ราชวงศ์สุวรรณปางคำ
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ราชวงศ์สุวรรณปางคำ หรือ เชียงรุ่งแสนหวีฟ้า เป็นราชวงศ์เจ้านายฝ่ายอีสานที่ปกครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน อุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช ยศสุนทรประเทศราช หนองคาย เขมราษฎร์ธานี อำนาจเจริญ บึงกาฬ ฯลฯ หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เป็นต้นกำเนิดเมืองต่างๆ ในภาคอีสานของประเทศไทย และต้นกำเนิดสายสกุล ณ อุบล, ณ หนองคาย ฯลฯ
พระราชอิสริยยศ | พระเจ้าผู้ครองนคร เจ้าผู้ครองนคร เจ้าประเทศราช |
---|---|
ปกครอง | นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน, อุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช, ยศสุนทรประเทศราช, เขมราษฎร์ธานี, หนองคาย, ไชยสุทธิ์อุตมบุรี, และอำนาจเจริญ |
สาขา | ณ อุบล อุปยโสธร ณ หนองคาย |
ประมุขพระองค์แรก | พระเจ้าสุวรรณปางคำ (เจ้าปางคำ) |
ประมุขพระองค์สุดท้าย | · พระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล) · พระสุนทรราชวงศา (เจ้าสุพรหม) · พระเทพวงศา (พ่วย) · พระยาวุฒาธิคุณ (เคน ณ หนองคาย) |
สถาปนา | พ.ศ. 2228 |
ล่มสลาย | พ.ศ. 2475 |
ราชวงศ์ก่อนหน้า | ไม่ปรากฏ |
การสถาปนา
ราชวงศ์สุวรรณปางคำ ได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2228 ในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง โดยเจ้าปางคำ เจ้านายเชื้อสายราชวงศ์เชียงรุ่งแสนหวีฟ้า ได้อพยพหนีภัยรุกรานของพวกจีนฮ่อบุกเข้ายึดนครเชียงรุ่ง ลงมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมหากษัตริย์อาณาจักรล้านช้าง โดยมีเจ้านายนครเชียงรุ่งที่อพยพลงมาพร้อมกันคือ เจ้าอินทกุมาร และเจ้าจันทกุมารี ซึ่งเป็นพระราชมารดาเจ้ากิ่งกิสราช ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง (พ.ศ. 2246 - 2265) และเจ้าอินทโฉม กษัตริย์อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง พระองค์ที่ 2 (พ.ศ. 2266 - 2292)
ประมาณปี พ.ศ. 2302 พระเจ้าศิริบุญสาร ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าปางคำทรงนำกำลังไพร่พลครัวนครเชียงรุ่งแสนหวีฟ้าที่ติดตามมาไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองหนองบัวลุ่มภู ซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ทรงนำไพร่พลหลวงพระบางและเวียงจันทน์มาก่อสร้างขึ้นครั้ง พ.ศ. 2106 ให้เมืองหน้าด่านของกรุงศรีสัตตนาคนหุต (เวียงจันทน์) เมื่อเจ้าปางคำได้มาถึงเมืองหนองบัวลุ่มภู ทรงเลือกหน้าทำเลที่ตั้งบ้านเมืองใหม่ บริเวณริมหนองบัวอันมีปราการทางธรรมชาติคือ เทือกเขาภูพานสูงตระหง่าน สามารถป้องกันข้าศึกศัตรู พร้อมก่อสร้างค่ายคูประตูหอรบ กำแพงคูเมืองล้อมรอบพร้อมประตูเวียงอย่างแน่นหนา สถาปนาเวียงแห่งใหม่นี้ว่า "เวียงใหม่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" แต่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกว่า "หนองบัวลุ่มภู" ซึ่งเป็นเมืองเอกเทศราชไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรใด ทรงให้ตั้งกฏบัญญัติบ้านเมืองหนองบัวลุ่มภู มีลำพระเนียงเป็นแม่น้ำสายหลักไหลหล่อเลี้ยงชาวเมือง มีพญาช้างเผือกคู่เวียง และมีเมืองหน้าด่านของนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ได้แก่ เมืองนาด้วง เมืองภูเวียง เมืองผ้าขาว เมืองพรรณา และสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็น พระเจ้าสุวรรรปางคำ ปฐมกษัตริย์ผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานพระองค์แรก และถือเป็นปฐมราชวงศ์สุวรรณปางคำตามพระนามของพระองค์ด้วย
ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์
ราชวงศ์จักรี
ราชวงศ์เชียงรุ่งแสนหวีฟ้า
- พระเจ้านครเชียงรุ่งแสนหวีฟ้า อาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง
- เจ้าอินทกุมาร
ราชวงศ์ล้านช้างหลวงพระบาง
- เจ้านางจันทกุมารี
- เจ้ากิ่งกิสราช
- เจ้าอินทโฉม
ราชวงศ์ล้านช้างเวียงจันทน์
- พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง พระองค์ที่ 32
- พระราชนัดดาในพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช
- เจ้านางแสนสีชาติ พระราชมารดาเจ้าอนุวงศ์
ราชวงศ์ล้านช้างจำปาสัก
- พระนางเภาเทวี กับเจ้านางแพง
- เจ้าอุปราชธรรมเทโว
ลำดับสายสกุลวงศ์
ชั้นที่ 1
พระเจ้าสุวรรณปางคำ (เจ้าปางคำ) ปฐมราชวงศ์สุวรรณปางคำ พระเจ้าผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (หนองบัวลุ่มภู) พระองค์ที่ 1
- พระราชนัดดาในพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช มีพระราชโอรส 2 พระองค์ คือ
- พระนางเภาเทวี แห่งนครจำปาศักดิ์ มีพระราชธิดา 1 พระองค์ คือ
- เจ้านางแพง
ชั้นที่ 2
เจ้าพระวรราชปิตา (เจ้าพระตา) เจ้าผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน พระองค์ที่ 2
- พระนางบุศดีเทวี มีพระโอรส และพระธิดา 11 องค์ คือ
- เจ้านางอูสา
- เจ้านางแสนสีชาติ โดยสันนิษฐานว่าเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าสิริบุญสาร และเป็นพระราชมารดาเจ้าอนุวงศ์ (มีในเอกสารใบลานพงศาวดารเมืองหลวงพระบาง)
- เจ้าคำผง
- เจ้าฝ่ายหน้า
- เจ้าทิดพรหม
- เจ้าโคตร
- เจ้านางมิ่ง
- เจ้าซุย
- พระศรีบริบาล
- เจ้านางเหมือนตา
- เจ้าสุ้ย ต่อมาเป็นเจ้าราชบุตรเมืองอุบลราชธานี และได้รับพระราชทานเป็นเจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานี องค์ที่ 3 แต่ถึงแก่อนิจกรรมที่กรุงเทพฯ ก่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งเจ้าผู้ครองเมือง
เจ้าพระวรราชภักดี (เจ้าพระวอ) เจ้าผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน พระองค์ที่ 3
- พระนางอรอินทร์เทวี มีพระโอรส และพระธิดา 9 องค์ คือ
- เจ้านางจันบุปผา
- เจ้าก่ำ เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 1
- เจ้านางทุมมา
- เจ้านางต่อนแก้ว
- เจ้าเสน ต่อมาเป็นเจ้าราชบุตรเมืองยศสุนทร และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่พระไชยราชวงศา เจ้าผู้ครองเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี องค์ที่ 1
- เจ้าเครือ
- เจ้าลาด
- เจ้านางปัดทำ
- เจ้าฮด
ชั้นที่ 3
เจ้าพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช องค์ที่ 1
- พระนางตุ่ย ไม่มีพระโอรส และพระธิดา
- พระนางสีดา มีพระโอรส และพระธิดา 10 องค์ คือ
- เจ้านางคำสิงห์
- เจ้านางสีดา
- เจ้าสุดตา ต่อมาเป็นเจ้าอุปราชเมืองอุบลราชธานี
- เจ้าหมาแพง ต่อมาเป็นเจ้าอุปราชเมืองยศสุนทร
- เจ้าหมาคำ
- เจ้าหำทอง
- เจ้านางสุ้ย
- เจ้ากุทอง ต่อมาเป็นที่พระพรหมราชวงศา เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช องค์ที่ 4
- เจ้านางจำปาคำ
- เจ้านางพิมพ์
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าไชย
พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช เจ้าผู้ครองอาณาจักรล้านช้างจำปาสัก องค์ที่ 3
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส และพระธิดา 5 องค์ คือ
- เจ้าคำสิงห์ ต่อมาเป็นที่พระสุนทรราชวงศา (เจ้าคำสิงห์) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 1
- เจ้าฝ่ายบุต ต่อมาเป็นที่พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าฝ่ายบุต) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 3 และเจ้าผู้ครองเมืองนครพนม
- เจ้านางแดง
- เจ้านางไทย
- เจ้านางก้อนแก้ว
พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าทิดพรหม) เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช องค์ที่ 2
- พระนางเหง้า มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าโหง่นคำ ต่อมาเป็นเจ้าราชวงศ์เมืองอุบลราชธานี
เจ้าโคตร
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าสีหาราช (พลสุข)
เจ้าราชบุตรสุ้ย เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช องค์ที่ 3
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 2 องค์ คือ
- เจ้าสิงห์
- เจ้าคำ ต่อเป็นเจ้าราชบุตรเมืองอุบลราชธานี
พระเทพวงศา (เจ้าก่ำ) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 1
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส และพระธิดา 4 องค์ คือ
- เจ้าบุญจันทร์ ต่อมาเป็นที่พระเทพวงศา (บุญจันทร์) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 2
- เจ้าบุญเฮ้า ต่อมาเป็นที่พระเทพวงศา (บุญเฮ้า) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 3
- เจ้าแดง หรือ ท้าวชำนาญไพรสณฑ์ ต่อมาเป็นที่พระกำจรจาตุรงค์ (แดง) เจ้าเมืองวารินทร์ชำราบ องค์ที่ 1
- เจ้านางหมาแพง
- ต้นสายสกุล วงศ์ปัดสา
พระไชยราชวงศา (เจ้าเสน) เจ้าผู้ครองเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี องค์ที่ 1
- หม่อมชาดา มีพระโอรส และพระธิดา 3 องค์ คือ
- เจ้านางผา สมรสกับท้าวจันทร์เพ็ง ต่อมาเป็นที่พระไชยราชวงศา (จันทร์เพ็ง) เจ้าผู้ครองเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี องค์ที่ 3
- เจ้าขัตติยะ
- เจ้าศิลา ต่อมาเป็นที่เจ้าราชบุตรเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นที่พระไชยบุราจารย์ (เจ้าศิลา) เจ้าผู้ครองเมืองไชยสุทธิ์อุตมบุรี องค์ที่ 2
- ต้นสายสกุล เสนจันทร์ฒิไชย
ชั้นที่ 4
เจ้าอุปราชสุดตา เจ้าอุปราชเมืองอุบลราชธานี
- พระนางพิมพา แห่งนครจำปาศักดิ์ มีพระโอรส และพระธิดา 13 องค์ คือ
- เจ้านางพิมพ์
- เจ้านางจำปา
- เจ้าโท ต่อมาเป็นเจ้าอุปราชเมืองอุบลราชธานี
- เจ้าอินทิสาร
- เจ้าไชยสาร
- เจ้าคูณ
- เจ้านางทุมมา
- เจ้าสุวรรณแสน (ผู้เกิดเหตุวิวาทกับเมอสิเออร์ไซแง ทหารฝรั่งเศส)
- เจ้าอินทิจักร
- เจ้านางสิมมา
- เจ้านางหล้า
- เจ้านางบัวภา
- ท้าวไกยราช (พู ทองพิทักษ์)
เจ้าอุปราชแพง เจ้าอุปราชเมืองยศสุนทร
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 5 องค์ คือ
- เจ้าสุวอธรรมา (บุญมา) ต่อมาเป็นที่พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) เจ้าเมืองหนองคาย คนที่ 1 และเป็นต้นสายสกุล ณ หนองคาย
- เจ้าสุริยะ (แข้) ต่อมาเป็นเจ้าอุปราชเมืองยศสุนทร
- เจ้ากันยา ต่อมาเป็นเจ้าราชวงศ์เมืองยศสุนทร
- เจ้าเสน หรือหลวงจุมพลภักดี ต่อมาเป็นที่พระนิคมบริรักษ์ (เสน ประทุมทิพย์) เจ้าเมืองเสลภูมินิคม คนที่ 1 และเป็นต้นสายสกุล ประทุมทิพย์
- เจ้าโพ
พระพรหมราชวงศา (เจ้ากุทอง) เจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช องค์ที่ 3
- พระนางหมาแพง มีพระโอรส และพระธิดา 4 องค์ คือ
- ท้าวโพธิสาราช (เจ้าเสือ) ต่อมาเป็นอุปราชเมืองพิบูลมังสาหาร
- ท้าวธรรมกิติกา (จูมมณี) เจ้าเมืองพิบูลมังสาหาร คนที่1
- เจ้านางคำซาว
- ท้าวสีฐาน (เจ้าสาง) ต่อมาเป็นราชวงศ์เมืองพิบูลมังสาหาร
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 2 องค์ คือ
- เจ้าสุริยวงศ์ (อ้ม) เจ้าเมืองตระการพืชผล องค์ที่ 1 หากมีหลานคือ นายกองโทเก่ง เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล อมรดลใจ
- เจ้าพรหมมา ต่อมาเป็นอุปราชเมืองตระการพืชผล
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าขัตติยะ (ผู) เจ้าเมืองพิบูลมังสาหาร องค์ที่ 2
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าปุตตะ (คำพูน) เจ้าเมืองมหาชนะชัย องค์ที่ 1 หากมีหลานคือ หลวงวัฒนวงศ์โทนุบล (โทน สุวรรณกูฏ) เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล โทนุบล
- พระพรหมราชวงศา (เจ้ากุทอง) ถือเป็นต้นสายสกุล สุวรรณกูฏ มีรองอำมาตย์ตรี พระบริคุตคามเขต (โหง่นคำ สุวรรณกูฏ) ผู้หลาน เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล
เจ้าราชวงศ์โหง่นคำ
- ไม่ปรากฏชื่อภรรยา มีบุตร 1 คน คือ
- เจ้าไชยกุมาร ต่อมาเป็นเจ้าราชวงศ์เมืองอุบลราชธานี
พระสุนทรราชวงศา (เจ้าคำสิงห์) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 1
- พระนางแก่นคำ มีพระโอรส 2 องค์ คือ
- เจ้าบุตร ต่อมาเป็นที่เจ้าอุปราชเมืองยศสุนทร และถูกเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สั่งให้ประหารชีวิตในคุกเพลิง กรณีกบฎเจ้าอนุวงศ์
- เจ้าคำ ต่อมาถูกเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สั่งให้ประหารชีวิตในคุกเพลิง กรณีกบฎเจ้าอนุวงศ์
พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าฝ่ายบุต) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 3 และเจ้าผู้ครองเมืองนครพนม
- พระนางพรหมมา มีพระโอรส 2 องค์ คือ
- เจ้าเหม็น ต่อมาเป็นที่พระสุนทรราชวงศา มหาขัติยชาติ ประเทศราชวาเวียง ดำรงรักษ์ศักดิยศไกร ศรีพิไชยสงคราม (เจ้าเหม็น) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 4
- ท้าวพระเมือง
เจ้าสีหาราช (พลสุข)
- หม่อมสุภา มีบุตร 2 คน คือ
- เจ้าสุ่ย ต่อมาเป็นเจ้าราชบุตรสุ่ย
- เจ้าคำ ต่อมาเป็นเจ้าราชบุตรคำ
เจ้าสิงห์
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส และพระธิดา 6 องค์ คือ
- เจ้านางทอง
- เจ้าสีหาราช (หมั้น)
- เจ้านางบัว
- เจ้านางจันที
- เจ้านางวันดี
- เจ้ามา
- เจ้านางสีทา
- เจ้านางแพงแสน
พระเทพวงศา (บุญจันทร์) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 2
- เจ้านางแตงอ่อน มีพระธิดา 1 องค์ คือ
- เจ้านางแท่ง ต่อมาสมรสกับท้าวธรรมกิติกา (พรหม) กรมการเมืองมุกดาหาร มีบุตร 1 คน คือ ขุนแสงพาณิชย์ (หยุย) ต้นสายสกุล แสงสิงห์แก้ว
พระเทพวงศา (บุญเฮ้า) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 3
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 2 องค์ คือ
- เจ้าบุญสิงห์ ต่อมาเป็นที่พระเทพวงศา (บุญสิงห์) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 4
- เจ้าบุญชัย ต่อมาเป็นเจ้าอุปราชเมืองวารินทร์ชำราบ
ชั้นที่ 5
เจ้าอุปราชโท
- หม่อมคำมะลุน บ้านชีทวน มีบุตร 1 คน คือ
- ท้าวจันทร์ ต่อมาเป็นที่เจ้าอุปราชจันทร์
- ท้าวเสือ ต่อมาเป็นที่พระอุบลเดชประชารักษ์ (เสือ ณ อุบล)
- ถือเป็นต้นสายสกุล ณ อุบล
ท้าวไกยราช (พู ทองพิทักษ์)
- หม่อมบา มีบุตร 1 คน คือ
- ท้าวสิทธิกุมาร (ทองดี) ต่อมาเป็นที่เจ้าราชวงศ์เมืองยศสุนทร และได้รับพระราชทานยศเป็นที่หลวงยศไกรเกรียงเดช (ทองดี โพธิ์ศรี) ยกบัตรเมืองยศสุนทร
- เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล ทองพิทักษ์
พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) เจ้าเมืองหนองคาย องค์ที่ 1
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าเคน ต่อมาเป็นที่พระยาวุฒาธิคุณวิบุลยศักดิ์ อัครสุรินทรมหินทรภักดี เจ้าเมืองหนองคาย องค์ที่ 2
พระบำรุงราษฎร์ (จูมมณี) เจ้าเมืองพิบูลมังสาหาร องค์ที่ 1
- หม่อมขิง มีบุตร และบุตรี 10 คน คือ
- นางบัวไข
- ท้าวลอด
- นางม่วง
- ท้าวมิน
- ท้าวรัตน์
- เจ้านางจวง
- ท้าวฮง
- นางหยี
- ท้าวห่วน
- นางหล้า
- หม่อมทุม มีบุตร และบุตรี 4 คน คือ
- นางอมรา
- นางแก้ว
- ท้าวบุญเฮา
- นางเลื่อน
- หม่อมดา มีบุตร 1 คน คือ
- ท้าวหำทอง
เจ้าราชบุตร (สุ่ย) เจ้าราชบุตรเมืองอุบลราชธานี
- หม่อมทอง บุตโรบล มีบุตร 2 คน คือ
- ท้าวสุรินทร์ชมภู (หมั้น บุตโรบล)
- ท้าวหนูคำ ต่อมาเป็นเจ้าราชบุตรเมืองอุบลราชธานี
เจ้าราชบุตร (คำ) เจ้าราชบุตรเมืองอุบลราชธานี
- ไม่ปรากฏชื่อภรรยา มีบุตร 1 คน คือ
- ท้าวบุญเพ็ง ต่อมาเป็นพระอุบลกิจประชากร (บุญเพ็ง บุตโรบล) กรมการเมืองอุบลราชธานี เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุลคือ บุตโรบล
เจ้าราชวงศ์ไชยกุมาร
- ไม่ปรากฏชื่อภรรยา มีบุตร 1 คน คือ
- ท้าวบุญชู ต่อมาเป็นพระอุบลการประชานิตย์ (บุญชู พรหมวงศานนท์) ผู้ว่าราชการเมืองอุบลราชธานี เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล คือ พรหมวงศานนท์
พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าเหม็น) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 4
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 1 องค์ คือ
- เจ้าสุพรหม ต่อมาเป็นที่พระสุนทรราชวงศา (เจ้าสุพรหม) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทรประเทศราช องค์ที่ 5
ท้าวพระเมือง
- หม่อมพุ้ย มีบุตร และบุตรี 3 คน คือ
- ท้าวโพธิสาร (ตา) ต่อเป็นที่หลวงยศเยศสุรามฤทธิ์ นายอำเภออุไทยยะโสธร คนที่ 2
- นางอำคา สมรสกับท้าวพรหมสวาท ท้าวไชยบัณฑิต (มี) และท้าวอึ่งตามลำดับ
- ท้าวโพธิสาร
เจ้าสีหาราช (หมั้น)
- หม่อมสุนี มีบุตร และบุตรี 4 คน คือ
- ท้าวเล็ก ต่อมาเป็นพระวิภาคย์พจนกิจ (เล็ก สิงหัษฐิต) เป็นผู้ขอรับพระราชทานนามสกุล สิงหัษฐิต
- ท้าวสี
- พระภิกษุจำปาแดง
- เด็กหญิงบุญกว้าง
พระเทพวงศา (บุญสิงห์) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 4
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส 2 องค์ คือ
- เจ้าจันทบรม (เสือ) หรือเจ้าจันทบุฮม ต่อมาเป็นที่พระอมรอำนาจ (เสือ) เจ้าเมืองอำนาจเจริญ องค์ที่ 1 และเป็นต้นสายสกุลอมรสิน และอมรสิงห์
- เจ้าขัตติยะ (พ่วย) ต่อมาเป็นที่พระเทพวงศา (พ่วย) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 5
ชั้นที่ 6
หลวงยศไกรเกรียงเดช (ทองดี โพธิ์ศรี) ยกบัตรเมืองยศสุนทร
- หม่อมแท่ง มีบุตร และบุตรี 6 คน คือ
- ขุนสุรินทร์ชมภู (สัมฤทธิ์ โพธิ์ศรี)
- นางสมนัส โพธิ์ศรี
- นางศรีทัศน์ โพธิ์ศรี
- นายรัศมี โพธิ์ศรี
- นางแก้วเกศจอมศรี โพธิ์ศรี
- นางบับพาวันดี โพธิ์ศรี
- หม่อมคูณ มีบุตร และบุตรี 2 คน คือ
- นางสร้อยสุนทร โพธิ์ศรี
- ขุนอุทานระบิล (คำสอน โพธิ์ศรี)
- หม่อมลุนลา มีบุตร และบุตรี 9 คน คือ
- นางเพ็ง โพธิ์ศรี
- นายเบ็ง โพธิ์ศรี
- นายใบ โพธิ์ศรี
- นางไตย โพธิ์ศรี
- นางไฮ โพธิ์ศรี
- นายมลัย โพธิ์ศรี
- นายมลุน โพธิ์ศรี
- นางยี่สุ่น โพธิ์ศรี
- นางสมบูรณ์ โพธิ์ศรี
- ถือเป็นต้นสายสกุล โพธิ์ศรี
พระยาวุฒาธิคุณ (เคน ณ หนองคาย) เจ้าเมืองหนองคาย องค์ที่ 2
- ไม่ปรากฏพระนามพระชายา มีพระโอรส และพระธิดา 8 องค์ คือ
- เจ้าเสือ ต่อมาเป็นที่พระยาปทุมเทวาภิบาล (เสือ ณ หนองคาย) เจ้าเมืองหนองคาย องค์ที่ 3
- เจ้าแพ ต่อมาเป็นที่พระยาวุฒาธิคุณวิบุลยศักดิ์ อัครสุรินทร์มหินทรภักดี (แพ ณ หนองคาย) เจ้าเมืองหนองคาย องค์ที่ 4 เป็นผู้เข้าขอรับพระราชทานนามสกุล ณ หนองคาย
- พระราชบุตร (สุพรหม ณ หนองคาย)
- พระบริบาลภูมิเขตร (หนูเถื่อน ณ หนองคาย)
- พระวิชิตภูมิกิจ (โพธิ์ ณ หนองคาย)
- ท้าวจันทกุมาร
- เจ้านางกุประดิษฐ์บดี (เปรี้ยง กุประดิษฐ์ ณ หนองคาย)
- เจ้านางราชามาตย์ (หนูพัน ณ หนองคาย)
ท้าวสุรินทร์ชมภู (หมั้น บุตโรบล)
- หม่อมดวงจันทร์ บุตโรบล มีบุตร และบุตรี 9 คน คือ
- นางก้อนคำ สมรสกับพระอุบลการประชานิตย์ (บุญชู พรหมวงศานนท์) ผู้ว่าราชการอุบลราชธานี
- นางอบมา สมรสกับท้าววรกิติกา (คูณ) กรมการเมืองอุบลราชธานี
- นางเหมือนตา
- นางบุญอ้ม สมรสกับท้าวอักษรสุวรรณ กรมการเมืองอุบลราชธานี
- นางหล้า
- นางดวงคำ สมรสกับรองอำมาตย์ตรี ขุนราชพิตรพิทักษ์ (ทองดี หิรัญภัทร์)
- ท่านคำม้าว โกณฺฑญฺโญ อดีตเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดสารพัดนึก จังหวัดอุบลราชธานี
- ไม่ปรากฏนาม (ถึงแก่กรรมเมื่อวัยเยาว์)
- เจ้านางเจียงคำ บุตโรบล ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์
หลวงยศเยศสุรามฤทธิ์ (ตา ไนยกุล) นายอำเภออุไทยยะโสธร คนที่ 2
- หม่อมชา มีบุตร และบุตรี 3 คน คือ
- ท้าวหลั่ง ไนยกุล
- นางออ ไนยกุล
- ท้าวสมกอ ไนยกุล
- ถือเป็นต้นสายสกุล ไนยกุล
นางอำคา
- ท้าวพรหมสวาท มีบุตรี 2 คน คือ
- นางหิน
- นางตื้อ
- ท้าวไชยบัณฑิต (มี) มีบุตร 1 คน คือ
- ท้าวจิตร ต่อมาเป็นที่พระอุดรธานีศรีโขมสาครเขตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี คนที่ 5
- ท้าวอึ่ง มีบุตร 2 คน คือ
- ท้าวชาลี
- ท้าวเอื้อ
ท้าวโพธิสาร
- หม่อมทองคำ มีบุตรี 1 คน คือ
- นางน้อย
- หม่อมมั่น มีบุตร และบุตรี 2 คือ
- นางปาน
- ท้าวบิน
พระวิภาคย์พจนกิจ (เล็ก สิงหัษฐิต)
- หม่อมคูณ พรหมวงศานนท์ มีบุตร 1 คน คือ
- เติม สิงหัษฐิต วิภาคย์พจนกิจ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือประวัติศาสตร์อีสาน และประวัติศาสตร์หัวเมืองลุ่มแม่น้ำโขง
พระเทพวงศา (พ่วย) เจ้าผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 5
- หม่อมกองคำ มีบุตรี 3 คน คือ
- นางคำผุย สมรสกับขุนแสงพาณิชย์ (หยุย แสงสิงห์แก้ว)
- นางไกรสร สมรสกับนายวิชิต กุลสิงห์
- นางแตงอ่อน สมรสกับนายโทน ปิตินันท์
- หม่อมเขียวค่อม มีบุตรและบุตรี 4 คน คือ
- ท้าวลพ
- นางเลื่อน สมรสกับเจ้าจุ้ย ณ จัมปาศักดิ์ และนายเหลี่ยม แสงสิงห์แก้ว ตามลำดับ
- ท้าวเหลี่ยม
- นางปิ่นแก้ว สมรสกับพระจักรจรูญพงศ์ (ม.ร.ว.จรูญ ปราโมช)
ชั้นที่ 7
พระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตต์ (จิตร จิตตะยโศธร) ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี คนที่ 5
- คุณหญิงหลวน มีบุตร และบุตรี 2 คน คือ
- นายจุรัช จิตตะยโศธร
- นายแพทย์เกษม จิตตะยโศธร
- นางเลื่อน มีบุตรี 1 คน คือ
- นางรวยพร จิตตะยโศธร
- นางทองสุข มีบุตร 2 คน คือ
- นายจรูญ จิตตะยโศธร
- นายจาริก จิตตะยโศธร
- คุณหญิงอุบล มีบุตร และบุตรี 8 คน คือ
- นางจิราภา จิตตะยโศธร
- นายจุทิศ จิตตะยโศธร
- นายกุลวัฒน์ จิตตะยโศธร
- นางจิตราภรณ์ จิตตะยโศธร
- นางจารุณี จิตตะยโศธร
- นางจริกา จิตตะยโศธร
- นายจิตตวัฒน์ จิตตะยโศธร
- นางเอื้องอุมา จิตตะยโศธร
- ถือเป็นต้นสายสกุล จิตตะยโศธร
นางคำผุย
- ขุนแสงพาณิชย์ (หยุย แสงสิงห์แก้ว) มีบุตร และบุตรี 11 คน คือ
- ขุนประเสริฐสรรพกิจ (เผย แสงสิงห์แก้ว)
- นางคำเบย ปลูกเจริญ
- นางชู วีระพัฒน์
- นายสวัสดิ์ แสงสิงห์แก้ว
- นายกาญจน์ แสงสิงห์แก้ว
- ศาสตราจารย์ นายแพทย์ฝน แสงสิงห์แก้ว
- นายเชาวน์ แสงสิงห์แก้ว
- นางสวาสดิ์ จันทรุกขา
- นายอุดม แสงสิงห์แก้ว
- นางนิตยา โชติดิลก
- นายอารมณ์ แสงสิงห์แก้ว
นางไกรสร
- นายวิชิต กุลสิงห์ มีบุตร และบุตรี 6 คน
- นายอุดร กุลสิงห์
- นายก้อน กุลสิงห์
- นางก้าน ยืนยาว สมรสกับ จ.ส.ต.บาล ยืนยาว
- นายก่าย กุลสิงห์
- นางหอม บุญญาจันทร์ สมรสกับนายสิน บุญญาจันทร์
- นายประมัย กุลสิงห์
นางแตงอ่อน
- นายโทน ปิตินันท์ มีบุตร 1 คน คือ
- นายประทัง ปิตินันท์
นางเลื่อน
- เจ้าจุ้ย ณ จัมปาศักดิ์ มีบุตร 1 คน คือ
- เจ้าสิริบังอร ณ จัมปาศักดิ์ สมรสกับส.ส.ทองอินทร์ ภูริพัฒน์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานีคนแรก และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
- นายเหลี่ยม แสงสิงห์แก้ว มีบุตร และบุตรี 4 คน คือ
- นายบรรลุ แสงสิงห์แก้ว
- นางสาวจตุพร แสงสิงห์แก้ว
- นายบัลลังก์ แสงสิงห์แก้ว
- นายเทอดธรรม แสงสิงห์แก้ว
นางปิ่นแก้ว
- พระจักรจรูญพงศ์ (ม.ร.ว.จรูญ ปราโมช) มีบุตร และบุตรี 5 คน คือ
- ม.ล.เจรือง ปราโมช
- ม.ล.จุไร ปราโมช
- ม.ล.จงใจ ปราโมช
- ม.ล.จำนงค์ ปราโมช
- ม.ล.จตุพร ปราโมช
ยุคภายใต้การปกครองของราชวงศ์จักรี
อนึ่งราชวงศ์สุวรรณปางคำได้อพยพหนีภัยสงครามมาหลายครั้งหลายหน และต้องสู้อดทนเพื่อความเป็นเอกวงศ์แห่งตน และความผาสุขร่มเย็นของนิกูลวงศ์อันสืบสายมาแต่พระเจ้าสุวรรณปางคำ ก็ด้วยพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แก่เหล่านิกูลพระเจ้าสุวรรณปางคำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าประเทศราช เจ้าผู้ครองเมือง เจ้าเมือง เจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ เจ้าราชบุตร และดำรงชีพอยู่ภายใต้ขอบขัณฑสีมาแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ด้วยความผาสุขสวัสดี เหล่านิกูลของพระเจ้าสุวรรณปางคำก็ได้จงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททุกรัชกาล รับราชการรับใช้ใต้พระยุคลบาทตราบเท่าจวบจนปัจจุบัน
สายสกุลราชวงศ์สุวรรณปางคำ
- ณ อุบล (พระราชทาน)
- ณ หนองคาย (พระราชทาน)
- จิตตะยโศธร (พระราชทาน)
- สุวรรณกูฏ (พระราชทาน)
- พรหมวงศานนท์ (พระราชทาน)
- โทนุบล (พระราชทาน)
- บุตโรบล (พระราชทาน)
- วิพาคย์พจนกิจ (พระราชทาน)
- รักขพันธ์ ณ หนองคาย (พระราชทาน)
- วุฒาธิวงศ์ ณ หนองคาย (พระราชทาน)
- กุประดิษฐ์ ณ หนองคาย (พระราชทาน)
- โพธิเสน ณ หนองคาย (พระราชทาน)
- วงศ์ปัดสา
- เสนจันทร์ฒิไชย
- ประทุมทิพย์
- อุปยโสธร
- ปทุมชาติ
- อมรสิงห์
- อมรสิน
- ทองพิทักษ์
- อมรดลใจ
- แสงสิงห์แก้ว
- สิงหัษฐิต
- โพธิ์ศรี
- ไนยกุล
อ้างอิง
- หม่อมอมรวงษ์วิจิตร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร). พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ. ตีพิมพ์ในประชุมพงศาวดาร ภาค 4
- บำเพ็ญ ณ อุบล และคณะ. อุบลราชธานี 200 ปี. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์, 2535.
- เติม วิภาคย์พจนกิจ ประวัติศาสตร์อีสาน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, 2513
- คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี. เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ 1. กรุงเทพฯ : สำนักธรรมเนียบนายกรัฐมนตรี, 2514.
- http://www.guideubon.com/news/view.php?t=5&s_id=1&d_id=1&page=1
- http://www.moc.go.th/opscenter/ub/Touring%20&%20Interest%20place/Toongsrimuang%20Park.htm
- http://guideubon.com/news/view.php?t=15&s_id=16&d_id=16
- http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=2494
- https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%