คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อังกฤษ: Faculty of Political Science, Chulalongkorn University) เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ถือได้ว่าเป็นคณะวิชาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นคณะรัฐศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย และเป็น 1 ใน 4 คณะแรกตั้งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดทำการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก อีกทั้งยังเป็นคณะที่ได้รับการเลือกเข้าศึกษาจากผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดจากการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีด้วยระบบ Admission ถึง 4 ปีซ้อน (2553 - 2556)
ชื่ออังกฤษ | Faculty of Political Science, Chulalongkorn University |
---|---|
อักษรย่อ | ร. |
ที่อยู่ | ถนนอังรีดูนังต์ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 |
วันก่อตั้ง | พ.ศ. 2442 (ก่อตั้งครั้งแรก) 18 สิงหาคม พ.ศ. 2491 (ก่อตั้งใหม่) |
คณบดี | รศ.ดร.เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา |
วารสาร | วารสารสังคมศาสตร์ (Journal of Social Science) |
สีประจําคณะ | ███ สีดำ |
สัญลักษณ์ | สิงห์ดำ |
เว็บไซต์ | www.polsci.chula.ac.th |
ประวัติ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นคณะที่มีการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์เป็นแห่งแรก ถ้าจะนับเวลาเริ่มก่อตั้งแต่สมัยเริ่มแรก เมื่อ พ.ศ. 2442 จนถึงปัจจุบัน สถาบันแห่งนี้มีอายุยาวนานถึง 120 ปี (พ.ศ. 2562)
คณะรัฐศาสตร์เริ่มก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2442 (ร.ศ. 118) โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มจัดตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้ขึ้นโดยพระราชทานนามว่า "โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน" โดยรับจากนักเรียนที่สอบผ่าน "ประโยคนักเรียน" มาแล้ว เข้าศึกษา "ประโยควิชา" ต่อเมื่อเรียนจบ "ประโยควิชา" แล้วจึงจะได้รับประกาศนียบัตรของโรงเรียน แล้วต้องออกฝึกราชการตามกระทรวงต่างๆ เพื่อสอบ "ประโยคฝึกหัด" ในขั้นสุดท้าย จึงจะถือว่านักเรียนผู้นั้นสำเร็จวิชาจากสถานศึกษาข้าราชการพลเรือนโดยสมบูรณ์ โรงเรียนนี้ได้เจริญขึ้นเป็นลำดับต่อมาจึงทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นักเรียนในโรงเรียนนี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก มีตำแหน่งเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยใกล้ชิดและเข้าที่สมาคมในราชการให้มีความคุ้นเคยอีกด้วย
ในปี พ.ศ. 2445 (ร.ศ.121) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเปลี่ยนนามโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือนเป็น "โรงเรียนมหาดเล็ก" โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า นักเรียนโรงเรียนนี้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กทั้งสิ้น และตามประเพณีอันมีมาแต่โบราณข้าราชการ โดยมากยอมถวายตัวศึกษาราชการในกรมมหาดเล็กก่อนที่จะไปรับราชการในกรมอื่น จึงควรให้มีนามโรงเรียนสมแก่นักเรียนที่ได้เป็นมหาดเล็ก โรงเรียนนี้ได้เริ่มเปลี่ยนนามใหม่ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2445 โดยมีสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ พระยาวิสุทธ์สุริยาศักดิ์ (เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี) และจมื่นศรีสรรักษณ์ (พระยาศรีวรวงษ์) เป็นกรรมการที่ปรึกษา และมีหมื่นศรีสรรักษ์ (พระยาศรีวรวงษ์) เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2453 (ร.ศ. 129) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริเห็นว่าการที่จะฝึกนักเรียนในโรงเรียนมหาดเล็กให้ออกมารับราชการในกระทรวงมหาดไทยแต่กระทรวงเดียวนั้นไม่เพียงพอ ควรที่จะขยายการศึกษาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เพื่อส่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาออกไปรับราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม และเพื่อเป็นอนุสาวรีย์เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระบรมชนกาธิราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินให้เป็นทุนสำหรับจัดการโรงเรียนต่อไป และทรงพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามโรงเรียนมหาดเล็กเป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนพระราชทานนามว่า "โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2453 โดยโรงเรียนนี้กำหนดระยะเวลาเรียน 4 ปี โดยเรียนในชั้นสอน 3 ปี และฝึกงานอีก 1 ปี ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 ได้มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาโรงเรียนข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็น "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ซึ่งเมื่อแรกตั้งได้แบ่งออกเป็น 4 คณะ คือ คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(ปัจจุบันคือ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ (ชื่อแรกตั้งของคณะรัฐศาสตร์) ส่วนในด้านการศึกษายังเป็นไปในรูปเดิม นอกจากตำแหน่งผู้บังคับบัญชาโรงเรียนซึ่งแต่เดิมเรียกชื่อว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนนั้น ได้เปลี่ยนมาใช้นามว่า คณบดี
ครั้งในปี พ.ศ. 2472 หลังจากที่ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนแล้ว ความนิยมในการเข้าศึกษาในคณะรัฐประศาสนศาสตร์ได้ลดน้อยลง ในปีดังกล่าวนี้มีนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่เพียง 35 คน เท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากผู้สำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรออกไปนั้น เมื่อเข้ารับราชการจะได้ตำแหน่งเพียงชั้นราชบุรุษเท่านั้น ซึ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 5 ก็มีสิทธิสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนี้ได้แล้ว ส่วนนักเรียนที่ศึกษาจากคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ นอกจากจะสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาแล้ว ยังต้องศึกษาในคณะนี้อีกถึง 3 ปี ดังนั้น กระทรวงธรรมการจึงได้นำความทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระบรมราชานุญาตให้เลิกคณะนี้เสียเมื่อนักเรียนที่เหลืออยู่สำเร็จการศึกษาหมดแล้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้มีพระบรมราชานุญาต
เมื่อกระทรวงธรรมการได้สั่งปฏิบัติการตามกระแสพระบรมราชโองการแล้ว ต่อมามีสมุหเทศาภิบาลและข้าราชการฝ่ายปกครองเป็นอันมากมาร้องทุกข์ว่าควรจะมีการสอนวิชานี้ต่อไป ทั้งกระทรวงมหาดไทยก็เล็งเห็นว่าจะขาดประโยชน์อย่างยิ่งถ้าขาดนักปกครองที่ผลิตจากคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ จึงได้มีการประชุมพิจารณาระหว่างคณะกรรมการดำริรูปการมหาวิทยาลัย ผู้แทนกระทรวงมหาดไทยและผู้แทน ก.ร.พ. (กรรมการพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน) ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่าควรจะมีการสอนวิชานี้ต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาเสียใหม่และเปลี่ยนแปลงวิธีการรับนิสิตด้วย นอกจากนั้นได้เสนอความคิดเห็นให้เปลี่ยนชื่อคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์ เป็นแผนกวิชาข้าราชการพลเรือน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชานุญาตตามข้อเสนอ และให้ขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและหัวหน้าแผนกคือ ผู้อำนวยการ ซึ่งมีฐานะเท่ากับคณบดี
ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2476 ได้มีพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ตั้งคณะนิติศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยโอนโรงเรียนกฎหมายเข้าสมทบในคณะนิติศาสตร์ด้วย (ต่อมากลายเป็น คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
ในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พ.ศ. 2476 ซึ่งมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้บัญญัติว่า "ให้โอนคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ตลอดจนทรัพย์สินและงบประมาณของคณะเหล่านี้มาขึ้นต่อมหาวิทยาลัยนี้ ก่อนวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2477" เป็นอันว่าคณะรัฐฏประศาสนศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้สิ้นสภาพลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของการบริหารประเทศในอันที่จะได้ปฏิบัติราชการที่เพียบพร้อมไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ความชำนาญในการปกครองและการบริหารให้มีจำนวนเพียงพอ จึงได้จัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่ง โดยการตราพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2491 หลังจากที่ได้ยุบเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ปีเศษ และก็ได้เจริญก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้
คณะรัฐศาสตร์พัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน บุกเบิกความเป็นสมัยใหม่ทางวิชาการ ไม่เฉพาะในสาขารัฐศาสตร์ แต่ยังพัฒนาไปถึงในสาขาสังคมศาสตร์อื่นๆ ด้วย ในขณะนั้นมีวิชาด้านที่เปิดสอนอยู่หลายสาขา คือ การ ปกครอง การทูต รัฐประศาสนศาสตร์ การคลัง นิติศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และประชากรศาสตร์ จนกระทั่งบางสาขาพัฒนามากขึ้นจึงจำเป็นต้องแยกตัวออกไปตั้งเป็นคณะใหม่ โดยแผนกวิชาการคลังรวมกับแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีตั้งเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2513 และแผนกวิชานิติศาสตร์ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2515 และแผนกสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ ได้ยกฐานะเป็นแผนกอิสระสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ และปัจจุบันคือคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้น สถาบันประชากรศาสตร์ สถาบันวิจัยสังคมสถาบันความมั่นคงและนานาชาติ สถาบันพัฒนานโยบายและ การจัดการ และสถาบันเอเชียศึกษา ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากคณะรัฐศาสตร์อีกด้วย
สถานที่ตั้งและพื้นที่
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีอาณาเขตอยู่ภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฝั่งตะวันออกของถนนพญาไท ด้านข้างถนนอังรีดูนังต์ ติดกับสถานเสาวภา สภากาชาดไทย สามารถสังเกตกลุ่มอาคารของคณะได้จากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย คณะรัฐศาสตร์ติดกับคณะอื่น ๆ ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คณะ คือ คณะเศรษฐศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ และยังตั้งอยู่ตรงข้ามกับคณะแพทยศาสตร์ โดยมีถนนอังรีดูนังต์ตัดขั้น
คณะรัฐศาสตร์ มีพื้นที่สีเขียว ลานสำหรับพักผ่อนและทำกิจกรรมหลายแห่ง อาทิ ลานไทร ลานโจก้า ซึ่งทั้งสองลานนี้อยู่ด้านหน้าและด้านหลังอาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ ภายในบริเวณคณะยังมีสนามฟุตบอลและสนามบาสเก็ตบอลด้วย
สัญลักษณ์
- สัญลักษณ์
สัญลักษณ์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ "สิงห์ดำ" โดย "สิงห์" หมายถึง ผู้ปกครองดั่งราชสีห์ผู้เป็นจ้าวแห่งป่า และ "สีดำ" หมายถึง สีแห่งศอของพระศิวะที่ดื่มยาพิษเพื่อปกป้องมวลมนุษย์ ดังนั้น สิงห์ดำ จึงมีหมายความว่า "การเป็นนักปกครองจะต้องเสียสละเพื่อมวลชน" (Black is Devotion)
- กลอนสิงห์ดำ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีกลอนประจำคณะที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์และเป็นคติเตือนใจ โดยนิสิตจะรู้จักกันในชื่อ "กลอนสิงห์"
"เจ้าเป็นสิงห์เจ้าจงหยิ่งในสิงห์ศักดิ์ เจ้าเป็นนักรัฐศาสตร์องอาจหาญ
กอปรกรรมดีให้จีรังยั่งยืนนาน มุ่งสมานใจรักสามัคคี
จงรู้จักใช้วิชาหาประโยชน์ รู้จำแนกคุณโทษให้ถ้วนถี่
จงวางตนให้คนเห็นเป็นผู้ดี ถ้าเจ้ามีใจจริงเป็นสิงห์ดำ"
- สีประจำคณะ
สีดำ หมายถึง สีแห่งศอของพระศิวะที่ดื่มยาพิษเพื่อปกป้องมวลมนุษย์
วารสารสังคมศาสตร์
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดทำวารสารสังคมศาสตร์ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการผลิตผลงานทางวิชาการ/งานวิจัย และเพื่อเผยแพร่ รวมทั้งเป็นสื่อความเคลื่อนไหว ความเปลี่ยนแปลง และความก้าวหน้าทางด้านสังคมศาสตร์ โดยเริ่มจัดพิมพ์วารสารฉบับแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 60 ปี นอกจากนี้ห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังมีการจัดทำวารสารสังคมศาสตร์ฉบับย้อนหลังตั้งแต่ฉบับแรกเป็นแอพลิแคชั่นสำหรับดาวน์โหลดเพื่อเป็นฐานข้อมูลด้านสังคมศาสตร์สำหรับนิสิต คณาจารย์ และประชาชนทั่วไป
ห้องสมุด
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีห้องสมุดประจำคณะที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากถึงสองแห่งด้วยกัน คือ ห้องสมุดรูฟุส ดี. สมิธ และ ชำนาญ ยุวบูรณ์ และอีกแห่งชื่อว่า ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ. ถือได้ว่าทั้งสองแห่งเป็นหนึ่งในห้องสมุดด้านสังคมศาสตร์ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ. เดิมชื่อห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2491 ตั้งอยู่ที่อาคารสำราญราษฎร์บริรักษ์ (ตึก 1) ในระยะเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2494 ศาสตราจารย์รูฟุส แดเนียล สมิธ จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับทุนฟูลไบรท์ให้มาสอนวิชาการปกครองเปรียบเทียบที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ช่วยเหลือกิจการห้องสมุดโดยติดต่อขอบริจาคหนังสือ และวารสารทางด้านสังคมศาสตร์จากองค์การมูลนิธิและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา นับเป็นการวางรากฐานกิจการห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ ทำให้เป็นห้องสมุดแห่งแรกในประเทศไทยที่เป็นแหล่งค้นคว้าสำคัญทางด้านสังคมศาสตร์ ต่อมาห้องสมุดได้ย้ายไปตั้งที่อาคารเกษมอุทยานิน (ตึก 3) และในปีพ.ศ. 2518 ได้ย้ายมาตั้งที่อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ ชั้น 1 จนถึงปัจจุบัน
35 ปี หลังจากมรณกรรมของศาสตราจารย์รูฟุส แดเนียล สมิธ ที่ประชุมกรรมการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตั้งชื่อ ห้องสมุดของคณะว่า "ห้องสมุดรูฟุส ดี.สมิธ." เพื่อเป็นเกียรติและเป็นที่ระลึกถึงพระคุณที่ท่านมีต่อคณะรัฐศาสตร์ โดยมีพิธีเปิดที่ห้องสมุดของคณะ ในวันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2531
ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน ห้องสมุดของคณะรัฐศาสตร์ทั้งสองแห่งได้รับรางวัลรับรองจากหลายสถาบัน
- รางวัลชนะเลิศ ประเภทประสิทธิภาพของการบริการ รางวัลคุณภาพแห่งจุฬาฯ พ.ศ. 2550
- รางวัลดีเด่นระดับชาติ ประเภทนวัตกรรมการให้บริการ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2551
- รางวัลดีเด่นระดับชาติ ประเภทรายกระบวนงาน จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2553
- รางวัลบริการภาครัฐแห่งชาติ ประเภทการพัฒนาการบริการที่เป็นเลิศ จากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พ.ศ. 2556
หน่วยงานและหลักสูตร
หลักสูตรที่เปิดสอนในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | |||
---|---|---|---|
หน่วยงาน | ระดับปริญญาบัณฑิต | ระดับปริญญามหาบัณฑิต | ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต |
ภาควิชาการปกครอง | หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
| หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
| หลักสูตรรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
|
ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ | หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
| หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
| หลักสูตรรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
|
ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา | หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
| หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.)
| หลักสูตรรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
หลักสูตรศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต (ศศ.ด.)
|
ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ | หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.)
| หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.)
| หลักสูตรรัฐศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (ร.ด.)
|
หลักสูตรอื่นๆ | หลักสูตรนานาชาติ BA in Politics and Global Studies | หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.)
|
คณบดี
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีตำแหน่งคณะบดีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2491
ทำเนียบคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ||
---|---|---|
รายนามคณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง | |
ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้ารัชฎาภิเศก โสณกุล | พ.ศ. 2491 - 2493 | |
ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันท์ | พ.ศ. 2493 | |
ศาสตราจารย์ เกษม อุทยานิน | พ.ศ. 2493 - 2513 | |
ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล | พ.ศ. 2513 - 2517 | |
ศาสตราจารย์ ดร.กระมล ทองธรรมชาติ | พ.ศ. 2517 - 2525 | |
ศาสตราจารย์ จรูญ สุภาพ | พ.ศ. 2525 - 2529 | |
ศาสตราจารย์ ดร.กระมล ทองธรรมชาติ | พ.ศ. 2529 - 2533 | |
ศาสตราจารย์ ดร.สุจิต บุญบงการ | พ.ศ. 2533 - 2541 | |
ศาสตราจารย์ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู | พ.ศ. 2541 - 2545 | |
ศาสตราจารย์ ดร.อมรา พงศาพิชญ์ | พ.ศ. 2545 - 2549 | |
ศาสตราจารย์ ดร.จรัส สุวรรณมาลา | พ.ศ. 2549 - 2553 | |
ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ยาวะประภาษ | พ.ศ. 2553 - 2557 | |
รองศาสตราจารย์ ดร.เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา | พ.ศ. 2557 - ปัจจุบัน |
หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งคณบดี และผู้รักษาการแทนคณบดี เป็นคำนำหน้านามตามตำแหน่งทางวิชาการในขณะนั้น
บุคลากรที่มีชื่อเสียง
ดูเพิ่ม รายนามบุคคลจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันทน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- จารุพงศ์ เรืองสุวรรณเลขาธิการขบวนการเสรีไทยต่อต้าน รัฐประหารวันที่ 22พฤษภาคม 2557 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและอดีตปลัดกระทรวงแรงงาน อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ อดีตรองปลัดกรุงเทพมหานคร
- ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
- ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย อดีตวุฒิสมาชิก นิสิตเก่าดีเด่น จุฬาฯ อดีตอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคประชาธิปัตย์, รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย, อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, ประธานกรรมการ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด(ซีอีโอ)
- เอนก นาวิกมูล ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ เป็นนักวิชาการ,นักเขียนสารคดี,นักสะสมของเก่า นิสิตเก่าดีเด่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2536
- วีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย, อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- อารีย์ วงศ์อารยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- กระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ
- วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ, อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์
- ฐากูร บุนปาน รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน
- ยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย
- วิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย
- ชาตรี โสภณพณิช ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรรมการกฤษฎีกา อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
- รองศาสตราจารย์ ดร.พิทยา บวรวัฒนา นักวิชาด้านวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มีผลงานตีพิมพ์ลงวารสารวิชาการต่างประเทศหลายฉบับ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร นักปรัชญาการเมือง และคอลัมนิสต์
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อดีตอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ
- ศาสตราจารย์ ธเนศ วงศ์ยานนาวา บรรณาธิการ "รัฐศาสตร์สาร" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักเขียนชื่อดัง
- ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- ศาสตราจารย์ พลตำรวจโทหญิง ดร.นัยนา เกิดวิชัย อดีตคณบดีคณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
- ประชา เตรัตน์ โฆษกกระทรวงมหาดไทยฝ่ายข้าราชการประจำ อดีตรองปลัด กระทรวงมหาดไทยอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษาการหัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย
- ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป มหาวิทยาลัยรังสิต ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อดีตประธานกรรมการจัดวางระบบควบคุมภายในบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
- วิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และประธานสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี
- ดร.โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
- ชวน ศิรินันท์พร กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดแพร่ จังหวัดอุบลราชธานี
- วิมล คิดชอบ อดีตอธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงต่างประเทศ อดีตรองอธิบดีและอดีตอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
- ดร.สุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
- ศาสตราจารย์ ดร. อมร รักษาสัตย์ อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายกสมาคมรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน
- อนุตตมา อมรวิวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตอาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารและอาหารไทยตำรับชาววัง และกรรมการรายการมาสเตอร์เชฟไทยแลนด์
- ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานคณะกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวง ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงมหาดไทย
- อนุสรี ทับสุวรรณ กงสุล ณ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทย
- รองศาสตราจารย์ ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รองศาสตราจารย์ประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ผู้ก่อตั้งกลุ่มรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส
คณาจารย์ที่มีชื่อเสียง
- ศาสตราจารย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย อดีตอาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี
- ศาสตราจารย์ ดร. มาลัย หุวะนันทน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สมาชิกวุฒิสภา อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- ศาสตราจารย์พิเศษ ทองต่อ กล้วยไม้ ณ อยุธยา รองประธานคณะกรรมการมูลนิธิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
- รองศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์พฤทธิสาณ ชุมพล กรรมการพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อดีตรองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร. จรัส สุวรรณมาลา อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 อดีต ผู้อำนวยการวิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
- ศาสตราจารย์ ดร. ไชยวัฒน์ ค้ำชู อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ อดีตกรรมการสภา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รางวัล TTF Award สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ พ.ศ. 2551
- ดร.วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร ราชบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
- ศาสตราจารย์กิตติคุณ อมรา พงศาพิชญ์ อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน
- ศาสตราจารย์ สุริชัย หวันแก้ว อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย, คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ, สมาชิก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ, ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- รองศาสตราจารย์ ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรรมการสำนักงานจัดการทรัพย์สินสภากาชาดไทย กรรมการสภามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยวิทัศน์ จำกัด อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549
- ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ยาวะประภาษ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย
- ศาสตราจารย์ ดร. สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ทางการทหารไทยและความมั่นคงไทย อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ สาขาสังคมศาสตร์ จากคณะกรรมการที่ประชุมประธานสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปอมท.)
- ศาสตราจารย์ ดร. ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ อาจารย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
- รองศาสตราจารย์ ดร.วรศักดิ์ มหัทธโนบล นักวิจัยและอาจารย์สาขาจีนศึกษา นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ (สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์) ประจำปี 2558 ของสภาวิจัยแห่งชาติ
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. พิชญ์ พงศ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง, คอลัมนิสต์, ผู้ดำเนินรายการ Wake Up Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV
- รองศาสตราจารย์ ตระกูล มีชัย ผู้เชี่ยวชาญการเมืองการปกครองไทย
- รองศาสตราจารย์ ดร. สิริพรรณ นกสวน สวัสดี ผู้เชี่ยวชาญการเมืองเปรียบเทียบ และการเมืองสหรัฐอเมริกา
- รองศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, อดีตผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รองศาสตราจารย์ ดร. วีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ประจำภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการคลังสาธารณะ อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ, อนุกรรมการการปกครองท้องถิ่น สภาปฏิรูปแห่งชาติ
- อาจารย์ ดร. อมร วาณิชวิวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ, คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
อ้างอิง
- http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1368077139&grpid=03&catid=19&subcatid=1903
- หนังสือเปิดรั้วจามจุรี: สาราณียกร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- http://www.polsci.chula.ac.th/library/index.php/aboutus/1/%7C เกี่ยวกับห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เข้าถึงเมื่อ วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558
- http://www.polsci.chula.ac.th/library/index.php/honor/%7C ความภาคภูมิใจของห้องสมุดคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ
- ระดับปริญญาบัณฑิต
- ระดับปริญญามหาบัณฑิต
- ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต
- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/052/19.PDF
- ภาพ, อรพรรณ จันทรวงศ์ไพศาล-เรื่อง ชลาธิป รุ่งบัว- (2018-08-12). "อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ 'สุรชาติ บำรุงสุข' เปิดมุมมอง "ทหาร" กับ "การเมือง"". มติชนออนไลน์.
- www.polsci.chula.ac.th http://www.polsci.chula.ac.th/?lecturer=%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C. Missing or empty
|title=
(help)
ดูเพิ่ม
- รายชื่อคณะรัฐศาสตร์ในประเทศไทย
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากมัลติแมป หรือโกลบอลไกด์
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
พิกัดภูมิศาสตร์: 13°44′05″N 100°32′00″E / 13.734678°N 100.533339°E
แหล่งข้อมูลอื่น
- www.polsci.chula.ac.th คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- www.chula.ac.th จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย