรวมการถ่ายเลือด การตัดม้าม (splenectomy) นอกจากนั้นแล้ว นิ่วในถุงน้ำดีอาจเป็นปัญหาที่ต้องอาศัยการผ่าตัด ปัญหาระดับทุติยภูมิจากคราวเป็นไข้ (febrile episode) ควรจะสอดส่องดูแล แต่ว่าคนไข้โดยมากสามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องรักษาอะไร
นอกจากนั้นแล้ว การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด ยังสามารถใช้รักษาได้โดยทำตั้งแต่อายุน้อย ๆ วิธีการอื่น ๆ เช่น ยีนบำบัด (gene therapy) กำลังพัฒนาอยู่
วิทยาการระบาด
ตามวิทยาการระบาด การกระจายตัวทั่วโลกของทาลัสซีเมียแบบแอลฟาที่สืบทางกรรมพันธุ์เป็นไปตามเขตโรคมาลาเรีย ซึ่งแสดงนัยว่ามีบทบาทป้องกันโรค เป็นโรคที่สามัญในเขตแอฟริกาใต้สะฮารา ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และโดยทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน การระบาดของโรคนี้ในสหรัฐอเมริกาสะท้อนการกระจายทั่วโลก โดยเฉพาะก็คือ Hemoglobin H disease มักจะมากับคนเอเชียอาคเนย์และคนตะวันออกกลาง ส่วน Hb Bart Hydrops fetalis มาจากเขตเอเชียอาคเนย์เท่านั้น
5% ของประชากรโลกมีโปรตีน globin ที่ต่างไปจากปกติ แต่เพียงแค่ 1.7% มีทาลัสซีเมียแบบแอลฟาหรือบีตา ทั้งชายหญิงมีโรคเท่า ๆ กัน โดยมีอัตราที่ 4.4 ต่อเด็กที่เกิดโดยรอดชีวิต 10,000 คน แบบอัลฟาเกิดบ่อยที่สุดในคนแอฟริกาและคนเอเชียอาคเนย์ แบบเบตาเกิดบ่อยที่สุดในคนเขตเมดิเตอร์เรนียน คนแอฟริกา และคนเอเชียอาคเนย์ โดยมีความชุกของโรคในหมู่คนเหล่านี้ประมาณ 5-30%
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถและอ้างอิง
- ↑ Muncie, Herbert L, Jr (MD); Campbell, James S (MD) (2009-08-15). "Alpha and Beta Thalassemia". Am Fam Physician. 80 (4).CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Online 'Mendelian Inheritance in Man' (OMIM) Hemoglobin—Alpha locus 1; HBA1 -141800
- Online 'Mendelian Inheritance in Man' (OMIM) Hemoglobin—Alpha locus 2; HBA2 -141850
- ↑ "Alpha Thalassemia Workup: Approach Considerations, Laboratory Studies, Hemoglobin Electrophoresis". emedicine.medscape.com. สืบค้นเมื่อ 2016-05-24.
- ↑ Reference, Genetics Home. "alpha thalassemia". Genetics Home Reference. สืบค้นเมื่อ 2016-09-08.
- ↑ Origa, Raffaella; Moi, Paolo; Galanello, Renzo; Cao, Antonio (1993-01-01). "Alpha-Thalassemia". GeneReviews (®). University of Washington, Seattle. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22. update 2013
- BRS Pathology (4th ed.). Lippincott Williams & Wilkins medical. 2009-12. p. 162. ISBN 978-1451115871. Check date values in:
|date=
(help) - Steensma, DP; Gibbons, RJ; Higgs, DR (2005-01). "Acquired alpha-thalassemia in association with myelodysplastic syndrome and other hematologic malignancies". Blood. 105 (2): 443–52. doi:10.1182/blood-2004-07-2792. PMID 15358626. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link)[ลิงก์เสีย] - ↑ Galanello, Renzo; Cao, Antonio (2011-01-05). "Alpha-thalassemia". Genetics in Medicine (ภาษาอังกฤษ). 13 (2): 83–88. doi:10.1097/GIM.0b013e3181fcb468. ISSN 1098-3600. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
- "Hemoglobin H disease". Orphanet. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
- Vichinsky, Elliott P. (2009-01-01). "Alpha thalassemia major—new mutations, intrauterine management, and outcomes". ASH Education Program Book (ภาษาอังกฤษ). 2009 (1): 35–41. doi:10.1182/asheducation-2009.1.35. ISSN 1520-4391. PMID 20008180.
- "Complications and Treatment | Thalassemia | Blood Disorders | NCBDDD | CDC". www.cdc.gov. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
- "Thalassaemia | Doctor | Patient". Patient. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
- Harteveld, Cornelis L; Higgs, Douglas R (2010). "α-thalassaemia". Orphanet Journal of Rare Diseases. 5 (1): 13. doi:10.1186/1750-1172-5-13. ISSN 1750-1172. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Anie, Kofi A; Massaglia, Pia (2014-03-06). "Psychological therapies for thalassaemia". Cochrane Database of Systematic Reviews (ภาษาอังกฤษ). John Wiley & Sons, Ltd. doi:10.1002/14651858.cd002890.pub2/full. สืบค้นเมื่อ 2016-09-15.
- Galanello, Renzo; Cao, Antonio (2011-01-05). "Alpha-thalassemia". Genetics in Medicine (ภาษาอังกฤษ). 13 (2): 83–88. doi:10.1097/GIM.0b013e3181fcb468. ISSN 1098-3600. สืบค้นเมื่อ 2016-09-15.
- "What Are Thalassemias? - NHLBI, NIH". www.nhlbi.nih.gov. สืบค้นเมื่อ 2016-09-15.