โรควิตกกังวล
โรควิตกกังวล (อังกฤษ: Anxiety disorders) เป็นกลุ่มความผิดปกติทางจิตกำหนดโดยความวิตกกังวลและความกลัว ความวิตกกังวล (anxiety) เป็นความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตและความกลัว (fear) เป็นปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน ความรู้สึกเช่นนี้อาจทำให้เกิดอาการทางกาย เช่น หัวใจเต้นเร็วและตัวสั่น มีโรควิตกกังวลหลายอย่าง รวมทั้งโรควิตกกังวลไปทั่ว (GAD), โรคกลัว (phobia) ที่เฉพาะเจาะจง, โรคกลัวการเข้าสังคม (social anxiety disorder), โรควิตกกังวลเมื่อต้องแยก (separation anxiety disorder), โรคกลัวที่ชุมชน (agoraphobia), และโรคตื่นตระหนก (panic disorder) โดยโรคจะต่าง ๆ กันตามอาการ แต่คนไข้มักจะมีโรควิตกกังวลมากกว่าหนึ่งชนิด โรคมีปัจจัยจากกรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม ปัจจัยเสี่ยงรวมทั้งประวัติถูกทารุณกรรมในวัยเด็ก ประวัติความผิดปกติทางจิตในครอบครัว และความยากจน โรคมักเกิดร่วมกับความผิดปกติทางจิตอื่น ๆ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า (MDD) ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ (PD) และการเสพสารเสพติด (substance use disorder) เพื่อจะวินิจฉัยว่าเป็นโรค จะต้องมีอาการอย่างน้อย 6 เดือน มีความวิตกกังวลเกินเหตุ และมีปัญหาในการดำเนินชีวิต แต่ก็มีปัญหาทางจิตเวชและทางแพทย์อื่น ๆ ที่อาจมีอาการคล้าย ๆ กันรวมทั้งอาการไฮเปอร์ไทรอยด์, โรคหัวใจ, การเสพกาเฟอีน แอลกอฮอล์ และกัญชา, และการขาดยา (withdrawal) บางประเภท ถ้าไม่รักษา โรคมักจะไม่หาย การรักษารวมทั้งการเปลี่ยนสไตล์ชีวิต จิตบำบัด และการทานยา จิตบำบัดมักจะเป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) ยาเช่นยาแก้ซึมเศร้าหรือเบต้า บล็อกเกอร์ อาจช่วยให้อาการดีขึ้น คนประมาณ 12% มีโรคทุก ๆ ปี โดยเกิดในหญิงมากกว่าชาย 2 เท่า และทั่วไปเริ่มก่อนอายุ 25 ปี ประเภทโรคที่สามัญที่สุดคือโรคกลัวที่เฉพาะเจาะจงซึ่งเกิดในคน 12% และโรคกลัวการเข้าสังคม (SAD) ซึ่งเกิดในคน 10% ในช่วงหนึ่งในชีวิต โดยเกิดกับบุคคลอายุ 15-35 ปีมากที่สุด และเกิดขึ้นน้อยหลังถึงอายุ 55 ปี อัตราการเกิดดูจะสูงกว่าในสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป
โรควิตกกังวล (Anxiety disorder) | |
---|---|
ภาพวาด เสียงกรีดร้อง โดยเอ็ดวัด มุงก์ จิตรกรชาวนอร์เวย์ | |
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก | |
ICD-10 | F40-F42 |
ICD-9 | 300 |
DiseasesDB | 787 |
eMedicine | med/152 |
MeSH | D001008 |
ประเภท
โรควิตกกังวลไปทั่ว
โรควิตกกังวลไปทั่ว (Generalized anxiety disorder, GAD) เป็นโรคที่สามัญ เรื้อรัง กำหนดโดยความวิตกกังวลที่ดำรงอยู่นานโดยไม่ได้เพ่งไปที่เรื่องหรือสถานการณ์ใดโดยเฉพาะ คนไข้กลัวและกังวลอย่างไม่เฉพาะเจาะจงและเป็นห่วงเรื่องชีวิตประจำวันมากเกินไป ตามหนังสือจิตวิทยาเล่มหนึ่ง GAD "กำหนดโดยความกังวลมากเกินไปที่เรื้อรังตามด้วยอาการ 3 อย่างหรือมากกว่านั้นดังต่อไปนี้ คือ อยู่ไม่สุข ล้า ไม่มีสมาธิ หงุดหงิด กล้ามเนื้อเกร็ง และมีปัญหาการนอน"
GAD เป็นโรควิตกกังวลที่สามัญที่สุดต่อคนมีอายุ แต่ว่า ความวิตกกังวลอาจเป็นอาการทางการแพทย์หรือปัญหาการใช้สารเสพติด และผู้รักษาพยาบาลต้องรู้ในเรื่องนี้ GAD จะวินิจฉัยก็ต่อเมื่อบุคคลกังวลมากเกินไปเรื่องปัญหาชีวิตประจำวันเป็นเวลา 6 เดือนหรือมากกว่านั้น
บุคคลอาจพบว่ามีปัญหาตัดสินใจและจำสิ่งที่วางแผนไว้ไม่ได้เนื่องจากไม่มีสมาธิหรือรู้สึกกังวลอย่างหมกมุ่น:790 คนไข้อาจจะดูเครียด เหงื่อออกเพิ่มขึ้นที่มือ เท้า และรักแร้ และอาจร้องไห้ง่าย ซึ่งแสดงว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้า ก่อนจะวินิจฉัยว่าเป็นโรค แพทย์จะกันความวิตกกังวลเหตุยาหรือเหตุทางแพทย์อื่น ๆ ออกก่อน
ในเด็ก GAD อาจสัมพันธ์กับอาการปวดหัว อยู่ไม่สุข ปวดท้อง และหัวใจเต้นเร็ว ซึ่งปกติแล้วจะเริ่มที่อายุประมาณ 8-9 ขวบ
โรคกลัว
กลุ่มย่อยของโรควิตกกังวลที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในจำพวกความผิดปกติจากความกลัว (phobic disorders) ซึ่งรวมกรณีที่ความกลัวและความวิตกกังวลทั้งหมดจุดชนวนโดยสิ่งเร้าสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ ประชากรประมาณ 5%-12% ทั่วโลกมีโรคกลัว คนไข้ปกติจะกังวลถึงผลน่ากลัวที่เกิดจากการประสบกับสิ่งที่ตนกลัว ซึ่งอาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่สัตว์ สถานที่ ของเหลวจากร่างกาย หรือสถานการณ์อะไรบางอย่าง และจะเข้าใจว่า ตนกลัวมากโดยไม่สมกับอันตรายที่อาจมีจริง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
โรคตื่นตระหนก
สำหรับโรคตื่นตระหนก คนไข้จะกลัวแบบรุนแรงแต่ชั่วคราว บ่อยครั้งพร้อมกับอาการสั่น สับสน เวียนหัว คลื่นไส้ และ/หรือหายใจไม่ออก การเกิดของ panic attack (การจู่โจมของความตื่นตระหนก) เช่นนี้ ดังที่ให้นิยามโดยสมาคมจิตเวชอเมริกัน (APA) ว่าเป็นความกลัวหรือความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นทันทีทันใดและถึงจุดสูงสุดภายใน 10 นาที แต่สามารถดำรงอยู่ได้หลาย ชม. การจู่โจมสามารถจุดชนวนโดยความเครียด ความกลัว หรือแม้แต่การออกกำลังกาย เหตุโดยเฉพาะบางครั้งก็ไม่ชัดเจน
นอกจากจะเกิดการจู่โจมของความตื่นตระหนกที่ไม่คาดฝันและเกิดซ้ำ ๆ เกณฑ์วินิจฉัยยังบังคับว่าต้องมีผลเรื้อรังอีกด้วย คือ เป็นความกังวลถึงผลที่อาจตามมาของการจู่โจม ความกลัวอยู่ว่าจะเกิดอีก และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างสำคัญเกี่ยวกับการเกิดการจู่โจม โดยเช่นนี้ คนไข้โรคตื่นตระหนกจะมีอาการแม้นอกเหนือไปจากคราวที่มีการจู่โจม บ่อยครั้ง คนไข้จะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงการเต้นหัวใจที่เป็นปกติ แต่คิดว่า หัวใจของตนผิดปกติ หรือว่า ตนกำลังถูกจู่โจมด้วยความตื่นตระหนก ในบางกรณี ความสำนึกที่สูงขึ้น (hypervigilance) เกี่ยวกับการทำงานของร่างกายจะเกิดขึ้นในระหว่างมีการจู่โจม ที่การเปลี่ยนแปลงทางสรีรภาพที่สำนึกถึงทุกอย่างอาจทำให้คิดว่าเป็นความเจ็บป่วยที่อาจทำให้ถึงชีวิต (คือมีอาการไฮโปคอนดริเอซิสแบบรุนแรง)
โรคกลัวที่โล่ง
อาการกลัวที่โล่ง (Agoraphobia) เป็นความวิตกกังวลเรื่องอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่การหลบออกเป็นเรื่องยากหรือน่าอาย หรือว่าอาจไม่มีใครช่วยได้ อาการกลัวที่โล่งสัมพันธ์กับโรคตื่นตระหนก และบ่อยครั้งจะเริ่มด้วยความกลัวว่าจะมีการจู่โจมโดยการตื่นตระหนก (panic attack) ลักษณะที่สามัญก็คือต้องเห็นประตูหรือทางหนีอื่น ๆ ตลอดเวลา
นอกจากความกลัวแล้ว คำว่า agoraphobia บ่อยครั้งใช้หมายถึงพฤติกรรมหลีกเลี่ยงที่คนไข้บ่อยครั้งมี ยกตัวอย่างเช่น หลังจากความตื่นตระหนกในขณะขับรถ บุคคลที่มี agoraphobia อาจกังวลเรื่องขับรถแล้วก็จะหลีกเลี่ยงการขับรถ พฤติกรรมหลีกเลี่ยงเช่นนี้บ่อยครั้งมีผลเสียหายและเสริมความกลัวที่มีอยู่แล้ว
โรคกลัวการเข้าสังคม
โรคกลัวการเข้าสังคม (Social anxiety disorder, SAD) เป็นความกลัวและการหลีกเลี่ยงอย่างรุนแรง ซึ่งการถูกมองในแง่ลบโดยสาธารณชน ความอับอายต่อหน้าคนอื่น การถูกทำให้ขายหน้า และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ความกลัวอาจเป็นเฉพาะสถานการณ์ทางสังคมบางอย่าง (เช่น การพูดต่อหน้าสาธารณะ) หรือที่สามัญกว่าก็คือ การต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในสถานการณ์โดยมากหรือทั้งหมด ความกังวลอาจปรากฏเป็นอาการทางกายโดยเฉพาะ ๆ รวมทั้งหน้าแดง เหงื่อออก และพูดไม่ออก
เหมือนกับโรคกลัวอื่น ๆ คนไข้โรคนี้จะพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตนกังวล แต่ในกรณีนี้ นี่ค่อนข้างจะสร้างปัญหามาก และมีกรณีรุนแรงที่คนไข้ไม่ยอมพบกับใครเลย
ส่วน Social physique anxiety (SPA) เป็นแบบย่อยของโรคกลัวสังคม โดยคนไข้จะกังวลว่าคนอื่นพิจารณารูปร่างของตนว่าเป็นอย่างไร SPA เป็นเรื่องสามัญสำหรับวัยรุ่น โดยเฉพาะเพศหญิง
ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ
ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD) เป็นโรควิตกกังวลที่เป็นผลของประสบการณ์สะเทือนใจ ซึ่งอาจเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง เช่น การสู้รบ ภัยธรรมชาติ การถูกข่มขืน การถูกจับเป็นตัวประกัน ทารุณกรรมในวัยเด็ก การถูกเพื่อนข่มเหง และแม้แต่อุบัติเหตุที่รุนแรง นอกจากนั้น ยังอาจเกิดจากการเครียดรุนแรงเรื้อรังเป็นระยะเวลานาน ยกตัวอย่างเช่น มีทหารที่สามารถอดทนต่อการสู้รบเป็นครั้ง ๆ แต่ไม่สามารถรับมือกับการสู้รบอย่างต่อเนื่อง อาการสามัญรวมทั้งระวังมากเกินไป (hypervigilance) การเห็นภาพย้อนหลัง (flashback) พฤติกรรมหลีกเลี่ยง ความวิตกกังวล ความโกรธ และความซึมเศร้า
มีวิธีการรักษาพื้นฐานหลายอย่างสำหรับคนไข้ PTSD รวมทั้งการบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) จิตบำบัด และความสนับสนุนช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อน ๆ งานวิจัยในเรื่อง PTSD เริ่มต้นที่ทหารผ่านศึกสงครามเวียดนาม และผู้เคราะห์ร้ายจากภัยต่าง ๆ รวมทั้งภัยธรรมชาติ งานศึกษาพบว่า ระดับความรุนแรงที่ประสบในภัยพิบัติเป็นตัวพยากรณ์ PTSD ที่ดีที่สุด
โรควิตกกังวลเมื่อต้องแยก
โรควิตกกังวลเมื่อต้องแยก (Separation anxiety disorder, SepAD) เป็นความวิตกกังวลที่เกินควรและไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการจากบุคคลหรือสถานที่ ความวิตกกังวลเช่นนี้เป็นเรื่องปกติในพัฒนาการของทารกหรือเด็ก และดังนั้น เมื่อความรู้สึกนี้เกิดเกินควรหรือไม่สมควรเท่านั้นจึงจะจัดว่าเป็นโรค
โรคเกิดนี้เกิดกับผู้ใหญ่ประมาณ 7% และเด็ก 4% แต่ว่ากรณีเด็กมักจะรุนแรงกว่า ยกตัวอย่างเช่น แม้แต่การจากกันอย่างสั้น ๆ อาจจะทำให้เกิดความตื่นตระหนก
การรักษาเด็กตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยป้องกันปัญหา ซึ่งอาจรวมการฝึกพ่อแม่และครอบครัวว่าควรจะรับมือกับมันอย่างไร เพราะว่า บ่อยครั้ง พ่อแม่จะเสริมความวิตกกังวลของเด็กเพราะไม่รู้ว่าควรจะช่วยเด็กอย่างไร นอกจากการฝึกเด็กและครอบครัวแล้ว ยาบางอย่าง เช่น SSRI สามารถใช้บำบัดความวิตกกังวลเช่นนี้
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์
ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ (Situational anxiety) มีเหตุจากการเกิดสถานการณ์ใหม่หรือเปลี่ยนไป หรืออาจเกิดจากเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ทำให้บุคคลนั้นไม่ชอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามัญมาก บ่อยครั้ง บุคคลจะประสบกับความตื่นตระหนก (panic attack) หรือความวิตกกังวลอย่างรุนแรงในสถานการณ์โดยเฉพาะ ๆ และสถานการณ์เช่นนั้นอาจไม่ทำให้คนอื่นกังวลโดยประการทั้งปวง
ยกตัวอย่างเช่น บางคนอาจไม่ชอบที่ชุมชนหรือที่แคบ ๆ ดังนั้น การรอคิวในแถวแน่นยาว เช่นที่ธนาคารหรือที่ร้านค้า อาจจะทำให้กังวลอย่างรุนแรง หรือเกิดความตื่นตระหนก (panic attack) คนอื่นอาจจะกังวลเมื่อชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสำคัญ เช่น การเข้ามหาวิทยาลัย การแต่งงาน การมีลูก เป็นต้น
โรคย้ำคิดย้ำทำ
โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) ไม่ได้จัดเป็นโรควิตกกังวลในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM-5) แต่จัดใน ICD-10 และ DSM-4 รุ่นก่อนก็จัดว่าเป็นโรควิตกกังวลเหมือนกัน เป็นภาวะที่บุคคลมีความย้ำคิด (คือความคิดหรือจินตภาพที่ทำให้กังวล คงยืน และไม่ต้องการ) และ/หรือพฤติกรรมย้ำทำ (รู้สึกให้ต้องทำอะไรหรือทำพิธีกรรมที่เฉพาะเจาะจงซ้ำ ๆ) ที่ไม่ได้เกิดจากยาหรือโรคอื่น ๆ เป็นภาวะที่ทำให้เป็นทุกข์หรือมีปัญหาทางสังคม พิธีกรรมเป็นกฎเฉพาะตนที่ต้องทำเพื่อแก้ความวิตกกังวล
OCD มีผลต่อผู้ใหญ่ประมาณ 1-2% (โดยหญิงเป็นมากกว่าชาย) และต่อเด็กและวัยรุ่นเกือบ 3% คนไข้จะรู้ว่าอาการเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุผล และพยายามสู้กับทั้งความคิดและพฤติกรรม อาการสามารถสัมพันธ์กับเหตุการณ์ภายนอกที่ตนกลัว (เช่น ไฟไหม้บ้านเพราะลืมปิดเตา) หรือกังวลว่า จะทำอะไรที่ไม่สมควร ไม่ชัดเจนว่าทำไมบางคนถึงมี OCD แต่อาจมีปัจจัยทางพฤติกรรม ทางการรู้คิด ทางพันธุกรรม และทางประสาทชีววิทยา ที่เกี่ยวข้อง ปัจจัยเสี่ยงรวมทั้งประวัติครอบครัว ความเป็นโสด (ซึ่งอาจเป็นผลของโรค) การอยู่ในสถานะทางสังคมเศรษฐกิจที่สูง หรือไม่มีงานที่ให้ค่าตอบแทนทำ OCD เป็นโรคเรื้อรัง ประมาณ 20% ของคนไข้จะเอาชนะมันได้ และอีก 50% จะมีอาการอย่างน้อยลดลงโดยใช้เวลา
เหตุ
ยา
ความวิตกกังวลและความซึมเศร้าอาจมีเหตุมาจากการดื่มสุรา ซึ่งในกรณีโดยมากจะดีขึ้นเมื่องดเป็นระยะเวลานาน แม้แต่การดื่มสุราแบบพอสมควรแต่ต่อเนื่องก็อาจเพิ่มระดับความวิตกกังวลในบางคน การติดสารต่าง ๆ รวมทั้งกาเฟอีน เอทานอล (คือแอลกอฮอล์) และเบ็นโซไดอาเซพีน อาจเป็นเหตุหรือทำอาการวิตกกังวลและความตื่นตระหนกให้แย่ลง ความวิตกกังวลเกิดขึ้นอย่างสามัญในช่วงอดเหล้าและสามารถคงยืนนานถึง 2 ปี (เป็น post-acute withdrawal syndrome) โดยเกิดขึ้นใน 1/4 ของคนที่เลิกเหล้า
ในงานศึกษาปี 2531-2533 โรคในผู้ป่วยครึ่งหนึ่งที่หาหมอสุขภาพจิตที่คลินิกจิตเวชใน รพ. ประเทศอังกฤษ สำหรับปัญหาต่าง ๆ รวมทั้ง โรควิตกกังวล เช่น โรคตื่นตระหนก หรือโรคกลัวการเข้าสังคม พบว่าเป็นผลของการติดเหล้าหรือยา benzodiazepine คนไข้เหล่านี้จะกังวลเพิ่มขึ้นในช่วงอดสาร แล้วตามด้วยการหยุดความวิตกกังวล
มีหลักฐานว่าการได้รับตัวทำละลายอินทรีย์ (organic solvent) ในที่ทำงานอาจสัมพันธ์กับโรควิตกกังวล การทาสี การใช้น้ำมันขัดเงา และการปูพรม เป็นงานที่อาจได้รับตัวทำละลายอินทรีย์อย่างสำคัญ
การใช้กาเฟอีน อาจจะเป็นเหตุหรือทำให้โรควิตกกังวลแย่ลง รวมทั้งโรคตื่นตระหนก คนที่มีโรควิตกกังวลอาจจะไวต่อกาเฟอีนมาก ใน DSM-5 โรควิตกกังวลเหตุกาเฟอีน (Caffeine-induced anxiety disorder) เป็นประเภทย่อยของโรควิตกกังวลเหตุจากสารหรือยา แต่ก็ยังเป็นประเภทย่อยของโรควิตกกังวล ไม่ใช่ประเภทย่อยของโรคที่เกี่ยวกับสารหรือสารเสพติด แม้ว่าอาการจะมาจากสารที่ใช้
การใช้กัญชาก็สัมพันธ์กับโรควิตกกังวลด้วย แต่ว่า ความสัมพันธ์เป็นเช่นไรยังต้องศึกษาให้ชัดเจน
อาการทางแพทย์อื่น ๆ
บางครั้ง โรควิตกกังวลอาจเป็นผลข้างเคียงของโรคระบบต่อมไร้ท่อที่เป็นเหตุให้ระบบประสาททำงานเกิน โรคเช่น เนื้องอกแบบฟีโอโครโมไซโตมา หรืออาการไฮเปอร์ไทรอยด์
ความเครียด
โรควิตกกังวลอาจเกิดตอบสนองต่อความเครียดในชีวิต เช่น ความกังวลเรื่องการเงิน หรือความเจ็บป่วยเรื้อรัง ความวิตกกังวลสามัญในวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยต้นเพราะความเครียดในปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ภาพพจน์ในระหว่างเพื่อนฝูง และรูปร่างหน้าตา ความวิตกกังวลยังสามัญในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม และโดยนัยตรงกันข้าม บางครั้งหมอก็วินิจฉัยอาการทางกายที่คล้าย ๆ กันในผู้สูงอายุ (เช่น หัวใจเต้นเร็ว) ผิดว่าเป็นโรควิตกกังวล
กรรมพันธุ์
GAD มักจะเกิดในครอบครัว เด็กที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นโรคมีโอกาสเป็นโรคมากกว่าถึง 6 เท่า
แม้ว่าความกังวลจะเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง ในปัจจุบันมักจะในแง่ลบโดยเป็นส่วนของโรควิตกกังวล คนที่มีโรคนี้มีระบบที่อ่อนไหวมาก ดังนั้น ระบบจึงมักจะตอบสนองมากเกินไปต่อสิ่งเร้าที่ไม่อันตราย บางครั้ง โรคจะเกิดในบุคคลที่มีเหตุการณ์สะเทือนใจในวัยเด็ก โดยเริ่มแสดงความวิตกกังวลที่สูงขึ้นเมื่อเด็กดูจะมีอนาคตที่ลำบาก ในกรณีเช่นนี้ โรคเกิดขึ้นเป็นตัวพยากรณ์ว่า สิ่งแวดล้อมของบุคคลจะคงความเป็นอันตรายต่อไป
ความคงอยู่ของความวิตกกังวล
ในระดับที่ต่ำ ความวิตกกังวลไม่ใช่เรื่องไม่ดี และจริง ๆ แล้ว การตอบสนองทางฮอร์โมนต่อความวิตกกังวลมีวิวัฒนาการเพื่ออำนวยประโยชน์ คือช่วยให้มนุษย์ตอบสนองต่ออันตราย นักวิจัยในสาขาการแพทย์เชิงวิวัฒนาการเชื่อว่า การปรับตัวเช่นนี้ช่วยให้มนุษย์รู้ว่าอาจมีอันตราย แล้วปฏิบัติให้เหมาะสมเพื่อให้ปลอดภัยมากที่สุด
มีหลักฐานว่า คนที่กังวลน้อยกว่ามีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่าคนที่กังวลในระดับเฉลี่ย เพราะว่า การไร้ความกลัวสามารถนำไปสู่ความบาดเจ็บหรือความตาย นอกจากนั้นแล้ว คนไข้ที่มีทั้งโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้าปรากฏกว่า มีอัตราการตายที่ต่ำกว่าคนที่มีเพียงโรคซึมเศร้าอย่างเดียว
อาการโรควิตกกังวลที่มีหน้าที่สำคัญรวมทั้ง ความตื่นตัวสูง การเตรียมตัวเพื่อปฏิบัติการที่ดีกว่า และโอกาสน้อยลงที่จะไม่เห็นภัย ในป่า บุคคลที่อ่อนแอ เช่นคนที่บาดเจ็บหรือมีครรภ์ มีขีดเริ่มเปลี่ยนต่อความวิตกกังวลที่ต่ำกว่า ทำให้ตื่นตัวสูงกว่า ซึ่งแสดงถึงประวัติทางวิวัฒนาการอันยาวนานเกี่ยวกับการตอบสนองโดยความวิตกกังวล
ความไม่เหมือนสภาพทางวิวัฒนาการ
มีทฤษฎีว่า อัตราความวิตกกังวลที่สูงเป็นผลจากสภาพทางสังคมที่ต่างจากยุคหินเก่า ยกตัวอย่างเช่น ในยุคหิน มนุษย์ถูกเนื้อต้องตัวกันมากกว่า และมารดาจะอุ้มทารกมากกว่า ซึ่งทั้งสองล้วนเป็นกลยุทธ์ในการลดความวิตกกังวล นอกจากนั้นแล้ว ปัจจุบันมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนแปลกหน้ามากกว่า เทียบกับปฏิสัมพันธ์กับญาติสนิทในอดีต
นักวิจัยเสนอว่า การขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงวัยพัฒนา เป็นเหตุให้มีอัตราความวิตกกังวลสูง กรณีคนไข้จำนวนมากในปัจจุบันน่าจะเกิดเพราะความไม่สอดคล้องกันของสังคมปัจจุบันกับสภาพทางวิวัฒนาการ (Mismatch theory) โดยมีคำโดยเฉพาะเรียกว่า ความไม่สอดคล้องที่ทำให้เกิดโรคจิต (psychopathogical mismatch)
ตามทฤษฎีวิวัฒนาการ ความไม่สอดคล้องจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) ที่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม แต่ผิดเพี้ยนไปจากสถานะทางสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าการตอบสนองโดยความวิตกกังวลอาจจะเป็นวิวัฒนาการเพื่อช่วยในสถานการณ์ที่เป็นภัยต่อชีวิต แต่สำหรับบุคคลที่อ่อนไหวง่ายในสังคมชนตะวันตก การได้ยินข่าวร้ายอาจทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรง
มุมมองทางวิวัฒนาการอาจช่วยเสริมวิธีการรักษาใหม่สำหรับโรควิตกกังวล เพียงแค่เข้าใจว่า ความวิตกกังวลบางอย่างมีประโยชน์อาจช่วยบรรเทาความตื่นตระหนกที่สัมพันธ์กับโรคชนิดอ่อน นักวิจัยบางท่านเชื่อว่า โดยทฤษฎีแล้ว จะสามารถบรรเทาความวิตกกังวลของคนไข้ได้โดยลดความรู้สึกว่าอ่อนแอแล้วเปลี่ยนการประเมินเหตุการณ์ใหม่
กลไก
ทางชีวภาพ
ระดับที่ลดลงของกรดแกมมาอะมิโนบิวทีริก (กาบา) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของระบบประสาทกลาง มีส่วนร่วมให้เกิดความวิตกกังวล ยาแก้วิตกกังวล (anxiolytic) บางอย่างออกฤทธิ์โดยควบคุมตัวรับกาบา (GABA receptor)SSRI เป็นยาที่ปกติใช้รักษาโรคซึมเศร้ามากที่สุด แต่บ่อยครั้งก็พิจารณาว่าเป็นวิธีการรักษาอันดับแรกสำหรับโรควิตกกังวล
อะมิกดะลา
เขตสมองคืออะมิกดะลาเป็นศูนย์การประมวลความกลัวและความวิตกกังวล และงานศึกษาปี 2552 แสดงว่า มันอาจทำงานได้ไม่ดีในโรควิตกกังวล ข้อมูลประสาทสัมผัสเข้าสู่อะมิกดะลาผ่านนิวเคลียส basolateral complex (ซึ่งประกอบด้วย lateral, basal, และ accessory basal nuclei) โดยมีหน้าที่ประมวลความทรงจำเกี่ยวกับความกลัวสัมพันธ์กับประสาทสัมผัส และสื่อความอันตรายของข้อมูลไปยังระบบที่ประมวลความจำและประสาทสัมผัสอื่น ๆ ในสมอง เช่น medial prefrontal cortex และคอร์เทกซ์ประสาทสัมผัส (sensory cortices) ต่าง ๆ
เขตสำคัญอีกเขต ก็คือ central nucleus ของอะมิกดะลาที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งควบคุมการตอบสนองโดยความกลัวของสัตว์แต่ละสปีชีส์ ๆ ผ่านการเชื่อมต่อทางก้านสมอง ไฮโปทาลามัส และสมองน้อย ในคนไข้ การทำงานร่วมกันระหว่างเขตต่าง ๆ เหล่านี้ดูจะน้อยกว่า และยังพบเนื้อขาวมากกว่าใน central nucleus อีกด้วย
ความแตกต่างอีกอย่างก็คือเขตอะมิกดะลาจะทำงานร่วมกับเขต insular cortex และ cingulate cortex น้อยกว่า ซึ่งเป็นเขตที่ควบคุมความชัดเจน/ความเด่นทั่วไป (general salience) ของสิ่งเร้า และจะทำงานร่วมกับ parietal cortex และ prefrontal cortex มากกว่า ซึ่งเป็นเขตที่ควบคุม Executive functions การทำงานแบบหลังแสดงว่า เป็นกลยุทธ์ที่ใช้แทนการประมวลความวิตกกังวลที่ผิดปกติของอะมิกดะลา นักวิจัยของงานได้ให้ข้อสังเกตว่า "การทำงานคู่กันของอะมิกดะลากับ parietal cortex และ prefrontal cortex ในคนไข้ GAD อาจ...สะท้อนการใช้ระบบควบคุมการรู้คิดอย่างเป็นนิสัยเพื่อคุมความกังวลที่เกินไป" ซึ่งเข้ากับทฤษฎีการรู้คิดที่เสนอให้ลดระดับอารมณ์ด้วยความคิดสำหรับคนไข้โรคนี้
งานศึกษาทางคลินิกและกับสัตว์แสดงว่า โรควิตกกังวลมีสหสัมพันธ์กับความลำบากในการทรงร่างกาย โดยกลไกที่อาจทำงานผิดพลาดก็คือเขต parabrachial area ซึ่งเป็นโครงสร้างทางสมองที่หน้าที่อย่างหนึ่งก็คือประสานข้อมูลจากอะมิกดะลากับข้อมูลเกี่ยวกับความสมดุลของร่างกาย
การประมวลความวิตกกังวลในเขต basolateral ของอะมิกดะลามีหลักฐานว่า ทำให้เดนไดรต์ของนิวรอนในอะมิกดะลาเกิดการแบ่งสาขา (dendritic arborization) ส่วน SK2 potassium channel อำนวยการยับยั้งศักยะงานและลดการแบ่งสาขา และถ้า SK2 มีการแสดงออกเกินปกติ ระดับความวิตกกังวลในสัตว์ทดลองสามารถลดได้พร้อมกับลดระดับการหลั่งฮอร์โมน corticosterone ที่เกิดจากความเครียดโดยทั่วไป
การป้องกัน
มีความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องการป้องกันโรควิตกกังวล มีหลักฐานเบื้องต้นที่สนับสนุนการใช้การบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) และการบำบัดที่อาศัยสติ โดยปี 2556 ยังไม่มีวิธีการใดที่ได้ผลในการป้องกัน GAD ในผู้ใหญ่
การวินิจฉัย
โรควิตกกังวลมักเป็นภาวะที่เรื้อรังรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ หรืออาจเกิดแบบฉับพลันหลังมีเหตุการณ์กระตุ้น มักจะแย่ลงเมื่อเครียด และบ่อยครั้งเกิดพร้อมกับอาการทางสรีรภาพอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ เหงื่อออก กล้ามเนื้อกระตุก หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น และความดันโลหิตสูง ซึ่งในบางกรณีทำให้ล้าหรือหมดแรง
ในภาษาอังกฤษทั่วไป คำว่า "anxiety" และ "fear" มักใช้แทนกันได้ แต่ในการแพทย์ ทั้งสองมีความหมายต่างกัน คือ ความวิตกกังวล (anxiety) เป็นสภาวะทางอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ โดยไม่สามารถระบุสาเหตุได้หรือรู้สึกว่าควบคุมและหลีกเลี่ยงไม่ได้ เทียบกับ ความกลัว (fear) ซึ่งเป็นการตอบสนองทางสรีรภาพและทางอารมณ์ต่อภัยภายนอกที่ระบุได้ ส่วนคำว่า โรควิตกกังวล (anxiety disorder) รวมทั้งความกลัว (เช่นโรคกลัวต่าง ๆ) และความวิตกกังวลเข้าด้วย แบบวัดมาตรฐานทางคลินิก เช่น Taylor Manifest Anxiety Scale หรือ Zung Self-Rating Anxiety Scale สามารถใช้ตรวจจับอาการวิตกกังวล แล้วแนะว่าแพทย์ควรจะประเมินวินิจฉัยโรคเพิ่มขึ้นหรือไม่
โรควิตกกังวลมักเกิดกับความผิดปกติทางจิตอื่น ๆ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจเกิดกับคนไข้โรควิตกกังวลถึง 60% อาการของโรควิตกกังวลที่คาบเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าพอสมควร และสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกันที่สามารถจุดชนวนอาการของโรคทั้งสอง อาจช่วยอธิบายการเกิดร่วมกันของโรคในระดับสูง
งานศึกษาแสดงว่า คนที่มีประวัติโรควิตกกังวลในครอบครัว โดยเฉพาะบางชนิด เสี่ยงต่อโรคสูงกว่า
ความผิดปกทางเพศ (Sexual dysfunction) บ่อยครั้งเกิดพร้อมกับโรควิตกกังวล แต่ว่ายากที่จะกำหนดว่าความวิตกกังวลเป็นเหตุ หรือว่าทั้งสองเกิดจากเหตุเดียวกัน ลักษณะปรากฏมากที่สุดของบุคคลที่มีโรควิตกกังวลก็คือการหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ การหลั่งน้ำอสุจิเร็วไป (premature ejaculation) และอวัยวะไม่แข็ง (erectile dysfunction) ในชาย และความเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ในหญิง ความผิดปกติทางเพศสามัญเป็นพิเศษในบรรดาคนไข้โรคตื่นตระหนก คือคนที่กลัวว่าอาจเกิดอาการตื่นตระหนกในช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศ และคนไข้ PTSD
การรักษา
ทางเลือกในการรักษารวมทั้งการเปลี่ยนสไตล์ชีวิต จิตบำบัด และยา ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าจิตบำบัดหรือยามีผลดีกว่า ดังนั้น ขึ้นอยู่กับคนไข้ว่าต้องการอะไร และโดยมากจะเลือกจิตบำบัดก่อน
หมออาจเสนอให้ใช้วิธีอื่น ร่วมกับสิ่งที่เลือก หรือว่าถ้าทางเลือกแรกไม่สามารถลดอาการได้
การเปลี่ยนสไตล์ชีวิต
การเปลี่ยนสไตล์ชีวิตรวมทั้งการออกกำลังกาย ซึ่งมีหลักฐานพอสมควรว่าช่วย นอนเป็นเวลา ลดการบริโภคกาเฟอีน และหยุดสูบบุหรี่ การหยุดบุหรี่มีประโยชน์เท่ากับหรือมากกว่ายา
จิตบำบัด
การบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) มีประสิทธิผลต่อการรักษาโรควิตกกังวลและเป็นวิธีการรักษาอันดับแรก CBT ดูเหมือนจะมีประสิทธิผลเท่า ๆ กันแม้ทำทางอินเทอร์เน็ต แม้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อสุขภาพจิตดูจะมีอนาคตดี แต่ก็ยังเป็นอะไรที่เพิ่งลองใช้
หนังสือสอนให้ช่วยตัวเองสามารถมีส่วนในการรักษา
โปรแกรมอาศัยสติ ก็ปรากฏกว่ามีประสิทธิผลในการบริหารโรควิตกกังวล ไม่ชัดเจนว่าการนั่งสมาธิ/กรรมฐาน (meditation) มีผลต่อความวิตกกังวลหรือไม่ และ transcendental meditation ก็ไม่ปรากฏว่าแตกต่างจากกรรมฐานอื่น ๆ
ยา
ยาที่ใช้รักษาเป็นเบื้องต้นรวมทั้ง SSRI และ SNRI (Serotonin-norepinephrine reuptake inhibitor) สำหรับโรควิตกกังวลไปทั่ว (GAD) ไม่มีหลักฐานที่ดีว่ายากลุ่มไหนดีกว่ากลุ่มอื่น ดังนั้น ราคามักจะเป็นตัวกำหนดยาที่เลือก ส่วนยา Buspirone, quetiapine และ pregabalin ใช้รักษาเป็นอันดับสองสำหรับบุคคลที่ไม่ตอบสนองต่อ SSRI หรือ SNRI มีหลักฐานด้วยว่ายากลุ่ม benzodiazepines รวมทั้ง diazepam และคโลนะเซแพมก็มีประสิทธิผล แต่ว่า มักจะไม่ค่อยใช้เพราะมีโอกาสติด
ต้องระวังการใช้ยาในคนไข้สูงอายุ เพราะว่า มีโอกาสมีผลข้างเคียงสูงกว่าเพราะโรคอื่น ๆ การทานยาตามหมอสั่งเป็นปัญหาที่มีโอกาสมากกว่าในคนสูงอายุ เพราะว่า มีปัญหาในความเข้าใจ การมองเห็น และการจำคำสั่งของหมอได้ โดยทั่วไป ยาพิจารณาว่าไม่ช่วยในโรคกลัวโดยเฉพาะ ๆ แต่ว่า ยากลุ่ม benzodiazepine บางครั้งก็ใช้แก้คราวเกิดโรคแบบฉับพลัน
โดยปี 2550 ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิผลของยาทุกอย่างก็ยังน้อยอยู่
แพทย์ทางเลือก
มีวิธีทางเลือกหลายอย่างที่ได้ใช้บำบัดโรควิตกกังวล ซึ่งรวมทั้งสมุนไพรคาวา (Piper methylsticum) ที่ประโยชน์ดูจะมากกว่าโทษ ถ้าใช้ในระยะสั้นสำหรับคนที่วิตกกังวลแบบอ่อนหรือปานกลาง บัณฑิตยสถานแพทย์ประจำครอบครัวอเมริกัน (AAFP) แนะนำให้ใช้คาวาสำหรับคนไข้ที่มีโรควิตกกังวลแบบอ่อนหรือปานกลาง ผู้ที่ไม่ได้ดื่มเหล้าหรือใช้ยาที่ต้องผ่านกระบวนการเมแทบอลิซึมในตับ แต่ต้องการรักษาแบบ "ธรรมชาติ" ผลข้างเคียงของคาวาในการทดลองทางคลินิกมีน้อยและเป็นแบบอ่อน ๆ
ส่วน Inositol (ซึ่งมีอยู่ในอาหารมากมายโดยเฉพาะผลไม้รวมทั้งแคนตาลูปและส้ม) มีผลเล็กน้อยต่อคนไข้โรคตื่นตระหนกหรือ OCD แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอเพื่อใช้สมุนไพร St. John's wort (Hypericum perforatum), Valerian (Valeriana officinalis), หรือพืชสกุลกะทกรก (Passiflora)
สุคนธบำบัดมีหลักฐานเบื้องต้นว่ามีประโยชน์ในการลดความวิตกกังวลในคนไข้โรคมะเร็งถ้าทำกับการนวด แม้ว่าจะไม่ชัดเจนว่าเป็นเพียงแค่เพิ่มผลที่ได้จากการนวดเท่านั้นหรือไม่
เด็ก
มีวิธีการรักษาหลายอย่างที่มีหลักฐานว่ามีประสิทธิผลในการบำบัดโรควิตกกังวลในเด็ก จิตบำบัดมักจะเลือกมากกว่าการให้ยาการบำบัดโดยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม (CBT) มีหลักฐานในการรักษาโรคในเด็กและวัยรุ่น และเป็นวิธีการรักษาอันดับแรกที่ดี ยังมีการบำบัดอื่น ๆ ที่ไม่มีรากฐานจาก CBT อีกที่มีหลักฐานพอสมควรว่ามีประสิทธิผล ซึ่งเพิ่มวิธีการรักษาสำหรับคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อ CBT
เหมือนกับผู้ใหญ่ เด็กก็สามารถรักษาได้โดยจิตบำบัด, CBT, หรือ counseling การบำบัดครอบครัว (Family therapy) เป็นวิธีการรักษาอีกอย่างที่เด็กพบกับผู้รักษาพร้อมกับผู้ปกครองและพี่น้อง แม้สมาชิกครอบครัวแต่ละคนจะสามารถทำการบำบัดเดี่ยว ๆ ได้ แต่การบำบัดครอบครัวปกติเป็นรูปแบบการรักษาเป็นกลุ่ม
การบำบัดด้วยศิลปะ หรือด้วยการเล่น ก็ใช้ได้ด้วย การบำบัดด้วยศิลปะใช้บ่อยครั้งที่สุดเมื่อเด็กไม่พูด ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์สะเทือนใจหรือเพราะพิการ การร่วมกิจกรรมงานศิลป์ช่วยให้เด็กสามารถสื่อสารกับคนอื่น ซึ่งโดยวิธีอื่นอาจจะทำไม่ได้
ส่วนในการบำบัดด้วยการเล่น ก็จะให้เด็กเล่นตามใจชอบโดยผู้รักษาจะสังเกตดูเด็ก และอาจจะขัดจังหวะเป็นบางครั้งบางคราวด้วยคำถาม คำพูด หรือคำแนะนำ นี่บ่อยครั้งมีประสิทธิผลที่สุดเมื่อครอบครัวของเด็กมีบทบาทสำคัญในการรักษา
ในเด็กและวัยรุ่น ถ้าจำเป็นต้องใช้ยา ยาแก้ซึมเศร้าเช่น SSRI, SNRI, และ tricyclic antidepressant อาจมีประสิทธิผล
พยากรณ์โรค
พยากรณ์โรคจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษาของแต่ละบุคคล
แต่ถ้าเด็กไม่รักษา ก็จะมีโอกาสเสี่ยงเรียนไม่ดีที่โรงเรียน การหลีกเลี่ยงกิจกรรมสังคมที่สำคัญ และการใช้สารเสพติด เด็กโรควิตกกังวลมักจะมีโรคอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า, โรคเกี่ยวกับการรับประทาน (eating disorder), โรคซนสมาธิสั้น ทั้งแบบซน และแบบไม่ใส่ใจ
วิทยาการระบาด
ทั่วโลกโดยปี 2553 มีคนประมาณ 273 ล้าน (4.5%) ที่มีโรควิตกกังวล เป็นโรคที่สามัญในหญิง (5.2%) มากกว่าในชาย (2.8%) ในยุโรป แอฟริกา และเอเชีย อัตราการมีโรควิตกกังวลตลอดชีวิตอยู่ระหว่าง 9-16% และอัตราต่อปีที่ 4-7% แต่ในสหรัฐอเมริกา ความชุกชั่วชีวิต (lifetime prevalence) อยู่ที่ 29% และผู้ใหญ่ประมาณ 11-18% เป็นโรคทุกปี ความต่างขึ้นอยู่กับมุมมองอาการวิตกกังวลที่ต่างกันของวัฒนธรรมต่าง ๆ และสิ่งที่สังคมมองว่าเป็นพฤติกรรมปกติ โดยทั่วไปแล้ว โรควิตกกังวลเป็นอาการทางจิตเวชที่ชุกที่สุดในสหรัฐ ยกเว้น การเสพสารเสพติด (substance use disorder)
เด็ก
เหมือนกับผู้ใหญ่ เด็กก็สามารถมีโรควิตกกังวล เด็กทั้งหมดประมาณ 10-20% จะมีโรควิตกกังวลแบบเต็มตัวก่อนจะถึงอายุ 18 ปี ซึ่งทำให้โรคเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่สามัญที่สุดในเด็ก ๆ
โรควิตกกังวลในเด็กบ่อยครั้งระบุได้ยากเทียบกับในผู้ใหญ่ เพราะยากที่ผู้ปกครองจะจำแนกจากความกลัวปกติของเด็ก โดยนัยเดียวกัน โรควิตกกังวลในเด็กบางครั้งวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคซนสมาธิสั้น หรือเนื่องจากเด็กมักจะตีความอารมณ์ของตนว่าเป็นอาการทางกาย (เช่น ปวดท้อง ปวดหัว เป็นต้น) โรควิตกกังวลเบื้องต้นอาจสับสนกับโรคทางกายได้
ความวิตกกังวลในเด็กมีสาเหตุมากมาย บางครั้งมีมูลฐานทางชีวภาพ หรืออาจเป็นผลของโรคอย่างอื่น เช่น โรคออทิซึม หรือกลุ่มอาการแอสเปอร์เจอร์ เด็กที่มีพรสวรรค์บ่อยครั้งเสี่ยงต่อความวิตกกังวลเกินไปมากกว่าเด็กธรรมดา กรณีอื่น ๆ ของความวิตกกังวลมาจากเด็กที่มีประสบการณ์สะเทือนใจบางอย่าง และบางครั้ง เหตุอาจไม่สามารถระบุได้
ความวิตกกังวลในเด็กมักเป็นเรื่องที่สมกับวัย เช่น กลัวไปโรงเรียน (โดยไม่เกี่ยวกับถูกเพื่อข่มเหง) หรือไม่เก่งพอที่โรงเรียน กลัวเพื่อนไม่ยอมรับ กลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคนที่รัก เป็นต้น ดังนั้น ลักษณะที่แยกโรควิตกกังวลจากความวิตกกังวลของเด็กที่ปกติก็คือระยะเวลาและความรุนแรงที่กลัว ยกตัวอย่างเช่น เด็กเล็ก ๆ มักจะกังวลเมื่อจากคนที่รัก แต่โดยทั่วไปเมื่อถึงอายุ 6 ขวบอาการก็จะหายเอง เทียบกับเด็กโรควิตกกังวลที่อาจจะเป็นต่อไปเป็นปี ๆ ซึ่งขัดขวางพัฒนาการของเด็ก และคล้าย ๆ กัน เด็กโดยมากจะกลัวความมืดและกลัวสูญเสียพ่อแม่ในช่วงหนึ่งในวัยเด็ก แต่ความกลัวนี่จะหายไปเองโดยไม่รบกวนกิจกรรมชีวิตประจำวันมาก แต่ในเด็กโรควิตกกังวล ความกลัวความมืดหรือสูญเสียคนที่รักอาจจะเพิ่มจนกลายเป็นเรื่องหมกมุ่น ที่เด็กพยายามรับมือโดยคิดทำอะไรอย่างหมกมุ่นจนเป็นปัญหากับคุณภาพชีวิต การเริ่มมีอาการซึมเศร้าร่วมกับโรควิตกกังวลอาจเป็นตัวบ่งว่าโรคกำลังรุนแรง ทำให้เสียหาย และทำให้พิการมากขึ้นทั้งในวัยก่อนโรงเรียนหรือในวัยเข้าโรงเรียน
เด็กก็เหมือนผู้ใหญ่เพราะสามารถมีโรควิตกกังวลได้หลายประเภท รวมทั้ง โรควิตกกังวลไปทั่ว (GAD) - เด็กจะกังวลกับหลาย ๆ เรื่องอย่างคงยืน และความกังวลอาจปรับเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น หรืออาจมีมูลฐานเพียงแค่จินตนาการแต่ยังไม่ได้เกิดจริง ๆ การปลอบโยนมักจะไม่ค่อยได้ผล
โรควิตกกังวลเมื่อต้องแยก (SepAD) คือเด็กที่อายุมากกว่า 6-7 ขวบแต่มีปัญหาในการจากพ่อแม่ไปอาจจะมีโรคนี้ เด็กมักจะกลัวว่าจะเสียพ่อแม่ไปในช่วงเวลาที่จากกัน และเพราะเหตุนี้ มักจะไม่ยอมไปโรงเรียน
โรคกลัวการเข้าสังคม (social anxiety disorder) ไม่ควรสับสนกับความขี้อายหรือบุคลิกแบบสนใจต่อสิ่งภายใน (introversion) ความขี้อายบ่อยครั้งปกติ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ๆ แต่เด็กโรควิตกกังวลบ่อยครั้งอยากจะร่วมกิจกรรมทางสังคม (ไม่เหมือนกับผู้ที่มีบุคลิกแบบสนใจสิ่งภายใน) แต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่าเพื่อนจะไม่ชอบเกินเหตุ เด็กบ่อยครั้งจะบอกตัวเองว่าทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี ซึ่งอาจจะขัดกับหลักฐานที่มี และในระยะยาว อาจจะทำให้เกิดโรคกลัวสถานการณ์ทางสังคม แต่ว่า โรคชนิดนี้มักเป็นกับเด็กที่โตกว่าหรือเด็กก่อนวัยรุ่นมากกว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า โรคกลัวสังคมในเด็กอาจมีเหตุจากประสบการณ์สะเทือนใจ เช่น ไม่รู้คำตอบเมื่อครูถามในชั้นเรียน
แม้ว่าจะไม่สามัญในเด็ก โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) ก็สามารถเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราระหว่าง 2-4% และก็เหมือนผู้ใหญ่ เด็กมักจะมีความคิดเชิงไสยศาสตร์เพื่อบรรเทาความวิตกกังวล คือต้องทำพิธีกรรมอะไรบางอย่าง (บ่อยครั้งเกี่ยวกับการนับ จัดแจง หรือทำความสะอาด เป็นต้น) เพื่อ "ป้องกัน" เหตุการณ์ร้ายที่ตนรู้สึกว่ากำลังจะเกิดขึ้น แต่ไม่เหมือนกับเด็กปกติ ผู้สามารถเลิกกิจกรรมเชิงไสยศาสตร์เมื่อบอกให้เลิก แต่เด็กที่มี OCD จะไม่สามารถหยุดทำกิจกรรมเช่นนั้นได้ไม่ว่าจะขู่อย่างไร
แม้โรคตื่นตระหนก (panic disorder) จะสามัญในเด็กที่อายุมากกว่า แต่เด็กเล็ก ๆ ก็สามารถเป็นได้ด้วย และมักจะมองผิดว่าเป็นโรคทางกายอย่างอื่น เนื่องจากมีอาการทางกายที่ชัดเจน (เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก เวียนหัว คลื่นไส้ เป็นต้น) แต่อาการเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับความกลัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะความกลัวตาย และเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคตื่นตระหนก เด็กอาจพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ตนรู้สึกว่า จุดชนวนความตื่นตระหนก
เชิงอรรถและอ้างอิง
- Aspden, Peter (2012-04-21). "So, what does 'The Scream' mean?". Financial Times.
- ↑ Diagnostic and Statistical Manual of Mental DisordersAmerican Psychiatric Associati (5th ed.). Arlington: American Psychiatric Publishing. 2013. pp. 189–195. ISBN 978-0890425558.
- ↑ "Anxiety Disorders". NIMH. 2016-03. สืบค้นเมื่อ 2016-08-14. Check date values in:
|date=
(help) - ↑ Craske, MG; Stein, MB (2016-06-24). "Anxiety". Lancet (London, England). PMID 27349358.
- Schacter, DL; Gilbert, DT; Wegner, DM (2011). Psychology (2nd ed.). New York, NY: Worth.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Calleo, J; Stanley, M (2008). "Anxiety Disorders in Later Life: Differentiated Diagnosis and Treatment Strategies". Psychiatric Times. 26 (8).CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Barker, Phil (2003-10-07). Psychiatric and mental health nursing: the craft of caring. London: Arnold. ISBN 978-0-340-81026-2. สืบค้นเมื่อ 2010-12-017. Check date values in:
|accessdate=
(help) - ↑ Passer, Michael; Smith, Ronald; Holt, Nigel; Bremner, Andy; Sutherland, Ed; Vliek, Michael (2009). Psychology. McGrath Hill Education, UK: McGrath Hill.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- "Anxiety Disorders". webmd.
- Gelder, Michael; Mayou, Richard; Geddes, John, บ.ก. (2005). Psychiatry (3rd ed.). New York: Oxford University Press. p. 75.CS1 maint: uses editors parameter (link)
- Varcarolis, E (2010). Manual of Psychiatric Nursing Care Planning: Assessment Guides, Diagnoses and Psychopharmacology (4th ed.). New York: Saunders Elsevier. p. 109.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Keeton, CP; Kolos, AC; Walkup, JT (2009). "Pediatric generalized anxiety disorder: epidemiology, diagnosis, and management". Paediatric drugs. 11 (3): 171–83. doi:10.2165/00148581-200911030-00003. PMID 19445546.
- "Panic Disorder". Center for the Treatment and Study of Anxiety, University of Pennsylvania.
- Craske 2003 Gorman, 2000
- Fisher, Jane E; O'Donohue, William T (2006-07-27). Practitioner's Guide to Evidence-Based Psychotherapy. Springer. p. 754. ISBN 978-0387283692.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- The Oxford Handbook of Exercise Psychology. Oxford University Press. 2012. p. 56. ISBN 9780199930746.
- Post-Traumatic Stress Disorder and the Family. Veterans Affairs Canada. 2006. ISBN 0-662-42627-4.
- "Psychological Disorders". Psychologie Anglophone.
- Fullerton, Carol (1997). Posttraumatic Stress Disorder. Washington, D.C.: American Psychiatric Press Inc. pp. 8–9. ISBN 0-88048-751-8.
- Siegler, Robert (2006). How Children Develop, Exploring Child Develop Student Media Tool Kit & Scientific American Reader to Accompany How Children Develop. New York: Worth Publishers. ISBN 0-7167-6113-0.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- "Adult Separation Anxiety Often Overlooked Diagnosis - Arehart-Treichel 41 (13) : 30 - Psychiatr News". Psychiatric News. สืบค้นเมื่อ 2012-02-20.
- Shear, K.; Jin, R.; Ruscio, AM.; Walters, EE.; Kessler, RC. (2006-06). "Prevalence and correlates of estimated DSM-IV child and adult separation anxiety disorder in the National Comorbidity Survey Replication". Am J Psychiatry. 163 (6): 1074–1083. doi:10.1176/appi.ajp.163.6.1074. PMC 1924723. PMID 16741209. Check date values in:
|date=
(help) - Mohatt, Justin; Bennett, Shannon M.; Walkup, John T. (2014-07-01). "Treatment of Separation, Generalized, and Social Anxiety Disorders in Youths". American Journal of Psychiatry. 171 (7): 741–748. doi:10.1176/appi.ajp.2014.13101337. ISSN 0002-953X.
- "Situational Panic Attacks".
- ↑ National Collaborating Centre for Mental Health, (UK) (2006). "Obsessive-Compulsive Disorder: Core Interventions in the Treatment of Obsessive-Compulsive Disorder and Body Dysmorphic Disorder,". NICE Clinical Guidelines (31). PMID 21834191. สืบค้นเมื่อ 2015-11-21.
- ↑ Soomro, GM (2012-01-18). "Obsessive compulsive disorder". BMJ clinical evidence. 2012. PMC 3285220. PMID 22305974.
- ↑ Institute for Quality and Efficiency in Health Care (IQWiG). "Obsessive-compulsive disorder: overview". PubMed Health. Institute for Quality and Efficiency in Health Care (IQWiG). สืบค้นเมื่อ 2015-11-21.
- Evans, Katie; Sullivan, Michael J. (2001-03-01). Dual Diagnosis: Counseling the Mentally Ill Substance Abuser (2nd ed.). Guilford Press. pp. 75–76. ISBN 978-1-57230-446-8.
- Lindsay, S.J.E.; Powell, Graham E., บ.ก. (1998-07-28). The Handbook of Clinical Adult Psychology (2nd ed.). Routledge. pp. 152–153. ISBN 978-0-415-07215-1.
- Johnson, Bankole A. (2011). Addiction medicine : science and practice. New York: Springer. pp. 301–303. ISBN 978-1-4419-0337-2.
- Cohen, SI (1995-02). "Alcohol and benzodiazepines generate anxiety, panic and phobias". J R Soc Med. 88 (2): 73–77. PMC 1295099. PMID 7769598. Check date values in:
|date=
(help) - Morrow, LA; และคณะ (2000). "Increased incidence of anxiety and depressive disorders in persons with organic solvent exposure". Psychosomat Med. 62 (6): 746–750. doi:10.1097/00006842-200011000-00002. PMID 11138992.
- Scott, Trudy (2011). The Antianxiety Food Solution: How the Foods You Eat Can Help You Calm Your Anxious Mind, Improve Your Mood, and End Cravings. New Harbinger Publications. p. 59. ISBN 1-57224-926-9. สืบค้นเมื่อ 2012-10-07.
- Winston, AP (2005). "Neuropsychiatric effects of caffeine". Advances in Psychiatric Treatment. 11 (6): 432–439. doi:10.1192/apt.11.6.432.
- Hughes, RN (1996-06). "Drugs Which Induce Anxiety: Caffeine". New Zealand Journal of Psychology. 25 (1): 36–42. Check date values in:
|date=
(help) - Vilarim, MM; DM, Rocha Araujo; Nardi, AE (2011-08). "Caffeine challenge test and panic disorder: a systematic literature review". Expert Rev Neurother. 11 (8): 1185–95. doi:10.1586/ern.11.83. PMID 21797659. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Vilarim, Marina Machado; Rocha Araujo, Daniele Marano; Nardi, Antonio Egidio (2011). "Caffeine challenge test and panic disorder: A systematic literature review". Expert Review of Neurotherapeutics. 11 (8): 1185–95. doi:10.1586/ern.11.83. PMID 21797659.
- Bruce, Malcolm; Scott, N; Shine, P; Lader, M (1992). "Anxiogenic Effects of Caffeine in Patients with Anxiety Disorders". Archives of General Psychiatry. 49 (11): 867–9. doi:10.1001/archpsyc.1992.01820110031004. PMID 1444724.
- Nardi, Antonio E.; Lopes, Fabiana L.; Valença, Alexandre M.; Freire, Rafael C.; Veras, André B.; De-Melo-Neto, Valfrido L.; Nascimento, Isabella; King, Anna Lucia; Mezzasalma, Marco A.; Soares-Filho, Gastão L.; Zin, Walter A. (2007). "Caffeine challenge test in panic disorder and depression with panic attacks". Comprehensive Psychiatry. 48 (3): 257–63. doi:10.1016/j.comppsych.2006.12.001. PMID 17445520.
- American Psychiatric Association (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5). American Psychiatric Publishing. pp. 226–230. ISBN 978-0-89042-555-8.
- Kedzior, Karina Karolina; Laeber, Lisa Tabata (2014-05-10). "A positive association between anxiety disorders and cannabis use or cannabis use disorders in the general population- a meta-analysis of 31 studies". BMC Psychiatry. 14: 136. doi:10.1186/1471-244X-14-136. ISSN 1471-244X. PMC 4032500. PMID 24884989.
- Crippa, José Alexandre; Zuardi, Antonio Waldo; Martín-Santos, Rocio; Bhattacharyya, Sagnik; Atakan, Zerrin; McGuire, Philip; Fusar-Poli, Paolo (2009-10-01). "Cannabis and anxiety: a critical review of the evidence". Human Psychopharmacology: Clinical and Experimental (ภาษาอังกฤษ). 24 (7): 515–523. doi:10.1002/hup.1048. ISSN 1099-1077. PMID 19693792.
- Kantorovich, V; Eisenhofer, G; Pacak, K (2008). "Pheochromocytoma: an endocrine stress mimicking disorder". Ann. N. Y. Acad. Sci. 1148: 462–8. doi:10.1196/annals.1410.081. PMC 2693284. PMID 19120142.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Guller, U; Turek, J; Eubanks, S; Delong, ER; Oertli, D; Feldman, JM (2006). "Detecting pheochromocytoma: defining the most sensitive test". Ann. Surg. 243: 102–7. doi:10.1097/01.sla.0000193833.51108.24. PMC 1449983. PMID 16371743.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- "hyperthyroidism". medscape.
- Patel, G; Fancher, TL (2013-12-03). "In the clinic. Generalized anxiety disorder". Annals of Internal Medicine. 159 (11): ITC6-1, ITC6-2, ITC6-3, ITC6-4, ITC6-5, ITC6-6, ITC6-7, ITC6-8, ITC6-9, ITC6-10, ITC6-11, quiz ITC6-12. doi:10.7326/0003-4819-159-11-201312030-01006. PMID 24297210.
- ↑ Grinde, B (2005). "An approach to the prevention of anxiety-related disorders based on evolutionary medicine" (PDF). Preventative Medicine. 40 (6): 904–909. doi:10.1016/j.ypmed.2004.08.001. PMID 15850894.
- ↑ Bateson, M; B. Brilot; D. Nettle (2011). "Anxiety: An evolutionary approach" (PDF). Canadian Journal of Psychiatry. 56 (12): 707–715.
- ↑ Price, John S. (2003-09). "Evolutionary aspects of anxiety disorders". Dialogues in Clinical Neuroscience. 5 (3): 223–236. PMC 3181631. PMID 22033473. Check date values in:
|date=
(help) - Lydiard, RB (2003). "The role of GABA in anxiety disorders". J Clin Psychiatry. 64 (Suppl 3): 21–27. PMID 12662130.
- Nemeroff, CB (2003). "The role of GABA in the pathophysiology and treatment of anxiety disorders". Psychopharmacol Bull. 37 (4): 133–146. PMID 15131523.
- Enna, SJ (1984). "Role of gamma-aminobutyric acid in anxiety". Psychopathology. 17 (Suppl 1): 15–24. doi:10.1159/000284073. PMID 6143341.
- Dunlop, BW; Davis, PG (2008). "Combination treatment with benzodiazepines and SSRIs for comorbid anxiety and depression: a review". Prim Care Companion J Clin Psychiatry. 10 (3): 222–228. doi:10.4088/PCC.v10n0307. PMC 2446479. PMID 18615162.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Etkin, A; Prater, KE; Schatzberg, AF; Menon, V; Greicius, MD (2009). "Disrupted amygdalar subregion functional connectivity and evidence of a compensatory network in generalized anxiety disorder". Arch Gen Psychiatry. 66 (12): 1361–1372. doi:10.1001/archgenpsychiatry.2009.104. PMID 19996041.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Kalueff, AV; Ishikawa, K; Griffith, AJ (2008-01-10). "Anxiety and otovestibular disorders: linking behavioral phenotypes in men and mice". Behav. Brain Res. 186 (1): 1–11. doi:10.1016/j.bbr.2007.07.032. PMID 17822783.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Nagaratnam, N; Ip, J; Bou-Haidar, P (May–June 2005). "The vestibular dysfunction and anxiety disorder interface: a descriptive study with special reference to the elderly". Arch Gerontol Geriatr. 40 (3): 253–264. doi:10.1016/j.archger.2004.09.006. PMID 15814159.CS1 maint: uses authors parameter (link) CS1 maint: date format (link)
- Lepicard, EM; Venault, P; Perez-Diaz, F; Joubert, C; Berthoz, A; Chapouthier, G (2000-12-020). "Balance control and posture differences in the anxious BALB/cByJ mice compared to the non anxious C57BL/6J mice". Behav. Brain Res. 117 (1–2): 185–195. doi:10.1016/S0166-4328(00)00304-1. PMID 11099772. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Simon, NM; Pollack, MH; Tuby, KS; Stern, TA (1998-06). "Dizziness and panic disorder: a review of the association between vestibular dysfunction and anxiety". Ann Clin Psychiatry. 10 (2): 75–80. doi:10.3109/10401239809147746. PMID 9669539. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Balaban, CD; Thayer, JF (January–April 2001). "Neurological bases for balance-anxiety links". J Anxiety Disord. 15 (1–2): 53–79. doi:10.1016/S0887-6185(00)00042-6. PMID 11388358.CS1 maint: uses authors parameter (link) CS1 maint: date format (link)
- Mitra, R; Ferguson, D; Sapolsky, RM (2009-02-10). "SK2 potassium channel overexpression in basolateral amygdala reduces anxiety, stress-induced corticosterone secretion and dendritic arborization". Mol. Psychiatry. 14 (9): 847–855, 827. doi:10.1038/mp.2009.9. PMC 2763614. PMID 19204724.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Bienvenu, OJ; Ginsburg, GS (2007-12). "Prevention of anxiety disorders". International review of psychiatry. Abingdon, England. 19 (6): 647–54. doi:10.1080/09540260701797837. PMID 18092242. Check date values in:
|date=
(help) - Khoury, B; Lecomte, T; Fortin, G และคณะ (2013-08). "Mindfulness-based therapy: a comprehensive meta-analysis". Clin Psychol Rev. 33 (6): 763–71. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Sharma, M; Rush, SE (2014-07). "Mindfulness-based stress reduction as a stress management intervention for healthy individuals: a systematic review". J Evid Based Complementary Altern Med. 19 (4): 271–86. doi:10.1177/2156587214543143. PMID 25053754. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Patel, G; Fancher, TL (2013-12-03). "In the clinic. Generalized anxiety disorder" (PDF). Annals of Internal Medicine. 159 (11): ITC6-1, ITC6-2, ITC6-3, ITC6-4, ITC6-5, ITC6-6, ITC6-7, ITC6-8, ITC6-9, ITC6-10, ITC6-11, quiz ITC6-12. doi:10.7326/0003-4819-159-11-201312030-01006. PMID 24297210.
currently there is no evidence on the effectiveness of preventive measures for GAD in adult
- Zung, WW (1971). "A rating instrument for anxiety disorders". Psychosomatics. 12 (6): 371–379. doi:10.1016/S0033-3182(71)71479-0. PMID 5172928.
- Cameron, OG (2007-12-01). "Understanding Comorbid Depression and Anxiety". Psychiatric Times. 24 (14).
- McLaughlin, K; Behar, E; Borkovec, T (2005-08-25). "Family history of psychological problems in generalized anxiety disorder". Journal of Clinical Psychology. 64 (7): 905–918. doi:10.1002/jclp.20497. PMID 18509873.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Coretti, G; Baldi, I (2007-08-01). "The Relationship Between Anxiety Disorders and Sexual Dysfunction". Psychiatric Times. 24 (9).CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Stein, MB; Sareen, J (2015-11-19). "Clinical Practice: Generalized Anxiety Disorder". The New England journal of medicine. 373 (21): 2059–68. PMID 26580998.
- Taylor, G.; McNeill, A.; Girling, A.; Farley, A.; Lindson-Hawley, N.; Aveyard, P. (2014-02-13). "Change in mental health after smoking cessation: systematic review and meta-analysis". BMJ. 348 (feb13 1): g1151–g1151. doi:10.1136/bmj.g1151. PMC 3923980. PMID 24524926.
- Cuijpers, P; Sijbrandij, M; Koole, S; Huibers, M; Berking, M; Andersson, G (2014-03). "Psychological treatment of generalized anxiety disorder: A meta-analysis". Clinical Psychology Review. 34 (2): 130–140. doi:10.1016/j.cpr.2014.01.002. PMID 24487344. Check date values in:
|date=
(help) - Otte, C (2011). "Cognitive behavioral therapy in anxiety disorders: current state of the evidence". Dialogues in clinical neuroscience. 13 (4): 413–21. PMC 3263389. PMID 22275847.
- Pompoli, A; Furukawa, TA; Imai, H; Tajika, A; Efthimiou, O; Salanti, G (2016-04-13). "Psychological therapies for panic disorder with or without agoraphobia in adults: a network meta-analysis". The Cochrane database of systematic reviews. 4: CD011004. PMID 27071857.
- Olthuis, JV; Watt, MC; Bailey, K; Hayden, JA; Stewart, SH (2016-03-12). "Therapist-supported Internet cognitive behavioural therapy for anxiety disorders in adults". The Cochrane database of systematic reviews. 3: CD011565. PMID 26968204.
- Donker, T; Petrie, K; Proudfoot, J; Clarke, J; Birch, MR; Christensen, H (2013-11-15). "Smartphones for smarter delivery of mental health programs: a systematic review". Journal of medical Internet research. 15 (11): e247. doi:10.2196/jmir.2791. PMC 3841358. PMID 24240579.
- Mansell, Warren (2007-06-01). "Reading about self-help books on cognitive-behavioural therapy for anxiety disorders". Pb.rcpsych.org. สืบค้นเมื่อ 2012-02-20.
- Roemer, L; Williston, SK; Eustis, EH (2013-11). "Mindfulness and acceptance-based behavioral therapies for anxiety disorders". Curr Psychiatry Rep. 15 (11): 410. doi:10.1007/s11920-013-0410-3. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Lang, AJ (2013-05). "What mindfulness brings to psychotherapy for anxiety and depression". Depress Anxiety. 30 (5): 409–12. doi:10.1002/da.22081. Check date values in:
|date=
(help) - Krisanaprakornkit, T; Krisanaprakornkit, W; Piyavhatkul, N; Laopaiboon, M (2006-01-25). "Meditation therapy for anxiety disorders". The Cochrane database of systematic reviews (1): CD004998. doi:10.1002/14651858.CD004998.pub2. PMID 16437509.
- Choy, Y; Fyer, AJ; Lipsitz, JD (2007-04). "Treatment of specific phobia in adults". Clinical psychology review. 27 (3): 266–86. PMID 17112646. Check date values in:
|date=
(help) - Pittler, MH; Ernst, E (2003). Pittler, Max H (บ.ก.). "Kava extract for treating anxiety". Cochrane Database of Systematic Reviews (1): CD003383. doi:10.1002/14651858.CD003383. PMID 12535473.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Witte, S; Loew, D; Gaus, W (2005-03). "Meta-analysis of the efficacy of the acetonic kava-kava extract WS1490 in patients with non-psychotic anxiety disorders". Phytother Res. 19 (3): 183–188. doi:10.1002/ptr.1609. PMID 15934028. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Saeed, SA; Bloch, RM; Antonacci, DJ (2007-08). "Herbal and dietary supplements for treatment of anxiety disorders". Am Fam Physician. 76 (4): 549–556. PMID 17853630. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - ↑ Saeed, SA; Bloch, RM; Antonacci, DJ (2007-08-15). "Herbal and dietary supplements for treatment of anxiety disorders". American family physician. 76 (4): 549–56. PMID 17853630.
- Fellowes, D.; Barnes, K.; Wilkinson, S. (2004-01-01). "Aromatherapy and massage for symptom relief in patients with cancer". The Cochrane Database of Systematic Reviews (2): CD002287. doi:10.1002/14651858.CD002287.pub2. ISSN 1469-493X. PMID 15106172.
- ↑ Higa-McMillan, CK; Francis, SE; Rith-Najarian, L; Chorpita, BF (2015-06-18). "Evidence Base Update: 50 Years of Research on Treatment for Child and Adolescent Anxiety". Journal of Clinical Child and Adolescent Psychology: 1–23. doi:10.1080/15374416.2015.1046177. PMID 26087438.
- Kozlowska, K; Hanney, L (1999). "Family assessment and intervention using an interactive are exercise". Australia and New Zealand Journal of Family Therapy. 20 (2): 61–69. doi:10.1002/j.1467-8438.1999.tb00358.x.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- Bratton, SC; Ray, D (2002). Cain, DJ (บ.ก.). Humanistic play therapy. Humanistic psychotherapies: Handbook of research and practice. Washington, DC: American Psychological Association. pp. 369–402.CS1 maint: uses authors parameter (link) CS1 maint: uses editors parameter (link)
- Social Phobia จาก eMedicine
- Swales, Pamela J; Cassidy, Erin L; Sheikh, Javaid I. "Principles and Practice of Geriatric Psychology". Principles and Practice of Geriatric Psychiatry (2nd ed.). Stanford University School of Medicine, Department of Psychiatry and Behavioral Sciences: 555–557. doi:10.1002/0470846410.ch101. สืบค้นเมื่อ 2012-02-13.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- ↑ Vos, T; Flaxman, AD; Naghavi, M; Lozano, R; Michaud, C; Ezzati, M; Shibuya, K; Salomon, JA; Abdalla, S; และคณะ (2012-12-015). "Years lived with disability (YLDs) for 1160 sequelae of 289 diseases and injuries 1990-2010: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2010". Lancet. 380 (9859): 2163–96. doi:10.1016/S0140-6736(12)61729-2. PMID 23245607. Check date values in:
|date=
(help) - ↑ Simpson, Helen Blair, บ.ก. (2010). Anxiety disorders : theory, research, and clinical perspectives (1. publ. ed.). Cambridge, UK: Cambridge University Press. p. 7. ISBN 978-0-521-51557-3.
- Kessler, RC; Berglund, P; Demler, O; Jin, R; Merikangas, KR; Walters, EE (2005-06). "Lifetime prevalence and age-of-onset distributions of DSM-IV disorders in the National Comorbidity Survey Replication". Arch. Gen. Psychiatry. 62 (6): 593–602. doi:10.1001/archpsyc.62.6.593. PMID 15939837. Check date values in:
|date=
(help)CS1 maint: uses authors parameter (link) - Brockveld, Kelia C.; Perini, Sarah J.; Rapee, Ronald M. (2014). "6". ใน Hofmann, Stefan G.; DiBartolo, Patricia M. (บ.ก.). Social Anxiety: Clinical, Developmental, and Social Perspectives (3 ed.). Elsevier. ISBN 978-0-12-394427-6.
- Hofmann, Stefan G.; Asnaani, Anu (2010-12). "Cultural Aspects in Social Anxiety and Social Anxiety Disorder". Depress Anxiety. 27 (12): 1117–1127. doi:10.1002/da.20759. PMC 3075954. PMID 21132847. Check date values in:
|date=
(help) - Fricchione, Gregory (2004-08-12). "Generalized Anxiety Disorder". New England Journal of Medicine. 351 (7): 675–682. doi:10.1056/NEJMcp022342.
- Essau, Cecilia A. (2006). Child and Adolescent Psychopathology: Theoretical and Clinical Implications. 27 church road, Hove, East Sussex: Routledge. p. 79.CS1 maint: location (link)
- ↑ AnxietyBC. "GENERALIZED ANXIETY". AnxietyBC. AnxietyBC. สืบค้นเมื่อ 2015-06-11.
- Merrill, Anna. "Anxiety and Autism Spectrum Disorders". Indiana Resource Center for Autism. Indiana Resource Center for Autism. สืบค้นเมื่อ 2015-06-10.
- Guignard, Jacques-Henri; Jacquet, Anne-Yvonne; Lubart, Todd I. "Perfectionism and Anxiety: A Paradox in Intellectual Giftedness?". PLOS. PLOS. สืบค้นเมื่อ 2015-06-10.
- Rapee, Ronald M.; Schniering, Carolyn A.; Hudson, Jennifer L. "Anxiety Disorders During Childhood and Adolescence: Origins and Treatment" (PDF). Annual Review of Clinical Psychology.
- ↑ Shenfield, Tali. "A Primer on Child and Adolescent Anxiety". Advanced Psychology.
- von Klitzing, K; White, LO; Otto, Y; Fuchs, S; Egger, HL; Klein, AM (2014). "Depressive comorbidity in preschool anxiety disorder". J Child Psychol Psychiatr. 55: 1107–16.CS1 maint: uses authors parameter (link)
- "Separation Anxiety in Children". WebMD. WebMD. สืบค้นเมื่อ 2015-06-11.
- "SOCIAL ANXIETY DISORDER". AnxietyBC. AnxietyBC. สืบค้นเมื่อ 2015-06-11.
- Biegel, DE (1995). Maddox, GE (บ.ก.). Caregiver burden. The encyclopedia of aging (2nd ed.). New York: Springer. pp. 138–141.CS1 maint: uses authors parameter (link) CS1 maint: uses editors parameter (link)
- Boileau, B (2011). "A review of obsessive-compulsive disorder in children and adolescents". Dialogues in clinical neuroscience. 13 (4): 401–11. PMC 3263388. PMID 22275846.
- Harvard Medical School (2004a). "December). Children's fears and anxieties". Harvard Mental Health Letter. 21 (6): 1–3.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Khouzam, HR (2009-03). "Anxiety Disorders: Guidelines for Effective Primary Care. Part 1: Diagnosis". Consultant. 49 (3). Check date values in:
|date=
(help) - Khouzam, HR (2009-04). "Anxiety Disorders: Guidelines for Effective Primary Care. Part 2: Treatment". Consultant. 49 (4). Check date values in:
|date=
(help) - Vanin, John; Helsley, James (2007). Anxiety Disorders: A Pocket Guide For Primary Care. Humana Press. ISBN 978-1-58829-923-9.
- Craske, Michelle Genevieve (2003). Origins of Phobias and Anxiety Disorders: Why More Women than Men?. Amsterdam: Elsevier. ISBN 0-08-044032-0.CS1 maint: ref=harv (link)
- Schutz, Samantha (2006). I Don't Want to Be Crazy: A Memoir of Anxiety Disorder. www.samanthaschutz.net. PUSH. ISBN 978-0-439-80518-6.