รายชื่อภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุด
ภาพยนตร์สามารถทำเงินได้จากหลายแหล่ง เช่น การฉายในโรงภาพยนตร์, การขายโฮมวิดีโอ, การขายสิทธิ์ในการออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์และสินค้าจากภาพยนตร์ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการฉายภาพยนตร์เป็นตัววัดหลักสำหรับสื่อนิตยสาร ในการประเมินว่าภาพยนตร์นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะเป็นมีข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายของโฮมวิดีโอและราคาของสิทธิ์ในการออกอากาศทางโทรทัศน์ อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติต่อ ๆ กันมาตั้งแต่ในอดีต โดยในหน้านี้จะประกอบด้วยตารางของภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุด (เรียงลำดับจากจำนวนเงินที่ทำได้), ตารางภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในแต่ละปี, เส้นเวลาของภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดและแฟรนไชส์และภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุด โดยตารางทั้งหมดถูกจัดอันดับโดยตัวเลขจากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและแสดงเฉพาะรายได้ที่มาจากการฉายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น
ในอดีต ภาพยนตร์แนวสงคราม, เพลงและอิงประวัติศาสตร์ เป็นแนวภาพยนตร์ที่นิยมมากที่สุด แต่ในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดเป็นต้นมา ภาพยนตร์จากภาพยนตร์ชุด กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินได้ดีที่สุด โดยเฉพาะภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร จาก จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่ติดอันดับถึงเก้าเรื่อง รวมภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูน อเวนเจอร์ส ที่ติดสิบอันดับแรกถึงสี่เรื่อง โดย อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก กลายเป็นภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรที่ทำเงินสูงสุด ยังมี สไปเดอร์-แมน และ X-เม็น ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ มาร์เวลคอมิกส์ ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน ขณะที่ แบทแมน และ ซูเปอร์แมน ของ ดีซีคอมิกส์ ก็ทำเงินได้ดี มีภาพยนตร์จากภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส ติดอันดับสี่เรื่อง ขณะที่ภาพยนตร์จากภาพยนตร์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์, จูราสสิค พาร์ค และ ไพเรทส์ออฟเดอะแคริบเบียน ก็ติดอันดับเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ส่วนใหญ่จะเป็นการดัดแปลงจากต้นฉบับเดิมหรือภาคต่อ แต่ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่สอง อวตาร นั้นเป็นงานต้นฉบับ ภาพยนตร์แอนิเมชันก็ทำเงินได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะภาพยนตร์จากดิสนีย์ ได้แก่ ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ, ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ, นครสัตว์มหาสนุก และ เดอะไลอ้อนคิง (และภาพยนตร์ที่สร้างใหม่ในรูปแบบคอมพิวเตอร์แอนิเมชันก็ยังเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุด) เช่นเดียวกับภาพยนตร์จากพิกซาร์ ได้แก่ รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก 2, ทอย สตอรี่ 3, ทอย สตอรี่ 4 และ ผจญภัยดอรี่ขี้ลืม นอกเหนือจากนั้นก็มีภาพยนตร์แอนิเมชันจากภาพยนตร์ชุด มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด, เชร็ค และ ไอซ์ เอจ ด้วย
ในขณะที่ ภาวะเงินเฟ้อ นั้นได้ทำลายความสำเร็จของภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 เป็นช่วงที่ภาพยนตร์ชุดเริ่มต้นขึ้นและปัจจุบันยังมีการสร้างอยู่ ได้แก่ สตาร์ วอร์ส, ซูเปอร์แมน, เจมส์ บอนด์ และ สตาร์ เทรค ภาพยนตร์ชุดทั้งสี่ชุดนั้นยังอยู่ในอันดับภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุด ภาพยนตร์เก่าบางเรื่องทำเงินได้น่าพอใจกับมาตรฐานปัจจุบัน แต่ก็ไม่สามารถแข่งขันกับภาพยนตร์ในปัจจุบันที่ราคาของตั๋วสูงขึ้นได้ ถ้าหากปรับอัตราเงินเฟ้อแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง วิมานลอย ซึ่งครองสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุดเป็นเวลายี่สิบห้าปีและเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงที่สุด
ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุด
ภาพยนตร์เรื่อง อวตาร ถูกยกให้เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในบ็อกซ์ออฟฟิศ โดยทำเงินทั่วโลกมากกว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเฉพาะจากการฉายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ไม่รวมรายได้จากการขายโฮมวิดีโอและจากการฉายบนโทรทัศน์ ซึ่งอาจเป็นส่วนสำคัญของรายได้ ถ้าเอามารวมกันแล้ว อาจทำให้ไม่แน่ใจว่าภาพยนตร์เรื่องไหนประสบความสำเร็จมากที่สุด ภาพยนตร์เรื่อง ไททานิค ทำเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการจำหน่ายและการเช่า วิดีโอเทป และ ดีวีดี ซึ่งอีก 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้มาจากการฉายในโรงภาพยนตร์ ขณะที่ อวตาร ทำเงินจากการจำหน่ายของดีวีดีและบลูเรย์ 345 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในอเมริกาเหนือ และจำหน่ายได้ 30 ล้านหน่วยทั่วโลก เมื่อรวมกันแล้ว ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องทำเงินมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รายได้จากการขายสิทธิ์ในการฉายในโทรทัศน์ มักจะเพิ่มรายได้จากเดิมประมาณ 20–25% ไททานิค ทำเงินได้ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายสิทธิ์ในการฉายในโทรทัศน์ให้กับ เอ็นบีซี และ เอชบีโอ คิดเป็น 9% ของรายได้ในอเมริกาเหนือ
ภาพยนตร์นั้นถูกใช้เป็นอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เพราะนอกจากจะทำเงินจากการฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว ชื่อของภาพยนตร์ยังสามารถนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆเช่น เดอะ ไลอ้อนคิง (1994) ทำเงินมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากบ็อกซ์ออฟฟิศและโฮมวิดีโอ แต่เทียบไม่ได้กับรายได้จากการแสดงละครเวทีที่ทำเงินได้ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกและทำเงินมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายสินค้าจากภาพยนตร์ดังกล่าว ขณะที่ 4 ล้อซิ่ง...ซ่าท้าโลก ของพิกซาร์ ทำเงินจากการฉายในโรงภาพยนตร์ได้ 462 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของพิกซาร์ แต่ทำเงินจากการขายสินค้าได้มากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 5 ปี หลังภาพยนตร์ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2006 ทอย สตอรี่ 3 เป็นภาพยนตร์ของพิกซาร์ที่ทำเงินได้ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขายสินค้าทำเงินได้เกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในตารางนี้ ภาพยนตร์เรียงลำดับตามจำนวนเงินที่ทำได้จากการฉายในโรงภาพยนตร์และอันดับสูงสุดที่เคยทำได้ ซึ่งมีภาพยนตร์จำนวนห้าเรื่องที่ทำเงินได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเรื่อง อวตาร อยู่อันดับสูงสุด ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในตารางเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในศตวรรษที่ 21 (รวมถึงการฉายใหม่) เพราะอัตราเงินเฟ้อทำให้ค่าตั๋วมีราคามากกว่าในอดีตรวมถึงขนาดประชากรและความนิยมในปัจจุบัน
- พื้นหลังสีเขียวแสดงภาพยนตร์ที่ยังเข้าฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์ทั่วโลก
อันดับ | สูงสุด | ชื่อ (ภาษาไทย) | ชื่อ (ภาษาอังกฤษ) | ทำเงินทั่วโลก | ปี | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 1 | อวตาร | Avatar | $2,847,246,203 | 2009 | |
2 | 1 | อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก | Avengers: Endgame | $2,797,501,328 | 2019 | |
3 | 1 | ไททานิค | Titanic | $2,194,439,542 | 1997 | |
4 | 3 | สตาร์ วอร์ส: อุบัติการณ์แห่งพลัง | Star Wars: The Force Awakens | $2,068,223,624 | 2015 | |
5 | 4 | อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล | Avengers: Infinity War | $2,048,359,754 | 2018 | |
6 | 3 | จูราสสิค เวิลด์ | Jurassic World | $1,671,713,208 | 2015 | |
7 | 7 | เดอะไลอ้อนคิง | The Lion King | $1,656,943,394 | 2019 | |
8 | 3 | ดิ อเวนเจอร์ส | The Avengers | $1,518,812,988 | 2012 | |
9 | 4 | เร็ว...แรงทะลุนรก 7 | Furious 7 | $1,516,045,911 | 2015 | |
10 | 10 | ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ | Frozen II | $1,450,026,933 | 2019 | |
11 | 5 | อเวนเจอร์ส: มหาศึกอัลตรอนถล่มโลก | Avengers: Age of Ultron | $1,402,805,868 | 2015 | |
12 | 9 | แบล็ค แพนเธอร์ | Black Panther | $1,346,913,161 | 2018 | |
13 | 3 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 | Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2 | $1,341,693,157 | 2011 | |
14 | 9 | สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได | Star Wars: The Last Jedi | $1,332,539,889 | 2017 | |
15 | 12 | จูราสสิค เวิลด์ อาณาจักรล่มสลาย | Jurassic World: Fallen Kingdom | $1,309,484,461 | 2018 | |
16 | 5 | ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ | Frozen | F$1,290,000,000 | 2013 | |
17 | 10 | โฉมงามกับเจ้าชายอสูร | Beauty and the Beast | $1,263,521,126 | 2017 | |
18 | 15 | รวมเหล่ายอดคนพิทักษ์โลก 2 | Incredibles 2 | $1,242,805,359 | 2018 | |
19 | 11 | เร็ว...แรงทะลุนรก 8 | The Fast and Furious 8 | F8$1,238,764,765 | 2017 | |
20 | 5 | ไอรอนแมน 3 | Iron Man 3 | $1,214,811,252 | 2013 | |
21 | 10 | มินเนี่ยน | Minions | $1,159,398,397 | 2015 | |
22 | 12 | กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก | Captain America: Civil War | $1,153,304,495 | 2016 | |
23 | 20 | อควาแมน เจ้าสมุทร | Aquaman | $1,147,761,807 | 2018 | |
24 | 2 | มหาสงครามชิงพิภพ | The Lord of the Rings: The Return of the King | $1,146,030,912 | 2003 | |
25 | 24RK | สไปเดอร์-แมน ฟาร์ ฟรอม โฮม | Spider-Man: Far From Home | $1,131,927,996 | 2019 | |
26 | 23RK | กัปตัน มาร์เวล | Captain Marvel | $1,128,274,794 | 2019 | |
27 | 5RK | ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 3 | Transformers: Dark of the Moon | $1,123,794,079 | 2011 | |
28 | 7 | พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007 | Skyfall | $1,108,561,013 | 2012 | |
29 | 10 | ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 4: มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์ | Transformers: Age of Extinction | $1,104,054,072 | 2014 | |
30 | 7 | แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด | The Dark Knight Rises | $1,084,939,099 | 2012 | |
31 | 31 | โจ๊กเกอร์ | Joker | $1,074,251,311 | 2019 | |
32 | 32 | สตาร์ วอร์ส: กำเนิดใหม่สกายวอล์คเกอร์ | Star Wars: The Rise of Skywalker | $1,074,144,248 | 2019 | |
33 | 30 | ทอย สตอรี่ 4 | Toy Story 4 | $1,073,394,593 | 2019 | |
34 | 4TS3 | ทอย สตอรี่ 3 | Toy Story 3 | $1,066,969,703 | 2010 | |
35 | 3 | สงครามปีศาจโจรสลัดสยองโลก | Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest | $1,066,179,725 | 2006 | |
36 | 20 | โร้ค วัน: ตำนานสตาร์ วอร์ส | Rogue One: A Star Wars Story | $1,056,057,273 | 2016 | |
37 | 34 | อะลาดิน | Aladdin | $1,050,693,953 | 2019 | |
38 | 6 | ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลก | Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides | $1,045,713,802 | 2011 | |
39 | 24 | มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 3 | Despicable Me 3 | $1,034,799,409 | 2017 | |
40 | 1 | จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ | Jurassic Park | $1,029,939,903 | 1993 | |
41 | 22 | ผจญภัยดอรี่ขี้ลืม | Finding Dory | $1,028,570,889 | 2016 | |
42 | 2 | สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น | Star Wars: Episode I – The Phantom Menace | $1,027,044,677 | 1999 | |
43 | 5 | อลิซในแดนมหัศจรรย์ | Alice in Wonderland | $1,025,467,110 | 2010 | |
44 | 24 | นครสัตว์มหาสนุก | Zootopia | $1,023,784,195 | 2016 | |
45 | 14 | เดอะ ฮอบบิท: การผจญภัยสุดคาดคิด | The Hobbit: An Unexpected Journey | $1,021,103,568 | 2012 | |
46 | 2 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ | Harry Potter and the Philosopher's Stone | $1,006,968,171 | 2001 | |
47 | 4 | แบทแมน อัศวินรัตติกาล | The Dark Knight | $1,004,934,033 | 2008 | |
48 | 10 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1 | Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 1 | $976,920,103 | 2010 | |
49 | 19DM2 | มิสเตอร์แสบร้ายเกินพิกัด 2 | Despicable Me 2 | $970,761,885 | 2013 | |
50 | 2 | เดอะไลอ้อนคิง | The Lion King | $968,483,777 | 1994 |
Fบ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ หยุดอัปเดตรายได้ทั้งหมดของ ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ ไปเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2014 ในขณะที่ภาพยนตร์กำลังฉายอยู่ ซึ่งจำนวนเงินในตารางได้รวมของประเทศอื่นๆ ที่กำลังฉายอยู่จนถึงปลายปี ค.ศ. 2015 ได้แก่ ญี่ปุ่น, ไนจีเรีย, สเปน, สหราชอาณาจักรและเยอรมนี แต่ไม่รวมของประเทศตุรกี, ไอซ์แลนด์, บราซิลและออสเตรเลีย ที่ทำเงินได้ไม่กี่แสนดอลลาร์สหรัฐ และภาพยนตร์ได้ฉายอีกครั้งที่สหราชอาณาจักรเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2017 พร้อมกับ โอลาฟกับการผจญภัยอันหนาวเหน็บ ซึ่งทำเงินได้ 1,655,398 ดอลลาร์สหรัฐ รวมจำนวนเงินทั้งหมดแล้วปัดเศษไปอีก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อชดเชยความคลาดเคลื่อนของตัวเลข
F8ในกรณีของ เร็ว...แรงทะลุนรก 8 จำนวนเงินนั้นนำตัวเลขมาจาก บ็อกซ์ออฟฟิส แทนที่จะเป็นแหล่งข้อมูลปกติ ก็คือ บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ หลังจากพบความไม่ปกติในจำนวนตัวเลขจากเว็บดังกล่าว จำนวนเงินที่ทำได้หลังเข้าฉายลดลงอย่างมาก เช่น รายได้จากประเทศอาร์เจนตินาสร้างผลกระทบมากที่สุด ทำให้ยอดทำเงินทั่วโลกลดลง
RKมีการปรับรายได้ของ มหาสงครามชิงพิภพ ในปี ค.ศ. 2019 ทำให้อันดับสูงสุดของ สไปเดอร์-แมน ฟาร์ ฟรอม โฮม, กัปตัน มาร์เวล และ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 3 ลดลงมาหนึ่งอันดับ ตามที่ปรากฏในแหล่งข้อมูล
TS3บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ ได้แก้ไขรายได้ภาพยนตร์ของพิกซาร์เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2016 ส่งผลให้รายได้ของ ทอย สตอรี่ 3 เปลี่ยนจาก 1.063 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.067 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังทำให้อันดับสูงสุดที่เคยทำได้จากอันดับที่ 5 เป็นอันดับที่ 4 เหนือกว่า สงครามปีศาจโจรสลัดสยองโลก หลังจากฉายจบแล้ว
DM2ดิสนีย์ได้แก้ไขรายได้ของ เดอะ ไลอ้อนคิง จาก 987.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 968.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 2 หลังฉายจบนั้นทำอันดับได้มากกว่าหนึ่งอันดับ
ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดหลังคิดเงินเฟ้อแล้ว
เพราะผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้ค่าตั๋วเข้าชมภาพยนตร์นั้นเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน รายชื่อของภาพยนตร์ที่ไม่ได้อัตราเงินเฟ้อทำให้ภาพยนตร์ที่ออกฉายภายหลังมีน้ำหนักมากขึ้น รายชื่อของภาพยนตร์ที่ไม่ได้ปรับอัตราเงินเฟ้อมักพบในสื่อทั่วไป ซึ่งไม่มีความหมายที่จะนำมาเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ในปัจจุบัน เพราะภาพยนตร์เหล่านั้นไม่เคยปรากฏในรายชื่อของภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดเลย ถึงแม้ว่าในอดีตจะประสบความสำเร็จก็ตาม เพื่อชดเชยการลดค่าเงินของสกุลเงิน จึงได้มีการปรับอัตราเงินเฟ้อบางส่วน แต่การปรับนี้จะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ทั้งหมด เพราะราคาตั๋วกับอัตราเงินเฟ้อนั้นไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กัน ยกตัวอย่าง ในปี ค.ศ. 1970 ราคาตั๋วภาพยนตร์อยู่ที่ 1.55 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 6.68 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2004 หลังคิดเงินเฟ้อ; ในปี ค.ศ. 1980 ราคาตั๋วภาพยนตร์เพิ่มขึ้นเป็น 2.69 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ว่าลดลงเหลือ 5.50 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ. 2004 หลังคิดเงินเฟ้อ ราคาตั๋วนั้นเพิ่มขึ้นในอัตราที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศทั่วโลก ทำให้กระบวนการปรับอัตราเงินเฟ้อนั้นยุ่งยากมากขึ้น
อีกหนึ่งความยุ่งยากคือการฉายภาพยนตร์ในหลากหลายรูปแบบทำให้ค่าตั๋วแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง อวตาร ที่ฉายในรูปแบบสามมิติและไอแมกซ์ โดยเกือบสองในสามของตั๋วนั้นเป็นของสามมิติด้วยค่าตั๋วเฉลี่ย 10 ดอลลาร์สหรัฐ และหนึ่งในหกนั้นเป็นของไอแมกซ์ด้วยค่าตั๋วเฉลี่ย 14.50 ดอลลาร์สหรัฐ เปรียบเทียบกับค่าตั๋วภาพยนตร์สองมิติในปี ค.ศ. 2010 โดยเฉลี่ยเท่ากับ 7.61 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจเช่นการเปลี่ยนแปลงของประชากรและการเติบโตของตลาดต่างประเทศ ยังส่งผลต่อจำนวนผู้ซื้อตั๋วโรงภาพยนตร์, กลุ่มผู้ชมที่มีภาพยนตร์บางเรื่องขายตั๋วลดราคาสำหรับเด็ก หรือทำเงินได้มากในเมืองใหญ่เพราะราคาตั๋วนั้นสูงกว่า
ระบบการวัดความสำเร็จของภาพยนตร์นั้นขึ้นอยู่กับรายได้ที่ยังไม่ได้ปรับเงินเฟ้อ เพราะในอดีตเป็นวิธีการทำกันมาโดยตลอดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ รายรับจากบ็อกซ์ออฟฟิศถูกรวบรวมโดยโรงภาพยนตร์และส่งกลับไปยังผู้จัดจำหน่าย แล้วเผยแพร่ไปยังสื่อ แปลงเป็นระบบตัวแทนที่นับยอดขายตั๋วมากกว่ารายได้ที่เต็มไปด้วยปัญหาเพราะข้อมูลที่มีอยู่สำหรับภาพยนตร์เก่านั้นคือยอดขายทั้งหมด ในขณะที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการทำการตลาดให้กับภาพยนตร์ที่พึ่งฉาย รายได้ที่ไม่ได้ปรับเงินเฟ้อถูกนำมาใช้ในแคมเปญการตลาด เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่ประสบความสำเร็จสามารถทำยอดขายได้เร็วขึ้นและได้รับการยกย่องว่าเป็น "ภาพยนตร์ยอดนิยมตลอดกาล",ดังนั้นจึงมีแรงจูงใจน้อยที่จะเปลี่ยนไปใช้การวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการตลาดหรือแม้แต่มุมมองที่น่าเชื่อถือ
แม้จะมีความยากลำบากในการปรับตามอัตราเงินเฟ้อซึ่งมีการพยายามทำอยู่หลายครั้ง การประมาณจำนวนเงินขึ้นอยู่กับดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งใช้ในการปรับยอดเงินทั้งหมด และใช้อัตราแลกเปลี่ยน แปลงระหว่างค่าเงินต่างๆ ซึ่งทั้งคู่อาจมีผลกระทบต่อการจัดอันดับของตารางหลังปรับเงินเฟ้อนี้ ภาพยนตร์เรื่อง วิมานลอย (ฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1939) โดยทั่วไปถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ซึ่ง บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ได้ประมาณการจำนวนเงินที่ทำได้ทั่วโลกประมาณ 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 2014 ซึ่งการประมาณการจำนวนเงินของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแตกต่างกันอย่างมาก เช่น เจ้าของภาพยนตร์, เทิร์นเนอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ ได้ประมาณการไว้ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 2007 การประมาณการจากแหล่งหนึ่งระบุว่าประมาณการไว้น้อยกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 2010, แต่จากอีกแหล่งหนึ่งประมาณการไว้ 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 2006 ขณะที่ภาพยนตร์คู่แข่งของ วิมานลอย ก็คือ อวตาร ซึ่ง กินเนสส์ ได้จัดอันดับเป็นที่สองด้วยจำนวนเงิน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาคือ ไททานิค ด้วยจำนวนเงินเกือบ 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการฉายครั้งแรกทั่วโลก ในค่าเงินของ ค.ศ. 2010
อันดับ | ชื่อ (ภาษาไทย) | ชื่อ (ภาษาอังกฤษ) | ทำเงินทั่วโลก (2020 $) | ปี |
---|---|---|---|---|
1 | วิมานลอย | Gone with the Wind | $3,739,000,000 | 1939 |
2 | อวตาร | Avatar | A$3,286,000,000 | 2009 |
3 | ไททานิค | Titanic | T$3,108,000,000 | 1997 |
4 | สตาร์ วอร์ส | Star Wars | $3,071,000,000 | 1977 |
5 | อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก | Avengers: Endgame | AE$2,823,000,000 | 2019 |
6 | มนต์รักเพลงสวรรค์ | The Sound of Music | $2,572,000,000 | 1965 |
7 | อี.ที. เพื่อนรัก | E.T. the Extra-Terrestrial | $2,511,000,000 | 1982 |
8 | บัญญัติ 10 ประการ | The Ten Commandments | $2,377,000,000 | 1956 |
9 | ด็อกเตอร์ชิวาโก้ | Doctor Zhivago | $2,253,000,000 | 1965 |
10 | สตาร์ วอร์ส: อุบัติการณ์แห่งพลัง | Star Wars: The Force Awakens | $2,221,000,000 | 2015 |
Infการปรับอัตราเงินเฟ้อนั้นใช้ ดัชนีราคาผู้บริโภค สำหรับ ประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเผยแพร่โดย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยดัชนีนี้นำไปใช้กับจำนวนเงินที่ทำได้ในตารางซึ่งเผยแผร่โดย บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ เมื่อปี ค.ศ. 2014 ตัวเลขในตารางข้างต้นคือจำนวนเงินจากการปรับอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2014 แล้วปรับในทุก ๆ ปีนับจากนั้นเป็นต้นมา
Aการปรับอัตราเงินเฟ้อของ อวตาร รวมรายได้จากการฉายครั้งแรกและการฉายฉบับพิเศษในปี ค.ศ. 2010 แต่ไม่ได้รวมรายได้จากการฉายใหม่ในปี ค.ศ. 2020 และ ค.ศ. 2021
Tการปรับอัตราเงินเฟ้อของ กินเนสส์ สำหรับ ไททานิค นั้นเพิ่มขึ้นแค่ $102,000,000 ระหว่างหนังสือฉบับเมื่อปี ค.ศ. 2012 (ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 2011) กับฉบับเมื่อปี ค.ศ. 2015 เพิ่มขึ้น 4.2% จากเงินทั้งหมดที่ปรับเงินเฟ้อแล้วและรายได้จากการฉายใหม่ในรูปแบบสามมิติเมื่อปี ค.ศ. 2012 นั้นตกหล่นไปในตารางนี้รวมรายได้จากการฉายใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2012 โดยทำเงินได้ $343,550,770 และปรับอัตราเงินเฟ้อโดยใช้ดัชนีของปี ค.ศ. 2014 ไททานิค กลับมาฉายใหม่เมื่อปี ค.ศ. 2017 ในโอกาสครบรอบ 20 ปี ทำเงินได้ $691,642 แต่ไม่ได้รวมในจำนวนเงินที่ปรับเงินเฟ้อแล้ว
AEการปรับอัตราเงินเฟ้อของ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ใช้ดัชนีของปี ค.ศ. 2020
ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในแต่ละปี
รสนิยมของผู้ชมนั้นมีความหลากหลายในช่วงศตวรรษที่ 20 ในยุคภาพยนตร์เงียบ ภาพยนตร์แนวสงครามเป็นที่นิยมของผู้ชม เช่น The Birth of a Nation (สงครามกลางเมืองอเมริกา), The Four Horsemen of the Apocalypse, The Big Parade และ Wings (สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทั้งหมด) ซึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดในปีที่ฉายของแต่ละเรี่อง หลังภาพยนตร์เรื่อง All Quiet on the Western Front ฉายในปี ค.ศ. 1930 ความนิยมเริ่มเสื่อมลง พร้อมกับการประดิษฐ์ภาพยนตร์ที่มีเสียงในปี ค.ศ. 1927 ภาพยนตร์ดนตรีกลายเป็นภาพยนตร์ที่นิยมแทน สังเกตได้จากปี ค.ศ. 1928 และ 1929 ที่ภาพยนตร์ดนตรีครองอันดับสูงสุดในปีนั้น แนวภาพยนตร์นี้ได้รับความนิยมไปจนถึงช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 จนกระทั่ง สงครามโลกครั้งที่สอง ได้เริ่มต้นขึ้น ภาพยนตร์แนวสงครามก็กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เริ่มจาก Gone with the Wind (สงครามกลางเมืองอเมริกา) ในปี ค.ศ. 1939 และจบที่ The Best Years of Our Lives (สงครามโลกครั้งที่สอง) ในปี ค.ศ. 1946 จากภาพยนตร์เรื่อง Samson and Delilah (ค.ศ. 1949) ได้เห็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มการใช้ทุนในการสร้างฉากอิงประวัติศาสตร์มากขึ้น โดยเป็นฉากยุคโรมโบราณหรือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล ตลอดช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 โรงภาพยนตร์แข่งขันกับโทรทัศน์เพื่อแย่งผู้ชม,ด้วยภาพยนตร์เรื่อง Quo Vadis, The Robe, The Ten Commandments, Ben-Hur และ Spartacus เป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปีที่ฉายของแต่ละเรี่อง ก่อนจะเริ่มหายไปหลังประสบความล้มเหลวจากการใช้ทุนในการสร้างสูง ความสำเร็จของ White Christmas และ South Pacific ในคริสต์ทศวรรษ 1950 เห็นสัญญาณของการกลับมาของภาพยนตร์ดนตรีในคริสต์ทศวรรษ 1960 ด้วยภาพยนตร์เรื่อง West Side Story, Mary Poppins, My Fair Lady, The Sound of Music และ Funny Girl ซึ่งทั้งหมดอยู่รายชื่อภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในยุคนั้น ต่อมาในคริสต์ทศวรรษ 1970 เริ่มเห็นรสนิยมของผู้ชมเปลี่ยนไป โดยนิยมภาพยนตร์ที่มีแนวคิดสูง เช่น ภาพยนตร์หกเรื่องซึ่งสร้างโดยไม่ จอร์จ ลูคัส ก็ สตีเวน สปีลเบิร์ก ติดอันดับสูงสุดในคริสต์ทศวรรษ 1980 ในศตวรรษที่ 21 เริ่มมีการมีพึ่งพาแฟรนไชส์และการดัดแปลงมากขึ้น ทำให้บ๊อกซ์ออฟฟิศถูกครอบงำโดยภาพยนตร์ที่มาจากทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่แล้ว
สตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นผู้กำกับที่มีภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในแต่ละปีมากที่สุดถึงหกเรื่อง ได้แก่ปี 1975, 1981, 1982, 1984, 1989 และ 1993 อันดับที่สองคือ เซซิล บี. เดอมิลล์ กำกับภาพยนตร์ห้าเรื่อง (1932, 1947, 1949, 1952 และ 1956) และอันดับที่สามคือ วิลเลียม ไวเลอร์ กำกับภาพยนตร์สี่เรื่อง (1942, 1946, 1959 และ 1968) ขณะที่ ดี. ดับเบิลยู. กริฟฟิท (1915, 1916 และ 1920), จอร์จ รอย ฮิลล์ (1966, 1969 และ 1973), เจมส์ แคเมรอน (1991, 1997 และ 2009) และ พี่น้องรุสโซ (2016, 2018 และ 2019) กำกับคนละสามเรื่อง จอร์จ ลูคัส กำกับภาพยนตร์สองเรื่องในปี 1977 และ 1999, แต่ทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้เขียนบทของภาพยนตร์ในปี 1980, 1981, 1983, 1984 และ 1989 ด้วย รายชื่อผู้กำกับที่มีภาพยนตร์ติดอันดับสองเรื่อง ได้แก่ แฟรง ลอยด์, คิง วิดอร์, แฟรงก์ คาปรา, ไมเคิล เคอร์ติซ, ลีโอ แม็คคารีย์, อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก, เดวิด ลีน, สแตนลีย์ คูบริก, กาย แฮมิลตัน, ไมค์ นิโคลส์, วิลเลียม ฟรีดคิน, ปีเตอร์ แจ็กสัน, กอร์ เวอร์บินสกี และ ไมเคิล เบย์ ส่วน เมอร์วิน ลีรอย, เคน แอนาคิน และ โรเบิร์ต ไวส์ มีชื่อเป็นผู้กำกับเดี่ยวหนึ่งเรื่องและเป็นผู้กำกับร่วมหนึ่งเรื่อง และ จอห์น ฟอร์ด เป็นผู้กำกับร่วมสองเรื่อง ภาพยนตร์ดีสนีย์มักจะใช้ผู้กำกับร่วมและผู้กำกับหลายคนเป็นทีม ได้แก่ วิลเฟร็ด แจ็กสัน, แฮมิลตัน ลุสกี, ไคลด์ เจโรนิมิ, เดวิด แฮนด์, เบ็น ชาร์ปสตีน, วูฟแกง ไรเทอร์แมน และ บิล โรเบิร์ต ทั้งหมดเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ร่วมอย่างน้อยสองเรื่องในตาราง มีผู้กำกับเจ็ดคนเท่านั้นที่มีภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในแต่ละปีติดต่อกัน ได้แก่ แม็คคารีย์ (1944 และ 1945), นิโคลส์ (1966 และ 1967), สปีลเบิร์ก (1981 และ 1982), แจ็กสัน (2002 และ 2003), เวอร์บินสกี (2006 และ 2007) และ พี่น้องรุสโซ (2018 และ 2019)
การฉายของภาพยนตร์นั้น โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่ฉายช่วงปลายปี และการฉายในประเทศต่างๆ ที่แตกต่างกันทั่วโลก ภาพยนตร์หลายเรื่องนั้นสามารถทำเงินได้มากกว่าสองปีหรือมากกว่านั้น ดังนั้นจำนวนเงินที่ภาพยนตร์ทำได้นั้นไม่ได้จำกัดแค่ปีที่ฉายเท่านั้น อีกทั้งก็ไม่ได้จำกัดจำนวนเงินที่ทำได้ก็จากฉายครั้งแรกเช่นกัน ภาพยนตร์เก่าหลายเรื่องมีการฉายใหม่ โดยถ้าทราบจำนวนเงินที่ทำได้จากการฉายครั้งแรกของภาพยนตร์ จำนวนเงินดังกล่าวจะระบุอยู่ในวงเล็บ เพราะข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ไม่แน่ใจว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นทำเงินได้เท่าไหร่กันแน่ โดยปกติแล้วในตารางจะเรียงลำดับภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในแต่ละปี ในกรณีเกิดความขัดแย้งกันในการประมาณการจำนวนเงินของภาพยนตร์สองเรื่อง จำนวนเงินของภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนั้นจะเก็บไว้ และในกรณีที่ภาพยนตร์บางเรื่องได้รับการฉายใหม่ ภาพยนตร์ที่เคยทำเงินสูงสุดในปีนั้นก็จะเก็บไว้เช่นกัน
- พื้นหลังสีเขียวแสดงภาพยนตร์ที่ยังเข้าฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์
ปี | ชื่อ (ภาษาไทย) | ชื่อ (ภาษาอังกฤษ) | ทำเงินทั่วโลก | ทุนสร้าง | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|
1915 | เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน | The Birth of a Nation | $50,000,000–100,000,000 $20,000,000+R ($5,200,000)R | $110,000 | |
1916 | อินทอลเลอเรินซ์ | Intolerance | $1,000,000*R IN | $489,653 | |
1917 | คลีโอพัตรา | Cleopatra | $500,000*R | $300,000 | |
1918 | มิกกี้ | Mickey | $8,000,000 | $250,000 | |
1919 | เดอะมิราเคิลแมน | The Miracle Man | $3,000,000R | $120,000 | |
1920 | เวย์ดาวน์อีส | Way Down East | $5,000,000R ($4,000,000)R | $800,000 | |
1921 | 4 จตุรอาชาแห่งวันสิ้นโลก | The Four Horsemen of the Apocalypse | $5,000,000R ($4,000,000)R | $600,000–800,000 | |
1922 | โรบินฮูด | Robin Hood | $2,500,000R | $930,042.78 | |
1923 | เดอะคัฟเวิร์ดแวกเกิน | The Covered Wagon | $5,000,000R | $800,000 | |
1924 | เดอะซีฮอค | The Sea Hawk | $3,000,000R | $700,000 | |
1925 | เดอะบิกพาเรด | The Big Parade | $18,000,000–22,000,000R ($6,131,000)R | $382,000 | |
เบน-เฮอร์ | Ben-Hur | $10,738,000R ($9,386,000)R | $3,967,000 | ||
1926 | ฟอร์เฮฟเวินส์เสค | For Heaven's Sake | $2,600,000R FH | $150,000 | |
1927 | วิงส์ | Wings | $3,600,000R | $2,000,000 | |
1928 | เดอะซิงงิงฟูล | The Singing Fool | $5,900,000R | $388,000 | |
1929 | เดอะบรอดเวย์เมโลดี | The Broadway Melody | $4,400,000–4,800,000R | $379,000 | |
ซันนีไซด์อัพ | Sunny Side Up | $3,500,000*R SS | $600,000 | ||
1930 | แนวรบด้านตะวันตก เหตุการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง | All Quiet on the Western Front | $3,000,000R | $1,250,000 | |
1931 | แฟรงเกนสไตน์ | Frankenstein | $12,000,000R ($1,400,000)R | $250,000 | |
ซิตีไลท์ส | City Lights | $5,000,000R | $1,607,351 | ||
1932 | เดอะไซน์ออฟเดอะครอสส์ | The Sign of the Cross | $2,738,993R | $694,065 | |
1933 | คิงคอง | King Kong | $5,347,000R ($1,856,000)R | $672,255.75 | |
แอมโนแองเจิล | I'm No Angel | $3,250,000+R | $200,000 | ||
คาวัลเคด | Cavalcade | $3,000,000–4,000,000R | $1,116,000 | ||
ชีดันฮิมรอง | She Done Him Wrong | $3,000,000+R | $274,076 | ||
1934 | เดอะเมอร์รีวิโดว์ | The Merry Widow | $2,608,000R | $1,605,000 | |
อิทแฮปเปนเด็ดวันไนต์ | It Happened One Night | $1,000,000R ON | $325,000 | ||
1935 | มิวตินีออนเดอะบาวน์ตี | Mutiny on the Bounty | $4,460,000R | $1,905,000 | |
1936 | ซานฟรานซิสโก | San Francisco | $6,044,000+R ($5,273,000)R | $1,300,000 | |
1937 | สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด | Snow White and the Seven Dwarfs | $418,000,000+S7 ($8,500,000)R | $1,488,423 | |
1938 | ยูคานท์เทคอิทวิธยู | You Can't Take It With You | $5,000,000R | $1,200,000 | |
1939 | วิมานลอย | Gone with the Wind | $390,525,192–401,776,459 ($32,000,000)R GW | $3,900,000–4,250,000 | |
1940 | พินอคคิโอ | Pinocchio | $87,000,862* ($3,500,000)R | $2,600,000 | |
บูมทาวน์ | Boom Town | $4,600,000*R | $2,100,000 | ||
1941 | เซอร์เจนต์ยอร์ค | Sergeant York | $7,800,000R | $1,600,000 | |
1942 | กวางน้อย...แบมบี้ | Bambi | $267,997,843 ($3,449,353)R | $1,700,000–2,000,000 | |
น.ส. มินิเวอร์ | Mrs. Miniver | $8,878,000R | $1,344,000 | ||
1943 | ฟอร์ฮูมเดอะเบลล์โทล์ลส | For Whom the Bell Tolls | $11,000,000R | $2,681,298 | |
ดิสอีสดิอาร์มี | This Is the Army | $9,555,586.44*R | $1,400,000 | ||
1944 | โกอิงมายเวย์ | Going My Way | $6,500,000*R | $1,000,000 | |
1945 | มัมแอนด์แดด | Mom and Dad | $80,000,000MD/$22,000,000R | $65,000 | |
เดอะเบลล์สออฟเซนต์แมรีส์ | The Bells of St. Mary's | $11,200,000R | $1,600,000 | ||
1946 | ซองออฟเดอะเซาธ์ | Song of the South | $65,000,000* ($3,300,000)R | $2,125,000 | |
เดอะเบสเยียร์ออฟเอาเออร์ไลฟ์ส | The Best Years of Our Lives | $14,750,000R | $2,100,000 | ||
ดูลอินเดอะซัน | Duel in the Sun | $10,000,000*R | $5,255,000 | ||
1947 | ฟอร์เอเวอร์เอมเบอร์ | Forever Amber | $8,000,000R | $6,375,000 | |
อันคองเคอร์ด | Unconquered | $7,500,000R UN | $4,200,000 | ||
1948 | อีสเตอร์พาเหรด | Easter Parade | $5,918,134R | $2,500,000 | |
เดอะเรดชูส์ | The Red Shoes | $5,000,000*R | £505,581 (~$2,000,000) | ||
เดอะสเนคพิต | The Snake Pit | $4,100,000*R | $3,800,000 | ||
1949 | แซมสันแอนด์เดไรลา | Samson and Delilah | $14,209,250R | $3,097,563 | |
1950 | ซินเดอเรลล่า | Cinderella | $263,591,415 ($20,000,000/$7,800,000R) | $2,200,000 | |
ขุมทรัพย์โซโลมอน | King Solomon's Mines | $10,050,000R | $2,258,000 | ||
1951 | โรมพินาศ | Quo Vadis | $21,037,000–26,700,000R | $7,623,000 | |
1952 | ดิสอีสซีนีรามา | This Is Cinerama | $50,000,000CI | $1,000,000 | |
ละครสัตว์บันลือโลก | The Greatest Show on Earth | $18,350,000R GS | $3,873,946 | ||
1953 | ปีเตอร์ แพน | Peter Pan | $145,000,000 | $3,000,000–4,000,000 | |
เดอะโรบ | The Robe | $25,000,000–26,100,000R | $4,100,000 | ||
1954 | หน้าต่างชีวิต | Rear Window | $24,500,000* ($5,300,000)*R | $1,000,000 | |
ไวต์คริสต์มาส | White Christmas | $26,000,050* ($12,000,000)*R | $3,800,000 | ||
ใต้ทะเลสองหมื่นโยชน์ | 20,000 Leagues Under the Sea | $25,000,134* ($6,800,000–8,000,000)*R | $4,500,000–9,000,000 | ||
1955 | ทรามวัยกับไอ้ตูบ | Lady and the Tramp | $187,000,000 ($6,500,000)*R | $4,000,000 | |
ซีนีรามาฮอลิเดย์ | Cinerama Holiday | $21,000,000CI | $2,000,000 | ||
มิสเตอร์โรเบิร์ต | Mister Roberts | $9,900,000R | $2,400,000 | ||
1956 | บัญญัติสิบประการ | The Ten Commandments | $90,066,230R ($122,700,000/$55,200,000R) | $13,270,000 | |
1957 | สะพานข้ามแม่น้ำแคว | The Bridge on the River Kwai | $30,600,000R | $2,840,000 | |
1958 | มนต์รักทะเลใต้ | South Pacific | $30,000,000R | $5,610,000 | |
1959 | เบนเฮอร์ | Ben-Hur | $90,000,000R ($146,900,000/$66,100,000R) | $15,900,000 | |
1960 | ครอบครัวแห่งมหาสมุทร | Swiss Family Robinson | $30,000,000R | $4,000,000 | |
สปาร์ตาคัส | Spartacus | $60,000,000 ($22,105,225)R | $10,284,014 | ||
ไซโค | Psycho | $50,000,000+ ($14,000,000)R | $800,000 | ||
1961 | ทรามวัยกับไอ้ด่าง | One Hundred and One Dalmatians | $303,000,000 | $3,600,000–4,000,000 | |
เวสท์ไซด์สตอรี่ | West Side Story | $105,000,000 ($31,800,000)R | $7,000,000 | ||
1962 | ลอเรนซ์แห่งอาราเบีย | Lawrence of Arabia | $77,324,852 ($69,995,385) | $13,800,000 | |
พิชิตตะวันตก | How the West Was Won | $35,000,000R | $14,483,000 | ||
วันเผด็จศึก | The Longest Day | $33,200,000R | $8,600,000 | ||
1963 | คลีโอพัตรา | Cleopatra | $40,300,000R | $31,115,000 | |
เพชฌฆาต 007 | From Russia with Love | $78,900,000/$29,400,000R ($12,500,000)R | $2,000,000 | ||
1964 | บุษบาริมทาง | My Fair Lady | $55,000,000R | $17,000,000 | |
จอมมฤตยู 007 | Goldfinger | $124,900,000 ($46,000,000)R | $3,000,000 | ||
แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ | Mary Poppins | $44,000,000–$50,000,000R | $5,200,000 | ||
1965 | มนต์รักเพลงสวรรค์ | The Sound of Music | $286,214,076 ($114,600,000)R | $8,000,000 | |
1966 | เดอะไบเบิล: อินเดอะบีกินนิง | The Bible: In the Beginning | $25,300,000R | $18,000,000 | |
ฮาวาย | Hawaii | $34,562,222* ($15,600,000)*R | $15,000,000 | ||
มารหัวใจ | Who's Afraid of Virginia Woolf? | $28,000,089* ($14,500,000)*R | $7,613,000 | ||
1967 | เมาคลีลูกหมาป่า | The Jungle Book | $378,000,000 ($23,800,000)R | $3,900,000–4,000,000 | |
พิษรักแรงสวาท | The Graduate | $85,000,000R | $3,100,000 | ||
1968 | 2001 จอมจักรวาล | 2001: A Space Odyssey | $141,000,000–190,000,000 ($21,900,000)R | $10,300,000 | |
บุษบาหน้าเป็น | Funny Girl | $80,000,000–100,000,000 | $8,800,000 | ||
1969 | สองสิงห์ชาติไอ้เสือ | Butch Cassidy and the Sundance Kid | $152,308,525 ($37,100,000)R | $6,600,000 | |
1970 | หากจะรักต้องลืมคำว่า "เสียใจ" | Love Story | $80,000,000R | $2,260,000 | |
เที่ยวบินมฤตยู | Airport | $75,000,000R | $10,000,000 | ||
1971 | มือปราบเพชรตัดเพชร | The French Connection | $75,000,000R | $3,300,000 | |
บุษบาหาคู่ | Fiddler on the Roof | $49,400,000R ($100,000,000/$45,100,000R) | $9,000,000 | ||
007 เพชรพยัคฆราช | Diamonds Are Forever | $116,000,000 ($45,700,000)R | $7,200,000 | ||
1972 | เดอะ ก็อดฟาเธอร์ | The Godfather | $245,066,411–286,000,000 ($127,600,000–142,000,000) R | $6,200,000 | |
1973 | หมอผี เอ็กซอร์ซิสต์ | The Exorcist | $413,071,011 ($110,000,000) R | $10,000,000 | |
เดอะสตริง | The Sting | $115,000,000R | $5,500,000 | ||
1974 | ตึกนรก | The Towering Inferno | $88,650,000R | $15,000,000 | |
นายอำเภอดำ | Blazing Saddles | $80,000,000+R | $2,600,000 | ||
1975 | จอว์ส | Jaws | $470,653,000 ($193,700,000) R | $9,000,000 | |
1976 | ร็อคกี้ | Rocky | $225,000,000 ($77,100,000) R | $1,075,000 | |
1977 | สตาร์ วอร์ส | Star Wars | $775,398,007 ($530,000,000SW/$268,500,000R) | $11,293,151 | |
1978 | กรีส | Grease | $394,589,888 ($341,000,000) | $6,000,000 | |
1979 | 007 พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ | Moonraker | $210,300,000 | $31,000,000 | |
ร็อคกี้ 2 | Rocky II | $200,182,289 | $7,000,000 | ||
1980 | สตาร์วอร์ส 2 | The Empire Strikes Back | $538,375,067 ($413,562,607) SW | $23,000,000–32,000,000 | |
1981 | ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า | Raiders of the Lost Ark | $389,925,971 ($321,866,000–353,988,025) | $18,000,000–22,800,000 | |
1982 | อี.ที. เพื่อนรัก | E.T. the Extra-Terrestrial | $792,910,554 ($619,000,000–664,000,000) | $10,500,000–12,200,000 | |
1983 | สตาร์วอร์ส 3 ชัยชนะของเจได | Return of the Jedi | $475,106,177 ($385,845,197) SW | $32,500,000–42,700,000 | |
1984 | ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 2 ตอน ถล่มวิหารเจ้าแม่กาลี | Indiana Jones and the Temple of Doom | $333,107,271 | $27,000,000–28,200,000 | |
1985 | เจาะเวลาหาอดีต | Back to the Future | $389,053,797 ($381,109,762) | $19,000,000–22,000,000 | |
1986 | ท็อปกัน ฟ้าเหนือฟ้า | Top Gun | $356,830,601 ($345,000,000) | $14,000,000–19,000,000 | |
1987 | เสน่ห์มรณะ | Fatal Attraction | $320,145,905 | $14,000,000 | |
1988 | ชายชื่อเรนแมน | Rain Man | $354,825,476 | $30,000,000 | |
1989 | อินเดียน่า โจนส์ แอนด์ เดอะ ลาสต์ ครูเซดส์ | Indiana Jones and the Last Crusade | $474,171,806–494,000,000 | $36,000,000–55,400,000 | |
1990 | วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก | Ghost | $505,702,423 | $22,000,000 | |
1991 | ฅนเหล็ก 2029 ภาค 2 | Terminator 2: Judgment Day | $523,774,456 ($519,843,345) | $94,000,000 | |
1992 | อะลาดิน | Aladdin | $504,050,045 | $28,000,000 | |
1993 | จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ | Jurassic Park | $1.029939903×10 9 ($914,691,118) | $63,000,000–70,000,000 | |
1994 | เดอะ ไลอ้อน คิง | The Lion King | $968,483,777 ($763,455,561) | $45,000,000–79,300,000 | |
1995 | ทอย สตอรี่ | Toy Story | $373,554,033 ($364,873,776) | $30,000,000 | |
ดายฮาร์ด 3 แค้นได้ก็ตายยาก | Die Hard with a Vengeance | $366,101,666 | $70,000,000 | ||
1996 | ไอดี 4 สงครามวันดับโลก | Independence Day | $817,400,891 | $75,000,000 | |
1997 | ไททานิค | Titanic | $2,187,463,944 ($1,843,201,268) | $200,000,000 | |
1998 | อาร์มาเกดดอน วันโลกาวินาศ | Armageddon | $553,709,626 | $140,000,000 | |
1999 | สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น | Star Wars Episode I: The Phantom Menace | $1.027082707×10 9 ($924,317,558) | $115,000,000–127,500,000 | |
2000 | ฝ่าปฏิบัติการสะท้านโลก 2 | Mission: Impossible II | $546,388,105 | $100,000,000–125,000,000 | |
2001 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ | Harry Potter and the Philosopher's Stone | $1,006,968,171 ($974,755,371) | $125,000,000 | |
2002 | ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ | The Lord of the Rings: The Two Towers | $926,349,708 ($921,780,457) | $94,000,000 | |
2003 | มหาสงครามชิงพิภพ | The Lord of the Rings: The Return of the King | $1,146,030,912 ($1,140,682,011) | $94,000,000 | |
2004 | เชร็ค 2 | Shrek 2 | $919,838,758 | $150,000,000 | |
2005 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี | Harry Potter and the Goblet of Fire | $897,099,794 ($896,911,078) | $150,000,000 | |
2006 | สงครามปีศาจโจรสลัดสยองโลก | Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest | $1.066179725×10 9 | $225,000,000 | |
2007 | ผจญภัยล่าโจรสลัดสุดขอบโลก | Pirates of the Caribbean: At World's End | $963,420,425 | $300,000,000 | |
2008 | แบทแมน อัศวินรัตติกาล | The Dark Knight | $1.004558444×10 9 ($997,039,412) | $185,000,000 | |
2009 | อวตาร | Avatar | $2,847,246,203 ($2,743,577,587) | $237,000,000 | |
2010 | ทอย สตอรี่ 3 | Toy Story 3 | $1.066969703×10 9 | $200,000,000 | |
2011 | แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 | Harry Potter and the Deathly Hallows – Part 2 | $1,341,693,157 ($1,341,511,219) | $250,000,000HP | |
2012 | ดิ อเวนเจอร์ส | The Avengers | $1.518812988×10 9 | $220,000,000 | |
2013 | ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ | Frozen | $1.29×10 9 ($1.287×10 9) | $150,000,000 | |
2014 | ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 4: มหาวิบัติยุคสูญพันธุ์ | Transformers: Age of Extinction | $1.104039076×10 9 | $210,000,000 | |
2015 | สตาร์ วอร์ส: อุบัติการณ์แห่งพลัง | Star Wars: The Force Awakens | $2.068223624×10 9 | $245,000,000 | |
2016 | กัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก | Captain America: Civil War | $1.153304495×10 9 | $250,000,000 | |
2017 | สตาร์ วอร์ส: ปัจฉิมบทแห่งเจได | Star Wars: The Last Jedi | $1.332539889×10 9 | $200,000,000 | |
2018 | อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล | Avengers: Infinity War | $2.048359754×10 9 | $316,000,000–400,000,000 | |
2019 | อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก | Avengers: Endgame | $2.797800564×10 9 | $356,000,000 | |
2020 | ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ | Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train | $500,000,000 | $15,765,750 | |
2021 | ไฮ, มัม | Hi, Mom | $822,054,381 | $55,000,000 |
( ... ) ขณะที่รายได้ไม่ได้จำกัดแค่การฉายครั้งแรกเท่านั้น จำนวนเงินที่ทำได้จากการฉายครั้งแรกนั้นจะอยู่ในวงเล็บ อยู่หลังจำนวนเงินทั้งหมด
*รายได้เฉพาะสหรัฐและแคนาดาเท่านั้น
RDistributor rentals
TBAรอการตรวจสอบ
INไม่มีแหล่งข้อมูลที่ให้ตัวเลขที่แท้จริงของ 20,000 Leagues Under the Sea เมื่อปี ค.ศ. 1916, ถึงแม้ว่า เดอะนัมเบอร์ส ได้ระบุไว้ 8,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะในอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้อาจเป็นตัวเลขของภาพยนตร์ชื่อเดียวกันแต่ทำใหม่เมื่อ ค.ศ. 1954 ซึ่งทำเงินได้ 8,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะในอเมริกาเหนือ เหมือนกัน
FHบางแหล่งข้อมูลเช่น เดอะนัมเบอร์ส ระบุว่า Aloma of the South Seas เป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดของปี ทำเงินได้ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ไม่มีแหล่งข้อมูลที่ให้ตัวเลขที่แท้จริงของภาพยนตร์ดังกล่าว ซึ่งไม่ชัดเจนว่าจำนวนเงินนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ เพราะถ้าเป็นจำนวนเงินจริง นั่นอาจทำให้ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดของปี แต่ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดของภาพยนตร์ยุคเงียบด้วยและถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับ International Motion Picture Almanac และ Variety จะไม่มีภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในรายชื่อ
SSไม่แน่ใจว่าตัวเลขของ Sunny Side Up นั่นเป็นของอเมริกาเหนือหรือทั่วโลก ซึ่งแหล่งข้อมูลอื่นระบุไว้ว่าทำเงินได้ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่าตัวเลขที่สูงกว่านั้นคือค่าเช่าทั่วโลก เนื่องจากความสับสนเกี่ยวกับตัวเลขระหว่างประเทศในช่วงเวลานั้น
ONตัวเลขของ It Happened One Night ไม่ใช่ตัวแทนของสำเร็จที่แท้จริง เพราะว่าภาพยนตร์ถูกจัดจำหน่ายเป็นชุดพร้อมกับภาพยนตร์อีกสองโหลของโคลัมเบียฟิล์ม ทำให้เงินที่ทำได้นั้นถูกเฉลี่ยออกไป มิเช่นนั้นแล้วเงินที่ทำได้อาจจะมากกว่านี้
S7จำนวนเงิน 418 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากผู้ชมสะสม ของ Snow White ไม่รวมรายได้จากนอกอเมริกาเหนือ ตั้งแต่ ค.ศ. 1987 เป็นต้นไป
MDMom and Dad ปกติแล้วไม่ปรากฏอยู่ในรายชื่อ ทำเงินสูง เช่นรายชื่อที่เผยแพร่โดย Variety เนื่องจากภาพยนตร์จัดจำหน่ายโดยค่ายอิสระ ยิ่งเป็นแนว Exploitation (ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรงหรือเรื่องเพศ) ถูกทำการตลาดว่าเป็นภาพยนตร์ ส่งเสริมสุขอนามัยทางเพศ (Sex hygiene) เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายเซ็นเซอร์ การมีปัญหากับ หลักการผลิตภาพยนตร์ (Motion Picture Production Code) ทำให้ Mom and Dad ถูกป้องกันไม่ให้มีการจัดจำหน่ายโดยทั่วไป ถูกจำกัดให้ฉายเฉพาะโรงภาพยนตร์อิสระและแบบไดร์ฟอิน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จและฉายต่อเนื่องจนถึงช่วงทศวรรษ 1970 ก่อนที่สื่อลามกเข้ามาแทนที่ ภาพยนตร์ทำเงิน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปลายปี 1947 ทำเงิน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1949 ทำเงิน 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากค่าเช่าในปี 1956 และทำเงินทั่วโลก 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้สามารถติดสิบอันดับแรกภาพยนตร์ที่ทำเงินที่ฉายในช่วงปลายทศวรรษ 1940 และต้นทศววษ 1950 ได้ไม่ยาก จากประมาณการรายได้รวมแล้วคาดว่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
UNชอปรา-แกนต์ ได้ระบุตัวเลขของ Unconquered ว่าเป็นรายได้เฉพาะในอเมริกาเหนือ ซึ่งเรื่องปกติในเวลานั้นที่จะสับสนระหว่างรายได้ทั่วโลกกับรายได้เฉพาะอเมริกาเหนือ แหล่งข้อมูลอื่นระบุตัวเลขของ Forever Amber (8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และ Life with Father (6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ว่าเป็นรายได้จากทั่วโลก ซึ่งเป็นไปได้ว่าตัวเลขของ Unconquered นั้นจะเป็นรายได้จากทั่วโลกด้วย
CIตัวเลขของซีนีรามาแสดงถึงรายได้ทั้งหมด เพราะบริษัทซีนีรามาเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์จึงไม่มีค่าเช่าสำหรับภาพยนตร์ ทำให้สตูดิโอได้รับเงินเต็มจำนวนจากบ๊อกซ์ออฟฟิศ ไม่เหมือนในกรณีของภาพยนตร์เรื่องอื่นที่ผู้จัดจำหน่ายจะได้รับเงินน้อยกว่าครึ่งหนึ่งจากรายได้ทั้งหมด วาไรตี ในเวลานั้นจัดอันดับภาพยนตร์โดยใช้ค่าเช่าในสหรัฐ พวกเขาสร้างสมมติฐานขึ้นสำหรับค่าเช่าของภาพยนตร์ซีนีรามา เพื่อใช้พื้นฐานในการเปรียบเทียบกับภาพยนตร์เรื่องอื่น ในกรณี This Is Cinerama ทำเงินทั่วโลก 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วปรับเป็น 12.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับค่าเช่าในสหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 25% ของจำนวนรายได้ที่ซีนีรามารายงาน ดังนั้นสูตรของ วาไรตี คือ จำนวนรายได้ทั้งหมดลดลงครึ่งหนึ่งจะได้ส่วนแบ่งในสหรัฐ แล้วลดอีกครึ่งหนึ่งเพื่อจำลองตัวเลขเป็นค่าเช่า ทำให้ตัวเลข 'ค่าเช่า' ของ วาไรตี มักจะซ้ำกัน ซึ่งไม่ได้บ่งบอกว่าความจริงแล้วภาพยนตร์เรื่องนั้นทำเงินได้เท่าไหร่ เพราะเป็นตัวเลขไว้สำหรับวิเคราะห์เท่านั้น ภาพยนตร์ซีนีรามาทั้งห้าเรื่องรวมแล้วทำเงิน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั่วโลก
GSวาไรตี ได้ระบุค่าเช่าทั่วโลกของ The Greatest Show on Earth ไว้ที่ประมาณ 18.35 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (ด้วย 12.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากสหรัฐ) หนึ่งปีหลังฉาย อย่างไรก็ตาม เบอร์เคิด ได้ระบุไว้แค่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงปี ค.ศ. 1962 เป็นไปได้ว่า ตัวเลขของ เบอร์เคิด นั้น มาจากค่าเช่าของอเมริกาเหนือและรวมจากการฉายใหม่ในปี ค.ศ. 1954 และ ค.ศ. 1960
SWไม่รวมรายได้จากฉบับพิเศษปี 1997 แต่รวมรายได้จากการฉายใหม่ก่อนหน้านั้น
HPใช้ทุนสร้างร่วมกับ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 1
เส้นเวลาของภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด
มีภาพยนตร์สิบเอ็ดเรื่องครองสถิติเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุด ตั้งแต่ เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน เมื่อ ค.ศ. 1915 ทั้ง เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน และ วิมานลอย ครองสถิติติดต่อกันเป็นเวลายี่สิบห้าปี ขณะที่ภาพยนตร์ที่กำกับโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก เคยเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดถึงสามครั้งและภาพยนตร์ของเจมส์ แคเมรอน สองครั้ง โดย สปีลเบิร์ก เป็นผู้กำกับคนแรกที่ทำลายสถิติตัวเองเมื่อภาพยนตร์เรื่อง จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ ทำเงินแซง อี.ที. เพื่อนรัก และ แคเมรอน ก็เช่นเดียวกันเมื่อ อวตาร ทำเงินแซง ไททานิค และในปี ค.ศ. 2019 อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก กลายเป็นภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องแรกที่ทำเงินสูงสุด หยุดการครองสถิติสามสิบหกปีจากภาพยนตร์ของสปีลเบิร์กและแคเมรอน
บางแหล่งข้อมูลอ้างว่า เดอะบิกพาเหรด แทนที่ด้วย เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน กลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดจากนั้นก็แทนที่ด้วย สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด แล้วก็ถูก วิมานลอย ชิงตำแหน่งไปอย่างรวดเร็ว เหตุเพราะไม่ทราบจำนวนเงินที่แน่นอนของ เดอะเบิร์ธออฟอะเนชั่น แต่จากบันทึกในช่วงเวลานั้น ระบุว่าทำเงินทั่วโลก 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี ค.ศ. 1919 การฉายระหว่างประเทศถูกเลื่อนออกไปเพราะสงครามโลกครั้งที่ 1 จนถึงช่วงปี ค.ศ. 1920 พร้อมกับการฉายใหม่ในสหรัฐ ทำเงินเพิ่มอีก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการรายงานของ วาไรตี เมื่อปี ค.ศ. 1932 ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนเงินก่อนหน้านี้ แสดงว่า วาไรตี ยังคงมีสถิติของ เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน ซึ่งทำเงินมากกว่า เดอะบิกพาเหรด ($6,400,000) ในรูปแบบดิสทริบิวเตอร์ เรนเทลส์ (distributor rentals) ถ้าประมาณการถูกต้อง สโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ($8,500,000) คงทำเงินไม่เพียงพอที่จะทำสถิติจากการฉายครั้งแรก แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดที่มีเสียงพูดแทนที่ เดอะซิงงิงฟูล ($5,900,000) ถึงแม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน จะถูกแทนที่ด้วยภาพยนตร์ยุคเงียบ ถ้าเป็นอย่างนั้นสถิติก็จะตกไปที่ภาพยนตร์เรื่อง เบน-เฮอร์ ($9,386,000) ของปี ค.ศ. 1925 ถ้า เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน ทำเงินน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญที่ประมาณการไว้เบื้องต้น นอกเหนือจากรายได้จากการฉายทั่วไปแล้ว เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน มีการฉายในโรงภาพยนตร์ส่วนตัว, สโมสรและเฉพาะในองค์กรเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่มีข้อมูลของตัวเลข ภาพยนตร์เป็นที่นิยมอย่างมากหลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรับสมัครของ คูคลักซ์แคลน และมีอยู่จุดหนึ่งที่ วาไรตี ประมาณการรายได้ไว้ที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ภายหลังจะมีการถอนการอ้างสิทธิ์ แต่ก็ยังได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางแม้ว่าจะไม่ได้รับการยืนยัน ในขณะที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า วิมานลอย ยึดสถิติภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในการเปิดตัวครั้งแรก—ซึ่งเป็นเรื่องจริงในแง่ของการฉายทั่วไป—แต่ว่าไม่ได้ทำเงินแซง เดอะเบิร์ธออฟอะเนชัน ในทันที แต่ก็ยังรายงานว่าเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดจนถึงทศวรรษที่ 1960 วิมานลอย อาจถูกภาพยนตร์เรื่อง บัญญัติ 10 ประการ (ค.ศ. 1956) ทำเงินแซงในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ด้วยจำนวนค่าเช่าทั่วโลก 58–60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับ 59 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ วิมานลอย ถ้ามีการอ้างสิทธิ์ว่าทำเงินสูงสุดจริง ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เพราะ วิมานลอย นั้นมีการฉายซ้ำในปีถัดมาและทำเงินถึง 67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์เรื่อง เบนเฮอร์ (ค.ศ. 1959) อาจจะยึดสถิติจาก วิมานลอย ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1961 ซึ่งทำเงิน 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ถ้าการประมาณนั้นแม่นยำ และภายในปี ค.ศ. 1963 เบนเฮอร์ ตามหลัง วิมานลอย แค่ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยรายได้จากการฉายทั่วโลก 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วทำเงิน 66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการฉายครั้งแรก
เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น, วิมานลอย, เดอะ ก็อดฟาเธอร์, จอว์ส, สตาร์ วอร์ส, อี.ที. เพื่อนรัก และ อวตาร ภาพยนตร์ดังกล่าวทำเงินเพิ่มขึ้นหลังจากมีการฉายใหม่ ตัวเลขที่บันทึกไว้ได้รวมรายได้จากการฉายครั้งแรกและรายได้จากการฉายใหม่แล้วจนถึงจุดที่ภาพยนตร์นั้นเสียตำแหน่งไป ดังนั้นรายได้ทั้งหมดของ เดอะ เบิร์ธ ออฟ อะ เนชั่น รวมรายได้จากการฉายใหม่จนถึงปี ค.ศ. 1940, รายได้ทั้งหมดของ สตาร์ วอร์ส รวมรายได้จากการฉายใหม่ในช่วงปลายทศวรรษ ค.ศ. 1970 และต้นทศวรรษ ค.ศ. 1980 แต่ไม่รวมรายได้ของฉบับพิเศษเมื่อปี ค.ศ. 1997, รายได้ทั้งหมดของ อี.ที. เพื่อนรัก ได้รวมรายได้จากการฉายใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1985 แต่ไม่รวมของปี ค.ศ. 2002, รายได้ทั้งหมดของ อวตาร รวมรายได้ของฉบับพิเศษเมื่อปี ค.ศ. 2010 ทั้งหมด วิมานลอย ติดอันดับสองครั้ง โดยสถิติในปี ค.ศ. 1940 มาจากการทำเงินจากการฉายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1939–1942 (โรดโชว์/การฉายทั่วไป/การฉายในโรงภาพยนตร์ลดราคา) พร้อมกับรายได้ทั้งหมดจนถึงการฉายใหม่จนถึงปี ค.ศ. 1961 ก่อนที่จะเสียตำแหน่งให้กับ มนต์รักเพลงสวรรค์ ในปี ค.ศ. 1966 ส่วนสถิติในปี ค.ศ. 1971 หลังจากได้ตำแหน่งคืนแล้ว รวมรายได้จากฉายใหม่ในปี ค.ศ. 1967 และ 1971 แต่ได้รวมรายได้หลังจากนี้ เดอะ ก็อดฟาเธอร์ ฉายใหม่ในปี ค.ศ. 1973 หลังประสบความสำเร็จที่ งานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 45 และ จอว์ส ฉายใหม่ในปี ค.ศ. 1976 และรายได้ของภาพยนตร์ดังกล่าวน่าจะรวมจากการฉายนั้น มนต์รักเพลงสวรรค์, เดอะ ก็อดฟาเธอร์, จอว์ส, จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ และ ไททานิค ทำเงินเพิ่มขึ้นจากการฉายใหม่ในปี ค.ศ. 1973, 1997, 1979, 2013 และ 2012 ตามลำดับ แต่ไม่ได้รวมอยู่ในตารางนี้เพราะว่าภาพยนตร์ดังกล่าวเสียตำแหน่งทำเงินสูงสุดไปแล้วก่อนการฉายใหม่
ปีที่เริ่ม | ชื่อ (ภาษาไทย) | ชื่อ (ภาษาอังกฤษ) | จำนวนเงินสูงสุดที่บันทึกไว้ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|
1915 | เดอะเบิร์ทออฟอะเนชัน | The Birth of a Nation | $5,200,000R | |
1940 | $15,000,000R ‡ | |||
1940 | วิมานลอย | Gone with the Wind | $32,000,000R | |
1963 | $67,000,000R ‡ | |||
1966 | มนต์รักเพลงสวรรค์ | The Sound of Music | $114,600,000R | |
1971 | วิมานลอย | Gone with the Wind | $116,000,000R ‡ | |
1972 | เดอะ ก็อดฟาเธอร์ | The Godfather | $127,600,000–142,000,000R | |
1976 | จอว์ส | Jaws | $193,700,000R | |
1977 | สตาร์ วอร์ส | Star Wars | $410,000,000/$268,500,000R | |
1982 | $530,000,000 ‡ | |||
1983 | อี.ที. เพื่อนรัก | E.T. the Extra-Terrestrial | $619,000,000–664,000,000 | |
1993 | $701,000,000 ‡ | |||
1993 | จูราสสิค พาร์ค กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ | Jurassic Park | $914,691,118 | |
1998 | ไททานิค | Titanic | $1,843,201,268 | |
2010 | อวตาร | Avatar | $2,743,577,587 | |
$2,788,416,135 ‡ | ||||
2019 | อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก | Avengers: Endgame | $2,797,501,328 | |
2021 | อวตาร | Avatar | $2,847,246,203 ‡ |
RDistributor rentals
รวมจำนวนเงินจากการฉายใหม่ ถ้าภาพยนตร์เรื่องใดทำเงินเพิ่มขึ้นขณะที่ภาพยนตร์นั้นถือครองสถิติอยู่ ปีที่ทำเงินสูงสุดนั้นจะเป็นตัวเอียง
แฟรนไชส์และภาพยนตร์ชุดที่ทำเงินสูงสุด
ก่อนปี ค.ศ. 2000 นั้นมีภาพยนตร์ชุด 7 ชุดเท่านั้นที่ทำเงินได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในบ็อกซ์ออฟฟิศ ได้แก่ เจมส์ บอนด์, สตาร์ วอร์ส, อินเดียน่า โจนส์, ร็อคกี้, แบทแมน, จูราสสิค พาร์ค และ สตาร์ เทรค ตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนศตวรรษเป็นต้นมา จำนวนของภาพยนตร์ชุดก็เพิ่มมากขึ้น โดยมีมากกว่าห้าสิบภาพยนตร์ชุด (ไม่รวมภาพยนตร์เดี่ยวที่ได้รับความนิยมสูง เช่น อวตาร, ไททานิค และ นครสัตว์มหาสนุก) ส่วนหนึ่งมาจากอัตราเงินเฟ้อและการขยายของตลาดที่เปิดกว้างมากขึ้น แต่ยังรวมถึงการที่ฮอลลีวู้ดสร้างรูปแบบของภาพยนตร์ชุดใหม่ เช่น การสร้างภาพยนตร์ที่มาจากนวนิยายชื่อดัง (เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์) หรือ การสร้างตัวละครให้เป็นที่จดจำ (อินเดียน่า โจนส์) ซึ่งวิธีการนี้มีแนวคิดที่ว่า ภาพยนตร์ที่สร้างจากสิ่งผู้ชมมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว ทำให้สามารถขายให้กับผู้ชมเหล่านั้นได้ เรียกว่าเป็นการ "pre-sold" ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
รูปแบบแฟรนไชส์ในปัจจุบันมีแนวคิดของการข้ามฝั่งหรือการครอสโอเวอร์ หมายถึง "เป็นการนำสิ่งต่างๆ ในเรื่องแต่ง เช่นตัวละคร สถานที่ หรือจักรวาลของเรื่องแต่งสองเรื่องเป็นอย่างน้อยที่แตกต่างกันมารวมอยู่ในบริบทของเรื่องแต่งเรี่องเดียว" ผลที่ตามมาของการครอสโอเวอร์คือทรัพย์สินทางปัญญาอาจถูกใช้โดยแฟรนไชส์มากกว่าหนึ่งแฟรนไชส์ ยกตัวอย่าง ภาพยนตร์เรื่อง แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม ไม่เพียงแค่อยู่ในแฟรนไชส์ แบทแมน และ ซูเปอร์แมน เท่านั้น แต่อยู่ใน จักรวาลขยายดีซี ด้วย ซึ่งเป็น "จักรวาลร่วม" จักรวาลร่วมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสื่อภาพยนตร์คือ จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เป็นการข้ามฝั่งระหว่างฮีโรหลายคนของ มาร์เวลคอมิกส์ ซึ่งทำเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส เป็นภาพยนตร์ชุด (ที่ไม่ใช่จักรวาลร่วม) ที่ทำเงินสูงสุด มากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ถึงแม้ว่า ภาพยนตร์ชุด เจมส์ บอนด์ ของอีออน ซึ่งหากปรับอัตราเงินเฟ้อ จะเท่ากับ 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) แต่หากรวมรายได้จากการขายสินค้าแล้ว สตาร์ วอร์ส เป็นจะเป็นแฟรนไชส์ที่ทำเงินได้มากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้จากภาพยนตร์นั้นคิดเป็นหนึ่งในสามจากทั้งหมด จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เป็นภาพยนตร์ชุดเดียวที่มีภาพยนตร์ที่ทำเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐถึงเก้าเรื่องและภาพยนตร์ชุด อเวนเจอร์ส, เดอะไลอ้อนคิง และ โฟรเซน นั้นเป็นภาพยนตร์ชุดที่ภาพยนตร์แต่ละเรื่องทำเงินมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ยังมีภาพยนตร์อย่างน้อยหนึ่งเรื่องในภาพยนตร์ชุดนั้นกำลังฉายอยู่
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
- *รายได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา
- RDistributor rentals
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ Pincus-Roth, Zachary (January 8, 2006). "Producers claim prod'n has grossed over $3.2 bil at the B.O. worldwide". Variety. สืบค้นเมื่อ February 2, 2014.
- "Avatar – Video Sales". The Numbers. Nash Information Services, LLC. สืบค้นเมื่อ November 12, 2013.
- "Unkind unwind". The Economist. March 17, 2011. สืบค้นเมื่อ April 12, 2012.
- Vogel, Harold L. (2010). Entertainment Industry Economics: A Guide for Financial Analysis. Cambridge University Press. p. 224. ISBN 978-1-107-00309-5.
Most pictures would likely receive 20% to 25% of theatrical box office gross for two prime-time network runs.
- Clark, Emma (November 12, 2001). "How films make money". BBC News. สืบค้นเมื่อ April 12, 2012.
- Pincus-Roth, Zachary (January 8, 2006). "Movies aren't the only B.O. monsters". Variety. สืบค้นเมื่อ September 24, 2014.
- Seymour, Lee (December 18, 2017). "Over The Last 20 Years, Broadway's 'Lion King' Has Made More Money For Disney Than 'Star Wars'". Forbes. สืบค้นเมื่อ July 28, 2019.
- "The Entertainment Glut". Bloomberg Businessweek. February 15, 1998. สืบค้นเมื่อ September 25, 2014.
- "Pixar – Worldwide (Unadjusted)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ April 12, 2012.
- Szalai, Georg (February 14, 2011). . The Hollywood Reporter. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ March 19, 2011.
- Chmielewski, Dawn C.; Keegan, Rebecca (June 21, 2011). "Merchandise sales drive Pixar's 'Cars' franchise". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ April 12, 2012.
- Palmeri, Christopher; Sakoui, Anousha (November 7, 2014). "More Disney Fun and Games With 'Toy Story 4' in 2017". Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ June 30, 2015.
- "Top Lifetime Grosses". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ December 16, 2019.
- "The Fate of the Furious (2017) – International Box Office Results: Argentina". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ January 11, 2018.
- . Box Office Mojo. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ August 16, 2016.
- . Box Office Mojo. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ August 20, 2016.
- Brevert, Brad (May 29, 2016). "'X-Men' & 'Alice' Lead Soft Memorial Day Weekend; Disney Tops $4 Billion Worldwide". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ May 29, 2016.
- ↑ Bialik, Carl (January 29, 2010). "How Hollywood Box-Office Records Are Made". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ August 9, 2011.
- ↑ Pincus-Roth, Zachary (July 6, 2009). "Best Weekend Never". Slate. สืบค้นเมื่อ August 10, 2011.
- ↑ Anderson, S. Eric; Albertson, Stewart; Shavlick, David (March 2004). . Proceedings of the Midwest Business Economics Association. Loma Linda University. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม (DOC) เมื่อ October 29, 2013. สืบค้นเมื่อ April 8, 2013. Unknown parameter
|deadurl=
ignored (help) - Gray, Brandon. "'Avatar' Claims Highest Gross of All Time". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ February 3, 2010.
- ↑ Bialik, Carl (January 30, 2010). "What It Takes for a Movie to Be No. 1". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ August 9, 2011.
- Kolesnikov-Jessop, Sonia (May 22, 2011). "Hollywood Presses Its Global Agenda". The New York Times. สืบค้นเมื่อ January 4, 2012.
- Hoad, Phil (August 11, 2011). "The rise of the international box office". The Guardian. สืบค้นเมื่อ January 4, 2012.
- Frankel, Daniel (May 1, 2011). "Why the Foreign Box Office Leads: 'Fast Five,' 'Thor' Open Overseas First". The Wrap. สืบค้นเมื่อ January 4, 2012.
- ↑ Bialik, Carl (December 17, 2007). "Box-Office Records Are the Stuff of 'Legend'". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ August 10, 2011.
- ↑ Leonhardt, David (March 1, 2010). "Why 'Avatar' Is Not the Top-Grossing Film". The New York Times. สืบค้นเมื่อ April 7, 2013.
- ↑ Miller, Frank; Stafford, Jeff (January 5, 2007). . Turner Classic Movies. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ September 26, 2013.
- ↑ Shone, Tom (February 3, 2010). "Oscars 2010: How James Cameron took on the world". The Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ March 22, 2012.
- Hill, George F. (June 25, 2006). "Gone With The Wind, Indeed". The Washington Post. สืบค้นเมื่อ February 13, 2013.
- ↑ Records, Guinness World (2014). Guinness World Records. 60 (2015 ed.). pp. 160–161. ISBN 9781908843708.
- "World Economic Outlook: Inflation rate, end of period consumer prices". International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ May 10, 2019.
- Glenday, Craig, บ.ก. (2011). Гиннесс. Мировые рекорды [Guinness World Records] (ภาษารัสเซีย). Translated by Andrianov, P.I.; Palova, I.V. (2012 ed.). Moscow: Astrel. p. 211. ISBN 978-5-271-36423-5.
- "Titanic 3D (2012) – International Box Office results". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ November 25, 2012.
North America: $57,884,114; Overseas: $285,666,656
- "Titanic (20th Anniversary)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ July 1, 2019.
Domestic Total Gross: $691,642
- ↑ Cones, John W. (1997). The feature film distribution deal: a critical analysis of the single most important film industry agreement. Southern Illinois University Press. p. 41. ISBN 978-0-8093-2082-0.
Distributor rentals: It is also important to know and recognize the difference between the distributor's gross receipts and the gross rentals. The term "rentals" refers to the aggregate amount of the film distributor's share of monies paid at theatre box offices computed on the basis of negotiated agreements between the distributor and the exhibitor. Note that gross receipts refers to amounts actually received and from all markets and media, whereas gross rentals refers to amounts earned from theatrical exhibition only, regardless of whether received by the distributor. Thus, gross receipts is the much broader term and includes distributor rentals. The issue of film rentals (i.e., what percentage of a film's box office gross comes back to the distributor) is of key importance...More current numbers suggest that distributor rentals for the major studio/distributor released films average in the neighborhood of 43% of box office gross. Again, however, such an average is based on widely divergent distributor rental ratios on individual films.
- Marich, Robert (2009) [1st. pub. Focal Press:2005]. Marketing to moviegoers: a handbook of strategies used by major studios and independents (2 ed.). Southern Illinois University Press. p. 252. ISBN 9780809328840.
Rentals are the distributors' share of the box office gross and typically set by a complex, two-part contract.
- Balio, Tino (2005). The American film industry. University of Wisconsin Press. p. 296. ISBN 978-0-299-09874-2.
Film Rentals as Percent of Volume of Business (1939): 36.4
- Balio, Tino (1987). United Artists: the Company that Changed the Film Industry. University of Wisconsin Press. p. 124–125. ISBN 978-0-299-11440-4.
To rekindle interest in the movies, Hollywood not only had to compete with television but also with other leisure-time activities...Movies made a comeback by 1955, but audiences had changed. Moviegoing became a special event for most people, creating the phenomenon of the big picture.
- Hall & Neale 2010, p. 179. "Later epics proved far more disastrous for the backers. Samuel Bronston's The Fall of the Roman Empire, filmed in Spain, cost $17,816,876 and grossed only $1.9 million in America. George Stevens's long-gestating life of Christ, The Greatest Story Ever Told (1965), which had been in planning since 1954 and in production since 1962, earned domestic rentals of $6,962,715 on a $21,481,745 negative cost, the largest amount yet spent on a production made entirely within the United States. The Bible—in the Beginning... (1966) was financed by the Italian producer Dino De Laurentiis from private investors and Swiss banks. He then sold distribution rights outside Italy jointly to Fox and Seven Arts for $15 million (70 percent of which came from Fox), thereby recouping the bulk of his $18 million investment. Although The Bible returned a respectable world rental of $25.3 million, Fox was still left with a net loss of just over $1.5 million. It was the last biblical epic to be released by any major Hollywood studio for nearly twenty years."
- Williams, Trey (September 25, 2015). "Ridley Scott's latest 'Alien' announcement drives Hollywood's sequel problem". MarketWatch. สืบค้นเมื่อ May 12, 2016.
- "Yearly Box Office". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ January 6, 2012.
- "Movie Index By Year". The Numbers. Nash Information Services. สืบค้นเมื่อ January 6, 2012.
- Dirks, Tim. "All-Time Box-Office Hits By Decade and Year". Filmsite.org. American Movie Classics. สืบค้นเมื่อ January 5, 2012.