กองทัพเรือไทย
กองทัพเรือไทย หรือ ราชนาวีไทย (คำย่อ: ทร., อังกฤษ: Royal Thai Navy) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติการทางทหารในทะเล ลำน้ำ และพื้นที่บริเวณชายฝั่งของประเทศไทย กองทัพเรือมีจำนวนกำลังพลประจำการเป็นลำดับ 2 (รองจากกองทัพบก) ซึ่งมีเรือปฏิบัติการด้วยเรือรบกว่า 74 ลำ อากาศยานกว่า 90 เครื่อง และกำลังรบทางบกอีก 2 กองพล นับเป็นกองทัพเรือที่มีความสำคัญในลำดับต้นของภูมิภาคเอเชีย กองทัพเรือมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา และอยู่ในสังกัดของกระทรวงกลาโหม
กองทัพเรือไทย | |
---|---|
เครื่องหมายราชการของกองทัพเรือ | |
ประจำการ | 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 (114 ปี) (นับตั้งแต่การสถาปนากรมยุทธนาธิการ) |
ประเทศ | ไทย |
รูปแบบ | กองทัพเรือ |
กำลังรบ | 71,000 นาย แบ่งเป็นทหารเรือ 53,000 นาย นาวิกโยธิน 18,000 นาย |
ขึ้นกับ | กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม |
หน่วยขึ้นตรง | หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ |
กองบัญชาการ | กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ และ วังนันทอุทยาน ถนนอิสรภาพ, แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร |
สมญา | ราชนาวี, ทัพประดู่ |
สีหน่วย | สีขาว |
คำขวัญ | ร่วมเครือนาวี จักยลปฐพีไพศาล |
ค่านิยมหลัก | |
เพลงหน่วย | เพลงราชนาวี, เพลงดอกประดู่ |
วันสถาปนา | 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2449 (วันกองทัพเรือ) |
ปฏิบัติการ สำคัญ | สงครามสยาม-ฝรั่งเศส สงครามไทย-ฝรั่งเศส (ยุทธนาวีเกาะช้าง) สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามเกาหลี กบฏแมนฮัตตัน สงครามเวียดนาม ปฏิบัติการปราบปรามโจรสลัดในช่องแคบมะละกา ปฏิบัติการปราบปรามโจรสลัดโซมาเลีย |
ผู้บังคับบัญชา | |
ผู้บัญชาการ ทหารเรือ | พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน |
เครื่องหมายหน่วย | |
ธงราชนาวี | |
ธงฉานและธงชัยเฉลิมพล | |
ธงประจำ กองทัพ |
กองทัพเรือมีพื้นที่ปฏิบัติการหลักทั้งในอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ตามแนวเขตแดนระหว่างประเทศในทะเลความยาวกว่า 1,680 ไมล์ และตามแนวชายฝั่งความยาวกว่า 1,500 ไมล์ หน่วยต่าง ๆ ในสังกัดกองทัพเรือมีลักษณะการจัดโครงสร้างหน่วยที่คล้ายกับกองทัพเรือสหรัฐอเมริกามาก โดยเฉพาะในหน่วยกำลังรบ คือ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร. กร.) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร. กร.) และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.)
หน้าที่ ภารกิจ และบทบาท
กองทัพเรือมีหน้าที่เตรียมกำลังกองทัพเรือ การป้องกันราชอาณาจักร และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังกองทัพเรือตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ตลอดจนหน้าที่อื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล
จากหน้าที่ดังกล่าวทำให้กองทัพเรือมีภารกิจ คือ
- การปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
- การรักษาสิทธิและอธิปไตยของชาติทางทะเล
- การคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
- การดำรงการคมนาคมทางทะเลให้ได้อย่างต่อเนื่อง
- การช่วยเหลือและสนับสนุนการป้องกันอธิปไตยทางบก
- การสนับสนุนการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ
- การสนับสนุนการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน
บทบาทของกองทัพเรือในปัจจุบัน คือ
- การปฏิบัติการทางทหาร (Military Role) คือ การปฏิบัติการทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศในรูปแบบต่างๆ ตามสถานการณ์ที่กระทบต่ออำนาจอธิปไตยและเอกราชของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องใช้กำลังทางเรือที่เข้มแข็ง ปฏิบัติการด้วยความเฉียบพลัน รุนแรง และเด็ดขาด
- การรักษากฎหมายและช่วยเหลือ (Constabulary Role) คือ การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การรักษากฎหมายตามที่รัฐบาลมอบอำนาจ ให้ทหารเรือเป็นเจ้าหน้าที่รวม 28 ฉบับ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนและการพัฒนาประเทศ
- การสนับสนุนกิจการระหว่างประเทศ (Diplomatic Role) คือ การสนับสนุนการดำเนินนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล และใช้หรือแสดงกำลังเพื่อสนับสนุนการเจรจาต่อรอง เมื่อมีการขัดกันในผลประโยชน์ของชาติหรือเหตุการณ์วิกฤติที่กระทบต่อผลประโยชน์ของชาติโดยตรง
ประวัติ
กองทัพเรือมีกำเนิดควบคู่มากับการสร้างอาณาจักรไทยนับตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี กองทัพไทยในสมัยเดิมนั้นมีเพียงทหารเหล่าเดียวมิได้แบ่งแยกออกเป็นกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ อย่างเช่นในสมัยปัจจุบัน หากยาตราทัพไปทางบกก็เรียกว่า ทัพบก หากยาตราทัพไปทางเรือก็เรียกว่า ทัพเรือ การจัดระเบียบการปกครองบังคับบัญชากองทัพไทยในยามปกติยังไม่มีแบบแผนที่แน่นอน ในยามศึกสงครามได้ใช้ทหารทัพบกและทัพเรือรวม ๆ กันไป ในการ ยาตราทัพเพื่อทำศึกสงครามภายในอาณาจักรหรือนอกอาณาจักร ก็มีความจำเป็นต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการลำเลียงทหารและเครื่องศัสตราวุธ เรือนอกจากจะสามารถลำเลียงเสบียงอาหารได้คราวละมาก ๆ แล้ว ยังสามารถลำเลียงอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ ไปได้สะดวกและรวดเร็วกว่าทางบกด้วย จึงนิยมยกทัพไปทางเรือจนสุดทางน้ำแล้วจึงยกทัพต่อไปทางบก กิจการทหารเรือดำเนินไปเช่นนี้จนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
พ.ศ. 2394 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กิจการทหารเรือเริ่มแบ่งออกมาชัดเจน และแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหลวง (ทหารมะรีนสำหรับเรือรบ) ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหม และทหารเรือวังหน้า ขึ้นตรงกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทหารเรือวังหน้ามีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสาจาม และกองทะเล (บางทีเรียกว่ากองกะลาสี) ส่วนกรมอรสุมพลมีหน่วยขึ้นในสังกัด คือ กรมเรือกลไฟ กรมอาสามอญ และกรมอาสาจาม ซึ่งทหารทั้งสองหน่วยนี้เป็นอิสระจากกัน
พ.ศ. 2408 ในสมัยต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปกครองประเทศยังเป็นระบบจตุสดมภ์อยู่โดยมีกรมพระกลาโหมว่าการฝ่ายทหาร ในขณะนั้นกิจการฝ่ายทหารเรือแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ทหารเรือวังหน้า หรือทหารเรือฝ่ายพระราชวังบวร ขึ้นตรงกับกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) และทหารเรือวังหลวง หรือกรมอรสุมพล ขึ้นตรงกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และต่อมาในปี พ.ศ. 2412 ขึ้นตรงกับเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม
พ.ศ. 2415 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูหัว ได้ทรงปรับปรุงหน่วยทหารในกองทัพขึ้นใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 9 หน่วย โดยในส่วนของทหารเรือวังหลวง คือ กรมทหารเรือพระที่นั่ง (เวสาตรี) และกรมอรสุมพล
พ.ศ. 2428 กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จทิวงคต ทหารเรือวังหน้าได้ถูกยุบเลิกไป จึงทำให้ทหารเรือในขณะนั้นมี 2 ส่วน คือ กรมทหารเรือพระที่นั่ง ขึ้นตรงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนกรมอรสุมพล ขึ้นตรงกับเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ สมุหพระกลาโหม
8 เมษายน พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาทั่วไปในกรมทหาร (Commander-in-chief) ตาม โบราณราชประเพณี เพื่อให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพระหว่างหน่วยทหารต่าง ๆ พร้อมกับประกาศจัดการทหาร โดยจัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น ซึ่งเป็นการรวมกองทหารบกและกองทหารเรือเอาไว้ด้วยกัน ทั้งหมด ขึ้นตรงกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร แต่ในระหว่างที่ยังทรงพระเยาว์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นผู้แทนผู้บังคับบัญชาการทั่วไปในกรมทหาร สำหรับกองทหารเรือทรงตั้ง นายพลเรือโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เป็นเจ้าพนักงานใหญ่ผู้ช่วยบัญชาการทหารเรือ (Secretary to the Navy) มีหน้าที่ คือ ให้จัดการทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายข้อบังคับทหารเรือ จำนวนผู้คนในทหารเรือ การฝึกหัดทหารเรือ เรือรบหลวง และพาหนะทางเรือ
1 เมษายน พ.ศ. 2433 ได้มีการยกเลิกประกาศจัดการทหาร พ.ศ. 2430 และได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการกรมยุทธนาธิการขึ้นแทน โดยให้เรียกกรมยุทธนาธิการใหม่ว่ากระทรวงยุทธนาธิการ (Ministry of War and Marine) แบ่งออกเป็น 2 กรม คือ กรมทหารบกและกรมทหารเรือ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายพลโท พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ (Chief Staff of the Navy) และแบ่งส่วนราชการออกเป็นกรมกลาง กองบัญชีเงิน กรมคลังพัสดุทหารเรือ กองเร่งชำระ กรมคุกทหารเรือ กรมอู่ กรมช่างกล โรงพยาบาลทหารเรือ ทหารนาวิกโยธิน เรือรบหลวงและเรือพระที่นั่งประจำการ
พ.ศ. 2435 ได้มีการจัดระเบียบการปกครองแผ่นดินใหม่ และยกเลิกการปกครองแบบจตุสดมภ์ กำหนดให้มีกระทรวงในราชการ โดยกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ปกครองบรรดาหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วพระราชอาณาจักร เป็นผลให้กระทรวงกลาโหม ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการปกครองทางหัวเมือง คงมีหน้าที่เกี่ยวกับราชการทหารอย่างเดียว จึงได้โอนกรมทหารเรือมาขึ้นกับกระทรวงกลาโหม
11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนฐานะกรมทหารเรือเป็นกระทรวงทหารเรือ และในวันเดียวกันนั้นก็ได้ประกาศแต่งตั้งจอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกระทรวงทหารเรือกับกระทรวงทหารบกเป็นกระทรวงเดียวกัน ภายใต้นามกระทรวงกลาโหม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เป็นผลทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบกระเทือนดังกล่าวนี้ด้วย ทำให้ฐานะทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะตกต่ำ จำเป็นต้องพิจารณาตัดทอนรายจ่ายของประเทศให้น้อยลงให้สมดุลกับรายได้ เป็นผลทำให้มีการปรับปรุงการจัดระเบียบราชการใหม่ด้วย โดยแต่งตั้งให้นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร เสนาบดีกระทรวงทหารเรือเดิมเป็นเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ กองทัพเรือถูกลดฐานะเป็นเพียงกรมทหารเรือเช่นเดิม กรมต่างๆ ของทหารเรือลดฐานะมาเป็นกองทั้งหมด เว้นแต่กรมเสนาธิการทหารเรือเท่านั้น นอกจากนั้นส่วนราชการของทหารเรือบางส่วนซึ่งได้เอาไปรวมกับฝ่ายทหารบกก็กลับมาสังกัดอยู่ในกรมทหารเรือตามเดิม
30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อกรมทหารเรือเป็นกองทัพเรือ ให้เป็นการสอดคล้องกับการเรียกชื่อส่วนรวมของทหารบกว่ากองทัพบก และขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น 4 ส่วน คือ กรมเสนาธิการทหารเรือ กองเรือรบ สถานีทหารเรือกรุงเทพ กรมอู่ทหารเรือ กรมสรรพาวุธทหารเรือ และกรมอุทกศาสตร์
พ.ศ. 2510 พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2521 ได้มีการแบ่งส่วนราชการกองทัพเรือออกเป็น 25 หน่วย ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ส่วนราชการกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2510 พ.ศ. 2519 และ พ.ศ. 2521 นอกจากนั้นเพื่อความสะดวก ทางกองทัพเรือได้จัดกลุ่มหน่วยราชการทั้ง 25 หน่วยขึ้นเป็น 5 ส่วนราชการ คือ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ ส่วนการศึกษา และส่วนกิจการพิเศษ
13 กรกฎาคม พ.ศ. 2528 ได้มีการเพิ่มกรมการขนส่งทหารเรือขึ้นในส่วนยุทธบริการ และเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนายทหารเรือเป็นสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง
15 เมษายน พ.ศ. 2530 จัดตั้งสำนักงานตรวจบัญชีทหารเรือเพิ่มเติม
พ.ศ. 2538 ได้มีการจัดส่วนราชการใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2538 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2540 โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น 35 หน่วย และจัดเป็นกลุ่มส่วนราชการ 4 ส่วน คือ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษา
1 เมษายน พ.ศ. 2552 ได้มีการจัดส่วนราชการใหม่ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2552. โดยแบ่งส่วนราชการออกเป็น 36 หน่วย และจัดเป็นกลุ่มส่วนราชการ 4 ส่วน คือ ส่วนบัญชาการ ส่วนกำลังรบ ส่วนยุทธบริการ และส่วนการศึกษาและวิจัย ทั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ ในส่วนบัญชาการ ได้เปลี่ยนชื่อกรมสื่อสารทหารเรือเป็นกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ และสำนักงานตรวจบัญชีทหารเรือเป็นสำนักงานตรวจสอบภายในทหารเรือ รวมทั้งจัดตั้งส่วนราชการใหม่เพิ่มเติม คือ สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ และสำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ ในส่วนกำลังรบ ได้ยุบกองเรือป้องกันฝั่ง และจัดตั้งส่วนราชการใหม่ คือ ทัพเรือภาคที่ 1 2 และ 3 รวมทั้งปรับลดฐานทัพเรือสงขลาและพังงาจากหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือไปเป็นหน่วยขึ้นตรงทัพเรือภาคที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ในส่วนยุทธบริการ ได้ย้ายสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือไปอยู่ในส่วนการศึกษาและวิจัยแทน และให้กรมอุทกศาสตร์มาอยู่ในส่วนยุทธบริการ สำหรับในส่วนการศึกษาและวิจัย ได้มีการยุบสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง
โครงสร้างหน่วยงาน
ส่วนบัญชาการ | ส่วนกำลังรบ | ส่วนยุทธบริการ | ส่วนการศึกษาและวิจัย |
|
|
|
|
กำลังพล
กำลังพลหลัก มีดังต่อไปนี้ คือ
- ทหารประจำการ หมายความว่า ทหารซึ่งรับราชการตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนดซึ่งไม่ใช่ทหารกองประจำการ หรือ หมายถึง ข้าราชการทหาร ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 มีดังต่อไปนี้
- นายทหารสัญญาบัตรประจำการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งมีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม โดยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือ มีหน้าที่ผลิตนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งจะได้จากนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ที่เมื่อจบหลักสูตร 2 ปีจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว (วิทยฐานะ ม.6) จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรือเป็นเวลา 5 ปี (จากการอนุมัติปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนทหาร ของสภาการศึกษากลาโหม เมื่อ ปี พ.ศ. 2558) โดยในระหว่างนั้นจะมีการให้นักเรียนนายเรือเลือกพรรคและเหล่าที่ต้องการ เมื่อจบหลักสูตรแล้ว (วิทยฐานะปริญญาตรี ทางวิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) ได้รับพระราชทานยศทหารเป็น "เรือตรี" บรรจุเป็นข้าราชการทหาร และได้รับพระราชทานกระบี่ สามารถปฏิบัติงานตามพรรคและเหล่าที่เลือก
- นายทหารพรรคนาวิน ถือเป็นกำลังพลหลักที่จะได้ปฏิบัติงานในหน่วยต่างๆ ของกองเรือยุทธการ โดยเฉพาะการประจำในเรือรบของกองเรือต่าง ๆ แต่ทั้งนี้นายทหารจะต้องผ่านหลักสูตรการฝึกสั้นๆ ที่กองการฝึก กองเรือยุทธการ (กฝร.) ก่อนปฏิบัติงานจริง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นกำลังพลในหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งด้วย
- นายทหารพรรคกลิน ซึ่งจะเป็นวิศวกรไฟฟ้า วิศวกรเครื่องกลและเครื่องกลเรือ จะคล้ายกันเพียงแต่มีจำนวนน้อยกว่าเน้นการทำงานด้านซ่อมบำรุงและออกแบบ
- นายทหารพรรคนาวิกโยธิน จะเป็นกำลังพลรบหลักทางบกสำหรับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
- นายทหารสัญญาบัตรสายแพทย์และพยาบาล ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (สมทบ), วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ผลิตนายทหารสัญญาบัตรเหล่าแพทย์
- บุคคลพลเรือนซึ่งมีคุณวุฒิปริญญาตรีหรือเทียบเท่าขึ้นไปสมัครสอบคัดเลือกและได้รับการบรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตรพรรคพิเศษ
- นายทหารชั้นประทวนที่ได้ปรับเลื่อนชั้นวิทยฐานะ
- นายทหารประทวนประจำการ หมายถึง นายทหารประทวนซึ่งมีตำแหน่งราชการในกระทรวงกลาโหม โดยสำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนชุมพลทหารเรือ มีหน้าที่ผลิตนายทหารชั้นประทวน พรรคนาวิน เหล่าสามัญ การปืน สรรพาวุธ และพรรคกลิน หรือ โรงเรียนสายวิชาชีพเฉพาะทาง เช่น โรงเรียนพยาบาลทหารเรือ ผลิตนายทหารประทวนสายพยาบาล โรงเรียนนาวิกโยธิน โรงเรียนพลาธิการ โรงเรียนไฟฟ้าและสื่อสาร โรงเรียนขนส่ง และโรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ หรือ บุคคลพลเรือนซึ่งมีคุณวุฒิต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่าสมัครสอบคัดเลือกและได้รับการบรรจุเป็นนายทหารประทวนพรรคพิเศษ
- นายทหารสัญญาบัตรประจำการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งมีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม โดยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือ มีหน้าที่ผลิตนายทหารชั้นสัญญาบัตร ซึ่งจะได้จากนักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพเรือ ที่เมื่อจบหลักสูตร 2 ปีจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว (วิทยฐานะ ม.6) จะเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนนายเรือเป็นเวลา 5 ปี (จากการอนุมัติปรับปรุงหลักสูตรโรงเรียนทหาร ของสภาการศึกษากลาโหม เมื่อ ปี พ.ศ. 2558) โดยในระหว่างนั้นจะมีการให้นักเรียนนายเรือเลือกพรรคและเหล่าที่ต้องการ เมื่อจบหลักสูตรแล้ว (วิทยฐานะปริญญาตรี ทางวิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) ได้รับพระราชทานยศทหารเป็น "เรือตรี" บรรจุเป็นข้าราชการทหาร และได้รับพระราชทานกระบี่ สามารถปฏิบัติงานตามพรรคและเหล่าที่เลือก
- ทหารกองประจำการ หมายความว่า ผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนกองประจำการ และได้เข้ารับราชการในกองประจำการจนกว่าจะได้ปลด (มาตรา 4 (3) แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497)
- กำลังพลสำรอง หมายถึง กำลังที่มิใช่กำลังประจำการและกำลังกองประจำการ (ที่ปลดเป็นกองหนุนแล้ว) เตรียมไว้สำหรับใช้ในยามสงคราม, ยามประกาศกฎอัยการศึก, ยามภาวะฉุกเฉินหรือในยามปฏิบัติการด้วยกำลังทหารขนาดใหญ่ เพื่อปกป้องคุ้มครองรักษาเอกราช และอธิปไตยของชาติ เพื่อปราบปรามคอมมิวนิสต์ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงภายในประเทศ (หน้า 58-59 หนังสือคู่มือนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3) ซึ่งประกอบด้วยกำลังต่าง ๆ ดังนี้
- นายทหารสัญญาบัตรนอกกอง หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ (โอนไปรับราชการในกระทรวงอื่น)
- นายทหารสัญญาบัตรกองหนุน หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ (ผู้ที่เคยเป็นนายทหารสัญญาบัตรประจำการและได้ลาออกจากราชการทหารไปแล้ว (มีเบี้ยหวัด) หรือ นายทหารสัญญาบัตรที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (ไม่มีเบี้ยหวัด)) คือ นักศึกษาวิชาทหาร ที่สำเร็จชั้นปีที่ 5 ในส่วนของกองทัพเรือ และได้รับการแต่งตั้งยศทหารเป็น ว่าที่เรือตรี (แล้วปลดเป็นนายทหารกองหนุน ไม่มีเบี้ยหวัด) ซึ่งเป็นกำลังพลสำรองระดับชั้นสัญญาบัตรที่กองทัพเรือได้ผลิตขึ้นโดยรับสมัครผู้มีคุณสมบัติที่กำหนดตามระเบียบของกระทรวงกลาโหม และกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร กองทัพเรือจึงได้อนุมัติจัดตั้งกองการกำลังพลสำรอง สังกัดกรมกำลังพลทหารเรือ เพื่อทำหน้าที่ในการพัฒนาและผลิตกำลังพลสำรองของกองทัพเรือให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบกำลังสำรองของกองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อสำเร็จตามหลักสูตรแล้วปลดเป็นกองหนุน โดยกำหนดช่วงอายุเป็นเกณฑ์ คือ
ยศ (ว่าที่) ร.ต.- ร.อ. อายุไม่เกิน 45 ปี
ยศ (ว่าที่) น.ต.- น.ท. อายุไม่เกิน 50 ปี
ยศ (ว่าที่) น.อ. - นายพล อายุไม่เกิน 55 ปี
เมื่อครบกำหนดช่วงอายุตามชั้นยศแล้ว จะปลดเป็น นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ และ นายทหารสัญญาบัตรพ้นราชการ ไปตามลำดับ
- นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ โดยถืออายุไม่เกินกำหนด คือ
ยศ (ว่าที่) ร.ต.- ร.อ. อายุไม่เกิน 55 ปี
ยศ (ว่าที่) น.ต.- น.ท. อายุไม่เกิน 60 ปี
ยศ (ว่าที่) น.อ. - นายพล อายุไม่เกิน 65 ปี
- นายทหารสัญญาบัตรพ้นราชการ หมายถึง นายทหารสัญญาบัตรซึ่งไม่มีตำแหน่งราชการประจำในกระทรวงกลาโหม และกระทรวงกลาโหมสั่งให้เป็นนายทหารสัญญาบัตรประเภทนี้ โดยถูกปลดและถูกถอดยศ หรือ มีอายุพ้นเกณฑ์นายทหารสัญญาบัตรนอกราชการ คือ
ยศ (ว่าที่) ร.ต.- ร.อ. อายุเกิน 55 ปี
ยศ (ว่าที่) น.ต.- น.ท. อายุเกิน 60 ปี
ยศ (ว่าที่) น.อ. - นายพล อายุเกิน 65 ปี
- นายทหารประทวนกองหนุน หมายถึง นายทหารประทวนที่ปลดจากประจำการ (ลาออกจากราชการทหาร) แต่ยังอยู่ในชั้นกองหนุน หรือ นักศึกษาวิชาทหารซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร (นักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 3) และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นทหารกองหนุนตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และได้รับการแต่งตั้งยศเป็นนายทหารประทวน ซึ่งยังอยู่ในชั้นกองหนุน ดังนั้น การฝึกนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ในส่วนของกองทัพเรือจึงเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 ณ ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยผู้ที่จะเข้าเป็นนักศึกษาวิชาทหารในส่วนของกองทัพเรือนั้น จะต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออกเท่านั้น (ชลบุรี,ระยอง,จันทบุรี และ ตราด) ซึ่งระเบียบการนี้จะมีผลเข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะต้องการกำลังพลที่อาศัยอยู่ภูมิลำเนาขั้นต้น และมีความเข้าใจถึง ภูมิประเทศ สังคม และวัฒนธรรมท้องถิ่น
- นายทหารประทวนพ้นราชการ หมายถึง นายทหารประทวนซึ่งอยู่ในชั้นกองหนุนครบ 23 ปี นับจากวันปลดจากกองประจำการ
- พลทหารกองหนุน และ จ.ต.กองประจำการ กองหนุน หมายถึง ทหารที่ปลดจากกองประจำการโดยรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนดตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 หรือ ทหารที่ปลดจากกองประจำการโดยรับราชการในกองประจำการยังไม่ครบกำหนด แต่ต้องจำขัง หรือมีโทษจำคุกกำหนดวันที่ต้องลงทัณฑ์ หรือต้องโทษรวมได้ไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือทหารกองประจำการผู้ใด ซึ่งกระทรวงกลาโหมเห็นว่าจะกระทำการเสื่อมเสียให้แก่ราชการทหารด้วยประการใด ๆ แล้วปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ก็ได้ หรือ ทหารกองเกินซึ่งมีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์ เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 หรือ นักศึกษาวิชาทหารซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหารและได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นทหารกองหนุนตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารประทวน
- พลทหารพ้นราชการ หมายถึง ทหารกองหนุนประเภทที่ 1 ซึ่งอยู่ในชั้นกองหนุนครบ 23 ปี นับจากวันปลดจากกองประจำการ หรือ ทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ที่มีอายุครบ 46 ปี บริบูรณ์ หรือ พลทหารกองประจำการที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้ หรือ ทหารกองหนุนที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้ หรือ ทหารกองเกินที่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคซึ่งไม่สามารถรับราชการทหารได้
ยศทหารเรือไทย
ชื่อยศ (ไทย) | อักษรย่อ (ไทย) | ชื่อยศ (อังกฤษ) | อักษรย่อ (อังกฤษ) | ชื่อยศ (ไทย) | อักษรย่อ (ไทย) | ชื่อยศ (อังกฤษ) | อักษรย่อ (อังกฤษ) | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1. ชั้นสัญญาบัตร | 2. ชั้นประทวน | |||||||
1.1 จอมพลเรือ | - | Admiral of the Fleet | - | 2.1 พันจ่าเอก | พ.จ.อ. | Chief Petty Officer First Class | CPO1 | |
1.2 พลเรือเอก | พล.ร.อ. | Admiral | ADM | 2.2 พันจ่าโท | พ.จ.ท. | Chief Petty Officer Second Class | CPO2 | |
1.3 พลเรือโท | พล.ร.ท. | Vice Admiral | VADM | 2.3 พันจ่าตรี | พ.จ.ต. | Chief Petty Officer Third Class | CPO3 | |
1.4 พลเรือตรี | พล.ร.ต. | Rear Admiral | RADM | 2.4 จ่าเอก | จ.อ. | Petty Officer First Class | PO1 | |
1.5 นาวาเอก (พิเศษ) | น.อ. (พิเศษ) | Special Captain | SPEC CAPT | 2.5 จ่าโท | จ.ท. | Petty Officer Second Class | PO2 | |
1.6 นาวาเอก | น.อ. | Captain | CAPT | 2.6 จ่าตรี | จ.ต. | Petty Officer Third Class | PO3 | |
1.7 นาวาโท | น.ท. | Commander | CDR | 3. ทหารกองประจำการ | ||||
1.8 นาวาตรี | น.ต. | Lieutenant Commander | LCDR | 3.1 พลทหาร | พลฯ | Seaman | - | |
1.9 เรือเอก | ร.อ. | Lieutenant | LT | 4. นักเรียนทหาร | ||||
1.10 เรือโท | ร.ท. | Lieutenant Junior Grade | LT JG | 4.1 นักเรียนนายเรือ | นนร. | Naval Cadet | - | |
1.11 เรือตรี | ร.ต. | Sub Lieutenant | SUB LT | 4.2 นักเรียนจ่าทหารเรือ | นรจ. | Naval Rating Student | NRS. |
เหล่าทหารเรือไทย
พรรคนาวิน (นว.) General Line | พรรคกลิน (กล.) Engineering Line | พรรคนาวิกโยธิน (นย.) Marine Corps | พรรคพิเศษ (พศ.) Staff (Special Corps) |
---|---|---|---|
เหล่าทหารการปืน (ป.) Gunner's Mate | เหล่าทหารไฟฟ้า (ฟ.) Electrician Corps | เหล่าทหารราบ (ร.) Infantry | เหล่าทหารสารบรรณ (สบ.) Yeoman (Administration) |
เหล่าทหารอาวุธใต้น้ำ (ด.) Torpedoman's Mate | เหล่าทหารเครื่องกล (ย.) Engine Corps | เหล่าทหารปืนใหญ่ (ป.) Artillery | เหล่าทหารพลาธิการ (พธ.) Supply Corps |
เหล่าทหารสามัญ (ส.) Quartermaster and Coxswain | เหล่าทหารช่าง (ช.) Corps of Engineer | เหล่าทหารการเงิน (กง.) Finance Corps | |
เหล่าทหารสัญญาณ (ญ.) Signal Corps | เหล่าทหารสื่อสาร (สส.) Signal Corps | เหล่าทหารพระธรรมนูญ (ธน.) Judge Advocate General's Corps | |
เหล่าทหารอุทกศาสตร์ (อศ.) Hydrographic Corps | เหล่าทหารช่างยุทธโยธา (ยย.) Civil Engineer | ||
เหล่าทหารขนส่ง (ขส.) Transportation Corps | เหล่าทหารวิทยาศาสตร์ (วศ.) Science Corps | ||
เหล่าทหารสรรพาวุธ (สพ.) Ordnance Corps | เหล่าทหารดุริยางค์ (ดย.) Band | ||
เหล่าทหารอุตุนิยมวิทยา (อ.) Meteorological Corps | เหล่าทหารแพทย์ (พ.) Medical Corps | ||
เหล่าทหารสารวัตร (สห.) Military Police Corps | |||
เหล่าทหารการข่าว (ขว.) Intelligence Corps |
ฐานทัพ
ที่ตั้งฐานทัพสำคัญของกองทัพเรือไทย
ในส่วนกองบัญชาการกองทัพเรือไทย มีที่ตั้งหลักอยู่ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และริมชายฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทย และทะเลอันดามัน 3 แห่ง คือ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ พื้นที่ภาคตะวันออกในจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกในจังหวัดสงขลา และนราธิวาส และพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกในจังหวัดพังงา ภูเก็ต และสตูล เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือทั้งในส่วนของกองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ปฏิบัติการ
ในส่วนกองบัญชาการทัพเรือภาค มีหน้าที่จัดการและควบคุมพื้นที่ทางน้ำ สั่งการปฏิบัติการใช้กำลังรบของกองทัพเรือ มีพื้นที่รับผิดชอบ 3 แห่ง คือ ทัพเรือภาคที่ 1 อ่าวไทยตอนบน ทัพเรือภาคที่ 2 อ่าวไทยตอนล่าง และทัพเรือภาคที่ 3 ทะเลอันดามัน และมีผู้บัญชาการทัพเรือภาคชั้นยศพลเรือโท
ในส่วนฐานทัพเรือมี 4 แห่งตามพื้นที่เช่นกัน คือ ฐานทัพเรือกรุงเทพ สัตหีบ สงขลา และพังงา ตามลำดับ โดยฐานทัพเรือสัตหีบจะมีสถานะใหญ่กว่าอีก 3 แห่งที่เหลือ ขึ้นตรงต่อกองทัพเรือโดยตรง และมีผู้บัญชาการฐานทัพเรือชั้นยศพลเรือโท ส่วนฐานทัพเรือกรุงเทพ สงขลา และพังงา มีสถานะรองลงไป ขึ้นตรงต่อทัพเรือภาคที่ 1 2 และ 3 ตามลำดับ และมีผู้บัญชาการฐานทัพเรือชั้นยศพลเรือตรี
ชื่อสถานที่ | เขต/อำเภอ | จังหวัด | หน่วยงาน |
---|---|---|---|
1. พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล | |||
1.1 กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม และวังนันทอุทยาน | บางกอกน้อย | กรุงเทพมหานคร | หลายหน่วย |
1.2 ฐานทัพเรือกรุงเทพ | บางกอกน้อย | กรุงเทพมหานคร | ฐานทัพเรือกรุงเทพ |
1.2.1 ท่าเทียบเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า | พระสมุทรเจดีย์ | สมุทรปราการ | ฐานทัพเรือกรุงเทพ |
1.2.2 หอประชุมกองทัพเรือ | บางกอกน้อย | กรุงเทพมหานคร | กิจการหอประชุมกองทัพเรือ |
1.3 ท่าเทียบเรือกองเรือลำน้ำ | บางนา | กรุงเทพมหานคร | กองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ |
1.4 กรมยุทธศึกษา ทหารเรือ | ศาลายา | นครปฐม | กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ทหารเรือ |
1.5 ท่าเทียบเรือกองเรือทุ่นระเบิด | พระสมุทรเจดีย์ | สมุทรปราการ | กองเรือทุ่นระเบิด กองเรือยุทธการ |
1.6 อู่ทหารเรือธนบุรี | บางกอกน้อย | กรุงเทพมหานคร | กรมอู่ทหารเรือ |
1.7 อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า | พระสมุทรเจดีย์ | สมุทรปราการ | กรมอู่ทหารเรือ |
1.8 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 13 (โครงการ) | พระสมุทรเจดีย์ | สมุทรปราการ | กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
2. พื้นที่ภาคตะวันออก | |||
2 กองบัญชาการกองเรือยุทธการ | สัตหีบ | ชลบุรี | กองทัพเรือ |
2.1 กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 | สัตหีบ | ชลบุรี | ทัพเรือภาคที่ 1 |
2.2 ฐานทัพเรือสัตหีบ | สัตหีบ | ชลบุรี | ฐานทัพเรือสัตหีบ |
2.2.1 ท่าเทียบเรือแหลมเทียน | สัตหีบ | ชลบุรี | ฐานทัพเรือสัตหีบ |
2.2.2 ท่าเทียบเรือน้ำลึกจุกเสม็ด | สัตหีบ | ชลบุรี | ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ-กองทัพเรือ |
2.2.3 สถานีตรวจสอบและลบล้างแม่เหล็กเรือ | สัตหีบ | ชลบุรี | ฐานทัพเรือสัตหีบ |
2.3 ท่าเทียบเรือทุ่งโปรง | สัตหีบ | ชลบุรี | กรมสรรพาวุธทหารเรือ |
2.4 อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช | สัตหีบ | ชลบุรี | กรมอู่ทหารเรือ |
2.5 ฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด | แหลมงอบ | ตราด | ทัพเรือภาคที่ 1 |
2.6 สนามบินอู่ตะเภา | บ้านฉาง | ระยอง | กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ |
2.7 สนามบินท่าใหม่ | ท่าใหม่ | จันทบุรี | หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน |
2.8 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 11 | บ้านฉาง | ระยอง | กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
2.9 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 12 | ศรีราชา | ชลบุรี | กรมต่อสู้อากาศยานที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
2.10 กองพันรักษาฝั่งที่ 13 | สัตหีบ | ชลบุรี | กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
2.11 ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า | สัตหีบ | ชลบุรี | กองพันทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน |
2.12 ค่ายตากสิน | เมืองจันทบุรี | จันทบุรี | กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน |
2.13 ค่ายกรมหลวงชุมพร | สัตหีบ | ชลบุรี | กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 กองพลนาวิกโยธิน |
2.14 ค่ายมหาสุรสิงหนาท | เมืองระยอง | ระยอง | กองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน |
2.15 กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ | สัตหีบ | ชลบุรี | กองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ |
3. พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก | |||
3.1 กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 | เมืองสงขลา | สงขลา | ทัพเรือภาคที่ 2 |
3.2 ฐานทัพเรือสงขลา | เมืองสงขลา | สงขลา | ฐานทัพเรือสงขลา |
3.2.1 ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา | เมืองสงขลา | สงขลา | ฐานทัพเรือสงขลา |
3.2.2 สนามบินทหารเรือสงขลา | เมืองสงขลา | สงขลา | ฐานทัพเรือสงขลา |
3.3 สนามบินบ้านทอน | เมืองนราธิวาส | นราธิวาส | หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน |
3.4 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 21 (โครงการ) | ขนอม | นครศรีธรรมราช | กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
3.5 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 23 (โครงการ) | เมืองสงขลา | สงขลา | กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
3.6 กองพันรักษาฝั่งที่ 12 (โครงการ) | เมืองสงขลา | สงขลา | กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
3.7 ค่ายกรมหลวงสงขลานครินทร์ | เมืองสงขลา | สงขลา | กองพันทหารราบที่ 8 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน |
3.8 ค่ายจุฬาภรณ์ | เมืองนราธิวาส | นราธิวาส | กองพันทหารราบที่ 9 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธิน |
4. พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตก | |||
4.1 กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 | เมืองภูเก็ต | ภูเก็ต | ทัพเรือภาคที่ 3 |
4.2 ฐานทัพเรือพังงา | ท้ายเหมือง | พังงา | ฐานทัพเรือพังงา |
4.2.1 ท่าเทียบเรือทับละมุ | ท้ายเหมือง | พังงา | ฐานทัพเรือพังงา |
4.2.2 สถานีเรือละงู | ละงู | สตูล | ฐานทัพเรือพังงา |
4.3 กองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 | ท้ายเหมือง | พังงา | กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
4.4 กองพันรักษาฝั่งที่ 11 (โครงการ) | ท้ายเหมือง | พังงา | กรมรักษาฝั่งที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง |
5. พื้นที่อื่น ๆ | |||
5.1 สถานีเรือเชียงแสน | เชียงแสน | เชียงราย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.2 สถานีเรือเชียงของ | เชียงของ | เชียงราย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.3 สถานีเรือเชียงคาน | เชียงคาน | เลย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.4 สถานีเรือสังคม | สังคม | หนองคาย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.5 สถานีเรือหนองคาย | เมืองหนองคาย | หนองคาย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.6 สถานีเรือรัตนวาปี | รัตนวาปี | หนองคาย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.7 สถานีเรือโพนพิสัย | โพนพิสัย | หนองคาย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.8 สถานีเรือบึงกาฬ | เมืองบึงกาฬ | บึงกาฬ | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.9 สถานีเรือศรีเชียงใหม่ | ศรีเชียงใหม่ | หนองคาย | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.10 สถานีเรือบ้านแพง | บ้านแพง | นครพนม | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.11 สถานีเรือนครพนม | เมืองนครพนม | นครพนม | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.12 สถานีเรือธาตุพนม | ธาตุพนม | นครพนม | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.13 สถานีเรือมุกดาหาร | เมืองมุกดาหาร | มุกดาหาร | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.14 สถานีเรือเขมราฐ | เขมราฐ | อุบลราชธานี | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.15 สถานีเรือโขงเจียม | โขงเจียม | อุบลราชธานี | หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง |
5.16 ท่าเทียบเรือสถานีสมุทรศาสตร์หัวหิน | หัวหิน | ประจวบคีรีขันธ์ | กรมอุทกศาสตร์ |
5.17 สถานีเรือสมุย | เกาะสมุย | สุราษฎร์ธานี |
เรือรบในประจำการ
ชั้นเรือ | รูปภาพ | ประเทศต้นกำเนิด | จำนวน | ชื่อเรือ | ปีที่เข้าประจำการ | ขนาดระวางขับน้ำ | รายละเอียด |
---|---|---|---|---|---|---|---|
เรือดำน้ำ | |||||||
หยวน | จีน | 0 (+3) | ... | ภายในปี พ.ศ. 2566 | ผิวน้ำ 2,660 ตัน/ขณะดำ n/a ตัน | เริ่มดำเนินการตัดแผ่นเหล็กในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561 | |
ชาละวัน | ไทย | 0 (+1) | ... | 150-300 ตัน | อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบภายในระยะเวลา 4 ปี | ||
เรือบรรทุกอากาศยาน | |||||||
ปรินซีเปเดอัสตูเรียส | สเปน | 1 | เรือหลวงจักรีนฤเบศร (CVH-911) | 1997 | 11,486 ตัน | นำแบบมาจากเรือปรินซีเปเดอัสตูเรียส (Principe de Asturias) ของกองทัพเรือสเปน | |
เรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ | |||||||
แบบ 908 เติมแต่ง | จีน | 1 | เรือหลวงสิมิลัน (AOR-871) | 1996 | 22,000 ตัน | เป็นเรือส่งกำลังบำรุงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือที่เคยมีมา | |
เรือยกพลขึ้นบก | |||||||
แบบ 071 | จีน | 0 (+1) | ... | 2022 | 20,000 ตัน | เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือ | |
เอ็นดิวแรนซ์ | สิงคโปร์ | 1 | เรือหลวงอ่างทอง (LPD-791) | 2012 | 7,600 ตัน | เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ลำแรกของกองทัพเรือ | |
Normed PS 700 | ไทย | 2 | เรือหลวงสีชัง (LST-721) | 1987 | 4,520 ตัน | ||
เรือหลวงสุรินทร์ (LST-722) | 1988 | ||||||
เรือฟริเกต | |||||||
ควังแกโทมหาราช | เกาหลีใต้ ไทย | 1 (+1) | เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช (FFG-471) | 2019 | 3,700 ตัน | ||
เรือหลวงประแสร์ (FFG-472) | 202X | เลื่อนไม่มีกำหนด | |||||
นเรศวร | ไทย จีน | 2 | เรือหลวงนเรศวร (FFG-421) | 1995 | 2,985 ตัน | ||
เรือหลวงตากสิน (FFG-422) | |||||||
แบบ 053HT | จีน | 4 | เรือหลวงเจ้าพระยา (FFG-455) | 1995 | 1,924 ตัน | ||
เรือหลวงบางปะกง (FFG-456) | |||||||
เรือหลวงกระบุรี (FFG-457) | |||||||
เรือหลวงสายบุรี (FFG-458) | |||||||
เรือคอร์เวต | |||||||
รัตนโกสินทร์ | สหรัฐ | 2 | เรือหลวงรัตนโกสินทร์ (FS-441) | 1986 | 960 ตัน | ||
เรือหลวงสุโขทัย (FS-442) | 1987 | ||||||
ตาปี | สหรัฐ | 2 | เรือหลวงตาปี (FF-431) | 1971 | 1,191 ตัน | ||
เรือหลวงคีรีรัฐ (FF-432) | 1974 | ||||||
คำรณสินธุ | ไทย | 3 | เรือหลวงคำรณสินธุ์ (FS-531) | 1992 | 630 ตัน | ||
เรือหลวงทะยานชล (FS-532) | |||||||
เรือหลวงล่องลม (FS-533) | |||||||
มกุฎราชกุมาร | สหราชอาณาจักร | 1 | เรือหลวงมกุฎราชกุมาร (FF-433) | 1973 | 1,900 ตัน | ||
เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (OPV) | |||||||
ริเวอร์ (OPV) | สหราชอาณาจักร ไทย | 2 | เรือหลวงกระบี่ (OPV-551) | 2013 | 1,969 ตัน | ||
เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ (OPV-552) | 2019 | ติดตั้งจรวดนำวิถีแบบ RGM-84 Harpoon Block II | |||||
ปัตตานี (OPV) | ไทย จีน | 2 | เรือหลวงปัตตานี (OPV-511) | 2005 | 1,460 ตัน | ||
เรือหลวงนราธิวาส (OPV-512) | |||||||
เรือตรวจการณ์ปืน | |||||||
M58 | ไทย | 1 | เรือหลวงแหลมสิงห์ (PC-561) | 2016 | 520 ตัน | ||
หัวหิน | จีน ไทย | 3 | เรือหลวงหัวหิน (PC-541) | 2001 | 590 ตัน | ||
เรือหลวงแกลง (PC-542) | |||||||
เรือหลวงศรีราชา (PC-543) | |||||||
PSMM Mk.5 | ไทย | 6 | เรือหลวงสัตหีบ (PC-521) | 1983 | 300 ตัน | ||
เรือหลวงคลองใหญ่ (PC-522) | 1984 | ||||||
เรือหลวงตากใบ (PC-523) | 1985 | ||||||
เรือหลวงกันตัง (PC-524) | |||||||
เรือหลวงเทพา (PC-525) | |||||||
เรือหลวงท้ายเหมือง (PC-526) | 1986 | ||||||
เรือเร็วโจมตี | |||||||
BMB-230 | อิตาลี | 3 | เรือหลวงราชฤทธิ์ (FAC-321) | 1979 | 270 ตัน | ||
เรือหลวงวิทยาคม (FAC-322) | |||||||
เรือหลวงอุดมเดช (FAC-323) | |||||||
FPB-45 | สิงคโปร์ | 3 | เรือหลวงปราบปรปักษ์ (FAC-311) | 1976 | 263 ตัน | ||
เรือหลวงหาญหักศัตรู (FAC-312) | |||||||
เรือหลวงสู้ไพรินทร์ (FAC-313) | 1977 | ||||||
MV-400 | อิตาลี | 3 | เรือหลวงชลบุรี (FAC-331) | 1983 | 450 ตัน | ||
เรือหลวงสงขลา (FAC-332) | |||||||
เรือหลวงภูเก็ต (FAC-333) |
อาวุธ
ชื่อ | รูปภาพ | ประเทศต้นกำเนิด | ประเภท | ขนาด | รุ่น | รายละเอียด |
---|---|---|---|---|---|---|
M1911 pistol | สหรัฐ ไทย | Semi-automatic pistol | .45 ACP | |||
M16 rifle | สหรัฐ | Assault rifle | 5.56mm | A1 A2 A3 | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | |
M4 carbine | สหรัฐ | Assault rifle | 5.56mm | A1 A3 | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | |
AR-15 | สหรัฐ | Assault rifle | 5.56mm | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
Heckler & Koch G36 | เยอรมนี | Assault rifle | 5.56mm | G36C G36KV | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน และ หน่วยซีลไทย | |
Norinco CQ | จีน | Assault rifle | 5.56mm | CQ M-311 | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | |
Heckler & Koch UMP | เยอรมนี | Submachine gun | 9×19mm Parabellum | UMP 9 | ใช้ในหน่วยซีลไทย | |
Heckler & Koch MP5 | เยอรมนี | Submachine gun | 9×19mm Parabellum | MP5SD MP5K | ใช้ในหน่วยซีลไทย | |
Heckler & Koch HK21 | เยอรมนี | General-purpose machine gun | 5.56mm | HK23E | ใช้ในหน่วยซีลไทย | |
Heckler & Koch PSG1 | เยอรมนี | Sniper rifle | 7.62mm | MSG 90 | ใช้ในหน่วยซีลไทย | |
KAC SR-25 | สหรัฐ | Sniper rifle | 7.62mm | ใช้ในหน่วยซีลไทย | ||
Barrett M82 | สหรัฐ | Anti-materiel rifle | .50 BMG | ใช้ในหน่วยซีลไทย | ||
Barrett M95 | สหรัฐ | anti-materiel rifle | .50 BMG | ใช้ในหน่วยซีลไทย | ||
Bushmaster M4 | สหรัฐ | Carbine | 5.56mm | M4A3 SOPMOD | ใช้ในหน่วยซีลไทย | |
Sago Defence Tikka | สหรัฐ | Sniper rifle | .223inch/.338inch | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
M249 | สหรัฐ | Light machine gun | 5.56mm | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
M60 | สหรัฐ | General-purpose machine gun | 7.62mm | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
M2 Browning | สหรัฐ | Heavy machine gun | 12.7mm | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
Accuracy International AW50 | สหราชอาณาจักร | Anti-materiel rifle | .50 BMG | ใช้ในหน่วยซีลไทย | ||
SIG Sauer SIG516 | สวิตเซอร์แลนด์ | Assault rifle | 5.56mm | ใช้ในหน่วยซีลไทย | ||
M203 | สหรัฐ | Grenade launcher | 40×46mm SR | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
Armbrust | เยอรมนี | Anti-tank weapon | 67mm | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
M47 Dragon | สหรัฐ | Anti-Tank Guided Missile | ? | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
BGM-71 TOW | สหรัฐ | Anti-Tank Guided Missile | ? | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | ||
M40 recoilless rifle | สหรัฐ | Recoilless rifle | 105mm | M40A2 | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน | |
QW-1 Vanguard | จีน | MANPAD | ? | QW-18 | ใช้ในหน่วยนาวิกโยธิน |
ยานพาหนะ
ชื่อ | รูปภาพ | ประเทศต้นกำเนิด | ประเภท | จำนวน | รายละเอียด |
---|---|---|---|---|---|
Humvee | สหรัฐ | Utility vehicle | ? | Royal Thai Marine Corps use M998, M1097A2, M997, M1025, M1045A2, M966. | |
M151 | สหรัฐ | Utility vehicle | ? | Royal Thai Marine Corps use M151A2, M151A2 mounting TOW, M718A1, M825. | |
Ford | สหรัฐ | Utility vehicle | ? | Royal Thai Marine Corps use Ford Ranger XL, XLS, XL+, XLT, FX4, Wildtrak, SWB. | |
M813 | สหรัฐ | Prime Mover | ? | Royal Thai Marine Corps use M54A2, M543A2. | |
M35 2-1/2 ton cargo truck | สหรัฐ | Prime Mover | ? | Royal Thai Marine Corps use M35A2, M50A2, M49A2, M109A2. | |
Isuzu | ญี่ปุ่น ไทย | Prime Mover | ? | Royal Thai Marine Corps use SBR, TXD 4x2, TSD 4x4, TWD 6x6, HTW, FTR 4x4. | |
AAV-7A1 | สหรัฐ | Armoured personnel carrier | 36 | Variants include: AAVP-7A1, AAVC-7A1, AAVR-7A1. | |
BTR-3E1 | ยูเครน ไทย | Armoured personnel carrier | 12 | ||
M151A2 mod | ไทย | Armoured personnel carrier | ? | ||
V-150 Commando | สหรัฐ | Armoured car | 24 | ||
Phantom 380-X | ไทย | Armoured car | ? | ||
Type 69-ll | จีน | Main battle tank | 5 |
ตอร์ปิโด, จรวดนำวิถี
ชื่อ | รูปภาพ | ประเทศต้นกำเนิด | ประเภท | จำนวน | รายละเอียด |
---|---|---|---|---|---|
Mark 54 MAKO Lightweight Torpedo | สหรัฐ | ตอร์ปิโดต่อต้านเรือดำน้ำ | |||
Sting Ray torpedo | สหราชอาณาจักร | ตอร์ปิโดต่อต้านเรือดำน้ำ | |||
Selenia Aspide | อิตาลี | ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ | |||
RIM-162 ESSM | สหรัฐ | ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ | Ninw on order (Plan 64), modernization of DW 3000F frigate and frigate Naresuan | ||
Mistral | ฝรั่งเศส | ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ | For SADRAL launchers on aircraft carrier Chakri Naruebet | ||
SM-2 | สหรัฐ | ขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ | DW 3000F deal, Modernization of DW 3000F frigate | ||
AGM-84 Harpoon | สหรัฐ | ขีปนาวุธโจมตีเรือบนผิวน้ำ | |||
Exocet | ฝรั่งเศส | ขีปนาวุธโจมตีเรือบนผิวน้ำ | |||
C-801/CSS-N-4/Sardine | จีน | ขีปนาวุธโจมตีเรือบนผิวน้ำ | |||
C-802/CSS-N-8 | จีน | ขีปนาวุธโจมตีเรือบนผิวน้ำ | For modernized Chao Phraya | ||
C-704 | จีน | ขีปนาวุธโจมตีเรือบนผิวน้ำ | |||
RUM-139 VL-ASROC | สหรัฐ | ขีปนาวุธโจมตีเรือดำน้ำ | DW 3000F deal, Modernization of DW 3000F frigate | ||
RBU-1200 | จีน | ขีปนาวุธโจมตีเรือดำน้ำ | |||
Mi | ไทย | Stealth naval mine | |||
Mk.6 | สหรัฐ | Naval mine | |||
Mk.18 | สหรัฐ | Naval mine |
อากาศยาน
Aircraft | Photo | Origin | Type | Quantity | Notes |
---|---|---|---|---|---|
Dornier Do 228 | เยอรมนี | Maritime patrol aircraft | 7 | Also used in Royal Rain Project. | |
Fokker F.27-200/400 | เนเธอร์แลนด์ | Military transport, Maritime Attacker, ASW | 2 Mk400 3 Mk200 | Equipped with Harpoon. | |
Lockheed Corporation P-3T/UP-3T | สหรัฐ | Maritime patrol aircraft, ASW | 3 | Version for Royal Thai Navy. | |
Canadair CL-215 | แคนาดา | SAR, Firefighting | 2 | ||
NAX Seaplane | ไทย | Maritime patrol aircraft | 2 | ||
GAF N.24A Normad | ออสเตรเลีย | Military transport | 5 | Another airframe is in use for spares recovery. | |
Bell 212 | สหรัฐ | Military transport | 6 | ||
Bell 214ST | สหรัฐ | VIP, transport | 5 | ||
Sikorsky S-76B | SAR, transport | 5 | |||
Sikorsky SH-70B Seahawk | ASW | 6 | HTMS Chakri Naruebet Flying Unit. | ||
Sikorsky MH-60S Knighthawk | Military transport | 2 (+4) | HTMS Chakri Naruebet Flying Unit. | ||
AgustaWestland Super Lynx 300 | สหราชอาณาจักร | Anti Ship | 2 | ||
Airbus H145M | เยอรมนี | Military transport | 5 |
ยุทโธปกรณ์ที่ปลดประจำการแล้ว
เรือ
ชั้น | รูปภาพ | ประเทศต้นกำเนิด | จำนวน | เรือ | ระยะเวลาใช้งาน | รายละเอียด |
เรือลาดตระเวนเบา | ||||||
Naresuan class(I) | ราชอาณาจักรอิตาลี | 2 | เรือหลวงนเรศวร (ลำที่1) เรือหลวงตากสิน (ลำที่1) | - | ติดตั้งปืนเรือจากสวีเดน ขนาด152ม.ม. 6กระบอก ขนาด75ม.ม. 6กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด40ม.ม.จากญี่ปุ่น 8กระบอก แท่นยิงตอร์ปิโด45ซ.ม. 2แท่น 6ท่อยิง จากญี่ปุ่น เรือยังต่อไม่เสร็จ ถูกอิตาลีขอไปใช้งานในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อ Etna และ Vesuvio เนื่องจากอิตาลีประสบปัญหาการป้องกันทางทะเล และทั้งคู่ถูกจมโดยสัมพันธมิตร ต่อมาอิตาลีได้คืนเงินค่าซื้อเรือให้กับประเทศไทย | |
เรือป้องกันชายฝั่ง | ||||||
Thonburi class | จักรวรรดิญี่ปุ่น | 2 | เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงศรีอยุธยา | 1938-1941 1938-1951 | เกยฝั่งในยุทธนาวีเกาะช้าง ต่อมาถูกกู้และปลดประจำการจัดเป็นอนุสรณ์สถาน ณ โรงเรียนนายเรือจังหวัดสมุทรปราการ (เฉพาะป้อมปืนหน้าและหอบังคับการ) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2502 จึงได้ตัดส่วนป้อมปืนเรือและหอบังคับการของเรือมาจัดตั้ง เป็นอนุสรณ์ ณ โรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการจมในกบฏแมนฮัตตัน | |
Ratanakosin class(l) | สหราชอาณาจักร | 2 | เรือหลวงรัตนโกสินทร์ (ลำที่1) เรือหลวงสุโขทัย (ลำที่1) | 1929-1969 1929-1972 | ? ? | |
เรือดำน้ำ | ||||||
Matchanu class | จักรวรรดิญี่ปุ่น | 4 | เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร เรือหลวงพลายชุมพล | 1938-1951 1938-1951 1938-1951 1938-1951 | ? ? ? ? | |
เรือพิฆาต | ||||||
R-class | สหราชอาณาจักร | 1 | เรือหลวงพระร่วง | 1920-1957 | เดิมคือ เรือเอชเอ็มเอส เรเดียนท์ (HMS Radiant)โดยไทยซื้อต่อจากสหราชอาณาจักร และเป็นเรือรบหลวงลำแรกของกองทัพเรือไทย | |
เรือฟริเกต | ||||||
Tacoma class | สหรัฐ | 2 | เรือหลวงท่าจีน ลำที่ 2 (FFG-411) | 1951-2000 | เดิมคือเรือ USS Glendale (PF-36) ของสหรัฐ หลังจากปลดประจำการแล้ว ได้นำไปจัดตั้งเป็นอนุสรณ์ ที่โรงเรียนเตรียมทหาร อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก | |
เรือหลวงประแสร์ ลำที่ 2 (FFG-412) | 1951-2000 | เดิมคือเรือ USS Gallup (PF-47) ของสหรัฐ หลังจากปลดประจำการแล้ว ได้นำไปจัดตั้งเป็นอนุสรณ์ ที่บริเวณปากน้ำประแสร์ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง | ||||
Knox class | สหรัฐ | 2 | เรือหลวงพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (FFG-461) | 1997-2017 | เดิมคือเรือ USS Truett (FF-1095) ของสหรัฐ | |
เรือหลวงพุทธเลิศหล้านภาลัย (FFG-462) | 1997-2017 | เดิมคือเรือ USS Ouellet (FF-1077) ของสหรัฐ | ||||
เรือสลุป | ||||||
Maeklong class | จักรวรรดิญี่ปุ่น | 2 | เรือหลวงแม่กลอง เรือหลวงท่าจีน (ลำที่1) | 1937-1995 1937-1951 | ปลดระวางประจำการเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538 ปัจจุบันถูกจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ ป้อมพระจุลจอมเกล้า จังหวัดสมุทรปราการ ถูกทิ้งระเบิดจนเสียหายหนักในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา และถูกปลดประจำการหลังสงครามจบ | |
เรือคอร์เวต | ||||||
Flower class | สหราชอาณาจักร | 2 | เรือหลวงบางปะกง (ลำที่1) เรือหลวงประแสร์ (ลำที่1) | 1947-1951 1947-1951 | เดิมคือเรือ HMS Burnet (K348) ของสหราชอาณาจักร ใช้ใน สงครามเกาหลี เดิมคือเรือ HMS Betony (K274) ของสหราชอาณาจักร และเกยฝั่งในสงครามเกาหลี | |
เรือตอร์ปิโด | ||||||
Chonbori class(I) | ราชอาณาจักรอิตาลี | 9 | เรือหลวงชลบุรี (ลำที่1) เรือหลวงตราด (ลำที่1) เรือหลวงสงขลา (ลำที่1) เรือหลวงภูเก็ต (ลำที่1) เรือหลวงปัตตานี (ลำที่1) เรือหลวงสุราษฎร์ธานี (ลำที่1) เรือหลวงจันทบุรี (ลำที่1) เรือหลวงระยอง (ลำที่1) เรือหลวงชุมพร (ลำที่1) | 1938-1941 1937-1975 1938-1941 1937-1975 1937-1978 1938-1978 1938-1976 1938-1976 1938-1975 | ถูกจมในยุทธนาวีเกาะช้าง ? ถูกจมในยุทธนาวีเกาะช้าง ? ? ? ? ? นำไปจัดตั้งเป็นอนุสรณ์ ที่บริเวณหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร | |
Kyongyai class(I) | จักรวรรดิญี่ปุ่น | 3 | เรือหลวงคลองใหญ่ (ลำที่1) เรือหลวงกันตัง (ลำที่1) เรือหลวงตากใบ (ลำที่1) | 1937-1976 1937-1976 1937-1973 | ? ? ? |
อากาศยาน
อากาศยาน | รูปภาพ | ประเทศต้นกำเนิด | ประเภท | ระยะเวลาใช้งาน | จำนวน | รายละเอียด |
Avro 504N | สหราชอาณาจักร/ ไทย | ฝึกบิน | 1929-1948 | 2 | สร้างภายในประเทศ | |
Mitsubishi A6M Zero | จักรวรรดิญี่ปุ่น | ขับไล่ | 1942-1945 | 1 | ||
WS-103S | จักรวรรดิญี่ปุ่น | ลาดตระเวน | 1935-? | 6 | ||
Nakajima E8N | จักรวรรดิญี่ปุ่น | ลาดตระเวน | 1938-? | 45 | ||
Aichi E13A1 | จักรวรรดิญี่ปุ่น | ลาดตระเวน | 1939-? | 6 | สั่งซื้อ 3 เครื่องในปี 1939 และ 3 เครื่องในปี 1941 | |
Cessna O-1G | สหรัฐ | ลาดตระเวน | 1968-? | 8 | ||
Cessna U-17 | สหรัฐ | ลาดตระเวน | 1974-? | 6+ | ||
Piper L-4 | สหรัฐ | ลาดตระเวน | 1973-? | 2 | ||
Douglas C-47 Skytrain | สหรัฐ | ลำเลียง | 1973-? | ? | ||
Grumman HU-16D | สหรัฐ | ค้นหาและช่วยเหลือ | 1962-? | 3 | ||
Grumman S-2 Tracker | สหรัฐ | ปราบเรือดำน้ำ | 1966-1999 | 12 | ||
Hawker Siddeley AV-8S Matador | สหรัฐ | ขับไล่-ต่อสู้ (ประจำเรือ) | 1997-2006 | 9 | เคยประจำการกับเรือหลวงจักรีนฤเบศร ขาดอะไหล่ในการซ่อม | |
Ling-Temco-Vought A-7E Corsair II | สหรัฐ | โจมตี | 1981-2007 | 18 | ไม่สามารถทำการบินได้ | |
Bell UH-1H | สหรัฐ | เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป | 1975-? | 4 |
อาวุธ
อาวุธ | ประเทศต้นกำเนิด | ประเภท | ระยะเวลาใช้งาน | จำนวน | รายละเอียด |
Blowpipe (missile) | สหราชอาณาจักร | จรวดพื้น-สู่-อากาศ | ?-? | 200 | |
Sea Cat | สหราชอาณาจักร | จรวดพื้น-สู่-อากาศ | ?-? | 8 | |
Gabriel missile | อิสราเอล | จรวดโจมตีเรือผิวน้ำ | ?-? | ? |
กองเรือยุทธการ
เรือรบขนาดใหญ่ที่ประจำการในกองทัพเรือไทยจะต่อจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน สหราชอาณาจักร อิตาลี สิงคโปร์ สเปน หรือ เยอรมนี ในขณะที่เรือรบซึ่งมีขนาดเล็กหรือเป็นเรือที่ไม่ใช่เรือรบหลัก ส่วนใหญ่จะต่อจากอู่ภายในประเทศทั้งอู่ของเอกชนและอู่ของกรมอู่ทหารเรือเอง เช่น เรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ เรือตรวจการณ์ปืน เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง เรือยกพลขึ้นบก เรือระบายพล เรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิด เรือน้ำมัน เรือน้ำ เรือลากจูง เรือสำรวจ เป็นต้น
ดูรายละเอียดที่เรือรบในกองทัพเรือไทย
- เรือบรรทุกอากาศยาน 1 ลำ
- เรือยกพลขึ้นบก 1 ลำ
- เรือลาดตระเวน 12 ลำ
- เรือคอร์เวต 7 ลำ
- เรือเร็วโจมตี 9 ลำ
- เรือดำน้ำ 0 (+3) ลำ (อยู่ในระหว่างการจัดหาอยู่)
- เรือตรวจการณ์ขนาดใหญ่ 3 ลำ
- เรือตรวจการณ์ขนาดกลาง 12 ลำ
- เรือตรวจการณ์ขนาดเล็ก 54 ลำ
- เรือปฏิบัติการตามลำน้ำ 191 ลำ
- เรือปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก 15 ลำ
- เรือปฏิบัติการทุ่นระเบิด 19 ลำ
- เรือส่งกำลังบำรุง 9 ลำ
- เรือช่วยรบ 12 ลำ
- เรือลาดตระเวนหนัก 2ลำ
กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ
- ดูบทความหลัก กองการบินทหารเรือไทย
อากาศยานของกองการบินทหารเรือสร้างจากต่างประเทศทั้งหมด โดยส่วนใหญ่มาจาก สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีจาก สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ บราซิล และ แคนาดา ทั้งนี้อากาศยานจำนวนประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง เป็นอากาศยานที่ได้รับการออกแบบให้สามารถปฏิบัติการจากเรือรบผิวน้ำของกองทัพเรือได้ คือ จากเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เรือฟริเกต เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ หรือเรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ ส่วนที่เหลือเป็นอากาศยานที่ต้องปฏิบัติการจากสนามบินบนฝั่ง
ดูรายละเอียดที่อากาศยานในประจำการของกองทัพเรือไทย
- เครื่องบินขับไล่/โจมตี 27 เครื่อง
- เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเล 13 เครื่อง
- เครื่องบินตรวจการณ์ 14 เครื่อง
- เครื่องบินลำเลียง 11 เครื่อง
- เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล 8 เครื่อง
- เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง 18 เครื่อง
- อากาศยานไร้คนขับ 2 เครื่อง
หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (หน่วยซีล หรือ SEAL)
- กำลังพลนักทำลายใต้น้ำจู่โจม 3 กองรบพิเศษ
- อาวุธประจำกาย ปืนพก ขนาด 11 มม. Heckler & Koch USP ปืนเล็กกล ขนาด 9 มม. Heckler & Koch MP-5K/MP-5SD, Heckler & Koch UMP-9 ปืนเล็กสั้น ขนาด 9 มม. Heckler & Koch G36KV เครื่องยิงลูกระเบิดจากปืนเล็กยาว ขนาด 40 มม. Heckler & Koch AG36 ปืนกลเบา ขนาด 5.56 มม. M249 Para, Heckler & Koch HK23E ปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขนาด 7.62 มม. Heckler & Koch MSG-1 ปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขนาด 12.7 มม. M82, Accuracy International AW50
- เรือปฏิบัติการพิเศษ 7 ลำ
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
- กำลังพลนาวิกโยธิน 1 กองพล (3 กรมทหารราบ 1 กรมทหารปืนใหญ่ 1 กรมสนับสนุน 1 กรมรักษาความปลอดภัย)
- อาวุธประจำกาย ปืนพก ขนาด 11 มม. M1911 ปืนเล็กสั้น ขนาด 5.56 มม. M4A1/M4A3, Heckler & Koch G36C ปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มม. M16A1/M16A2, Norinco CQ M-311 เครื่องยิงลูกระเบิดจากปืนเล็กยาว ขนาด 40 มม. M203 ปืนกลเบา ขนาด 5.56 มม. M249 ปืนเล็กยาวซุ่มยิง ขนาด 7.62 มม. Knights Armament SR-25 (Mk.11 mod.0)
- อาวุธประจำหน่วย ปืนกลกลาง ขนาด 7.62 มม. M60 ปืนกลหนัก ขนาด 12.7 มม. M2 เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. M19 เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 มม. M29 ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ขนาด 106 มม. M40 อวป.ต่อสู้รถถัง M47 Dragon, Messerschmitt-Bölkow-Blohm (MBB) Armbrust
- รถถังหลัก Type 69 II
- รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAV
- รถเกราะ V-150, BTR-3E1
- รถยนต์บรรทุก HMMWV ติด อวป.ต่อสู้รถถัง TOW
- เครื่องยิงลูกระเบิดขนาดหนัก ขนาด 120 มม. M120
- ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง ขนาด 105 มม. M101A1, M101A1 (ปรับปรุง) ใช้ลำกล้องของปืนใหญ่ Giat LG1
- ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มม. Space Research Corporation GC-45, Noricum GHN-45
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
- กำลังพล 1 กองพล (2 กรมต่อสู้อากาศยาน 1 กรมรักษาฝั่ง 1 กรมสนับสนุน 2 ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง)
- อาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ QW-18, PL-9
- ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 20 มม.
- ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 37 มม. Type 74
- ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาด 40 มม. Bofors L70 และ Bofors L60
- ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 130 มม. Type 59
- ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ขนาด 155 มม. Noricum GHN-45
- เรดาร์และออปโทรนิกส์ควบคุมการยิง Type 702 สำหรับปืนต่อสู้อากาศยาน Type 74
- เรดาร์ควบคุมการยิง Type 311B สำหรับปืนต่อสู้อากาศยาน Type 74
- เรดาร์ควบคุมการยิง Thales Flycatcher สำหรับปืนต่อสู้อากาศยาน Bofors L70
- เรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศ ASR-8 (AN/GPN-20/27)
- เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ แบบเคลื่อนที่ Thales BOR-A 550
เรือรบของกองทัพเรือไทย
ระเบียบการใช้คำนำหน้าชื่อเรือ
- เรือที่มีระวางขับน้ำปกติตั้งแต่ 150 ตันขึ้นไป กองทัพเรือใช้คำว่า "เรือหลวง" หรือคำย่อว่า "ร.ล." เป็นคำนำหน้าชื่อเรือ อันเป็นการแสดงถึงความเป็นเรือรบของพระมหากษัตริย์ โดยในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า "His Thai Majesty's Ship" หรือใช้คำย่อว่า "HTMS" เป็นคำนำหน้าชื่อเรือ เช่น เรือหลวงนเรศวร หรือ ร.ล.นเรศวร หรือ HTMS Naresuan ทั้งนี้ชื่อเรือเหล่านี้ให้ขอพระราชทานพระมหากษัตริย์ทรงตั้ง
- เรือที่มีระวางขับน้ำปกติต่ำกว่า 150 ตันลงมา กองทัพเรือใช้ตัวอักษรระบุชนิด/หน้าที่ของเรือ เป็นคำนำหน้า และมีหมายเลขเรือต่อท้าย เช่น ต.991 ทั้งนี้ชื่อเรือเหล่านี้กองทัพเรือเป็นผู้ตั้งเอง
ระเบียบการตั้งชื่อเรือ
- เรือพิฆาต ตั้งตามชื่อตัว ชื่อบรรดาศักดิ์ หรือชื่อสกุล ของบุคคลที่เป็นวีรบุรุษของชาติ เช่น ร.ล.นเรศวร ร.ล.ตากสิน ร.ล.ปิ่นเกล้า ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช
- เรือฟริเกต ตั้งตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญ เช่น ร.ล.เจ้าพระยา ร.ล.ตาปี ร.ล.สายบุรี
- เรือคอร์เวต ตั้งตามชื่อเมืองหลวงหรือเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น ร.ล.สุโขทัย ร.ล.รัตนโกสินทร์
- เรือเร็วโจมตี
- เรือเร็วโจมตี (อาวุธปล่อยนำวิถี) ตั้งตามชื่อเรือรบในทะเลสมัยโบราณที่มีความหมายเหมาะสมแก่หน้าที่ของเรือนั้นๆ เช่น ร.ล.ราชฤทธิ์ ร.ล.ปราบปรปักษ์
- เรือเร็วโจมตี (ปืน) และเรือเร็วโจมตี (ตอร์ปิโด) ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เช่น ร.ล.ชลบุรี ร.ล.ภูเก็ต
- เรือดำน้ำ ตั้งตามชื่อผู้มีอิทฤทธิ์ในนิยายหรือวรรณคดีเกี่ยวกับการดำน้ำ เช่น ร.ล.มัจฉานุ
- เรือทุ่นระเบิด ตั้งตามชื่อสมรภูมิที่สำคัญ เช่น ร.ล.บางระจัน ร.ล.ลาดหญ้า
- เรือยกพลขึ้นบก เรือส่งกำลังบำรุง เรือน้ำมัน เรือน้ำ เรือลากจูง และเรือลำเลียง ตั้งตามชื่อเกาะ เช่น ร.ล.สีชัง ร.ล.สิมิลัน
- เรือตรวจการณ์
- เรือตรวจการณ์ (ปืน) ตั้งชื่อตามอำเภอชายทะเล เช่น ร.ล.สัตหีบ ร.ล.หัวหิน
- เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดำน้ำ) ตั้งตามชื่อเรือรบในลำน้ำสมัยโบราณที่มีความเหมาะสมแก่หน้าที่ของเรือนั้น เช่น ร.ล.คำรณสินธุ ร.ล.ล่องลม
- เรือสำรวจ ตั้งชื่อตามดาวสำคัญ เช่น ร.ล.ศุกร์ ร.ล.พฤหัสบดี
- เรือหน้าที่พิเศษ ตั้งชื่อด้วยถ้อยคำที่มีความหมายเหมาะสมแก่หน้าที่ของเรือนั้นๆ
- เรือที่ไม่ได้กล่าวไว้ ให้พิจารณาตั้งชื่อตามความเหมาะสมเป็นคราวๆ ไป เช่น ร.ล.จักรีนฤเบศร ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ หรือเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เช่น ร.ล.ปัตตานี ร.ล.นราธิวาส
หลักการกำหนดหมายเลขเรือ
- หมายเลขตัวที่ 1 แสดงประเภทเรือ (Type) ซึ่งกำหนดไว้ 9 ประเภท คือ
- หมายเลข 1 เรือบัญชาการและสนับสนุนการยกพลขึ้นบก
- หมายเลข 2 เรือดำน้ำ
- หมายเลข 3 เรือเร็วโจมตี
- หมายเลข 4 เรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือคอร์เวต
- หมายเลข 5 เรือตรวจการณ์
- หมายเลข 6 เรือทุ่นระเบิด
- หมายเลข 7 เรือยกพลขึ้นบก
- หมายเลข 8 เรืออุทกศาสตร์ เรือช่วยรบ และเรือประเภทอื่นๆ
- หมายเลข 9 เรือบรรทุกอากาศยาน
- หมายเลขตัวที่ 2 แสดงชุดหรือชั้นของเรือ (Class) โดยเรือที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกันจะมีการจัดรวมไว้ในชุดเดียวกัน
- หมายเลขตัวที่ 3 แสดงลำดับที่ของเรือในชุดนั้นๆ โดยเริ่มจากลำดับที่ 1 เรียงต่อกันไปตามลำดับ หากเรือชุดมีเกิน 9 ลำ เรือลำที่ 10 จะเพิ่มเป็น 4 ตัว
ระเบียบการเขียนชื่อเรือ
- ชื่อเรือที่มีระวางขับน้ำปกติตั้งแต่ 150 ตันขึ้นไป ให้ทำด้วยทองเหลืองบนพื้นสีน้ำเงิน ติดกับตัวเรือตอนท้ายสุดเหนือแนวน้ำ ยกเว้นเรือบางลำหรือบางประเภท ถ้าติดชื่อเรือบริเวณดังกล่าวไม่สะดวก ให้ติดไว้ข้างเรือตอนท้ายทั้งสองข้าง ส่วนเรือดำน้ำ ให้ติดไว้กับตัวเรือทั้งสองข้างค่อนทางหัวเรือเหนือแนวน้ำขณะลอยลำเต็มที่
- ชื่อเรือที่มีระวางขับน้ำปกติต่ำกว่า 150 ตันลงมา ให้เขียนด้วยสีขาวไว้กับตัวเรือทั้งสองข้างตอนหัวเรือ ตรงกึ่งกลางระหว่างแนวน้ำกับแนวกราบเรือ
- ให้ติดป้ายชื่อเรือที่มีระวางขับน้ำตั้งแต่ 100 ตันขึ้นไป และเรือประเภทเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง ที่ข้างสะพานเดินเรือทั้งสองกราบ เป็นภาษาไทยอยู่ด้านบน และภาษาอังกฤษอยู่ด้านล่าง โดยลักษณะของป้ายชื่อเรือ ให้เป็นไปตามที่กองเรือยุทธการกำหนด
- การเขียนหมายเลขเรือให้ใช้ตัวเลขอาระบิค
ระเบียบการแบ่งชั้นเรือ
- เรือที่มีอัตราผู้บังคับการเรือ ให้จัดแบ่งตามชั้นยศของผู้บังคับการเรือ คือ
- เรือชั้น 1 คือ เรือที่มีผู้บังคับการเรือชั้นยศนาวาโทขึ้นไป
- เรือชั้น 2 คือ เรือที่มีผู้บังคับการเรือชั้นยศนาวาตรี
- เรือชั้น 3 คือ เรือที่มีผู้บังคับการเรือชั้นยศเรือเอก
- เรือที่มีอัตราผู้ควบคุมเรือ จะไม่จัดเข้าอยู่ในชั้นใด และให้ถือเป็นเรือขนาดเล็ก
ระเบียบการแบ่งชั้นหมู่เรือ
- หมู่เรือชั้น 1 คือ หมู่เรือที่ประกอบด้วยเรือชั้น 1 ทั้งหมด หรือเรือชั้น 1 กับเรืออื่นๆ
- หมู่เรือชั้น 2 คือ หมู่เรือที่ประกอบด้วยเรือชั้น 2 ทั้งหมด หรือเรือชั้น 2 กับเรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่เรือชั้น 1
- หมู่เรือชั้น 3 คือ หมู่เรือที่ประกอบด้วยเรือชั้น 3 ทั้งหมด หรือเรือชั้น 3 กับเรือขนาดเล็ก หรือเรือขนาดเล็กทั้งหมด
หลักการแบ่งประเภทของเรือและคำย่อ
ประเภท (ไทย) | คำย่อ (ไทย) | ประเภท (อังกฤษ) | คำย่อ (อังกฤษ) | ทร. ไทย |
---|---|---|---|---|
1. เรือรบผิวน้ำ | ||||
1.1 เรือลาดตระเวนหนัก,เรือลาดตระเวนเบา | ลตห,ลตบ | heavy cruisers,light cruiser | CA,CL | เคยมี |
1.2 เรือบรรทุกอากาศยาน | เรือ บฮ. | aircraft Carrier | CV | มี |
1.3 เรือพิฆาต | เรือ พฆ. | Destroyer | DD | ไม่มี |
1.4 เรือฟริเกต | เรือ ฟก. | Guided-missile Frigate | FFG | มี |
Frigate | FF | มี | ||
Patrol Frigate | PF | มี | ||
1.5 เรือคอร์เวต | เรือ คว. | Corvette | FS | มี |
2. เรือเร็วโจมตี | เรือ รจ. | |||
2.1 เรือเร็วโจมตี (อาวุธปล่อยนำวิถี) | เรือ รจอ. | Fast Attack Craft (Guided-missile) | FAC (M) | มี |
2.2 เรือเร็วโจมตี (ตอร์ปิโด) | เรือ รจต. | Fast Attack Craft (Torpedo) | FAC (T) | มี |
2.3 เรือเร็วโจมตี (ปืน) | เรือ รจป. | Fast Attack Craft (Gun) | FAC (G) | มี |
3. เรือดำน้ำ | เรือ ด. | |||
3.1 เรือดำน้ำ (ธรรมดา) | เรือ ด. | Submarine, General | SS | มี |
3.2 เรือดำน้ำใกล้ฝั่ง | เรือ ดก. | Submarine, Coastal | SSC | ไม่มี |
3.3 เรือดำน้ำเล็ก | เรือ ดล. | Midget Submarine | SSM | ไม่มี |
4. เรือตรวจการณ์ | เรือ ตก. | |||
4.1 เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง | เรือ ตกก. | Ocean Patrol Vessel | OPV | มี |
4.2 เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดำน้ำ) | เรือ ตกด. | Patrol Craft (Anti-submarine) | PC | มี |
4.3 เรือตรวจการณ์ (ปืน) | เรือ ตกป. | Patrol Craft (Gun) | PG | มี |
4.4 เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง | เรือ ตกฝ. | Coastal Patrol Craft | PGM | มี |
4.5 เรือตรวจการณ์ชายฝั่ง | เรือ ตกช. | Inshore Patrol Craft | PCF | มี |
5. เรือตรวจการณ์ลำน้ำ | เรือ ตล. | |||
5.1 เรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำ | เรือ รตล. | River Patrol Boat | PBR | มี |
5.2 เรือยนต์ตรวจการณ์ลำน้ำ | เรือ ยตล. | River Patrol Craft | RPC | มี |
6. เรือจู่โจมลำน้ำ | เรือ จล. | |||
6.1 เรือจู่โจมลำน้ำ (เครื่องติดท้าย) | เรือ จลค. | Outboard Motor Assault Boat | AB (M) | มี |
6.2 เรือจู่โจมลำน้ำ (เครื่องพ่นน้ำ) | เรือ จลพ. | Hydro Jet Assault Boat | AB (H) | มี |
7. เรือยกพลขึ้นบก | เรือ ยพ. | |||
7.1 เรือบัญชาการและสนับสนุนการยกพลขึ้นบก | เรือ บยพ. | Amphibious Command and Support Ship | LCC | ไม่มี |
7.2 เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ | เรือ ยพญ. | Landing Ship, Tank | LST | มี |
7.3 เรือยกพลขึ้นบกขนาดกลาง | เรือ ยพก. | Landing Ship, Medium | LSM | ไม่มี |
7.4 เรือยกพลขึ้นบกขนาดเล็ก | เรือ ยพล. | Landing Ship, Infantry, Large | LSIL | ไม่มี |
7.5 เรือระบายพลขนาดใหญ่ | เรือ รพญ. | Landing Craft, Utility | LCU | มี |
7.6 เรือระบายพลขนาดกลาง | เรือ รพก. | Landing Craft, Mechanized | LCM | มี |
7.7 เรือระบายพลขนาดเล็ก | เรือ รพล. | Landing Craft, Vehicle, Personnel | LCVP | มี |
Landing Craft, Personnel, Large | LCPL | มี | ||
7.8 เรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบก | เรือ สยพ. | Landing Ship Support, Large | LSSL | ไม่มี |
7.9 เรือหุ้มเกราะลำเลียงพล | เรือ หกล. | Mini-Armoured Troop Carrier | MATC | มี |
8. เรือทุ่นระเบิด | ||||
8.1 เรือต่อต้านทุ่นระเบิด | เรือ ตท. | Mine Countermeasures Ship | MCM | |
8.1.1 เรือกวาดทุ่นระเบิด | เรือ กท. | Mine Sweeper | MS | |
8.1.1.1 เรือกวาดทุ่นระเบิดไกลฝั่ง | เรือ กทก. | Mine Sweeper, Ocean | MSO | มี |
8.1.1.2 เรือกวาดทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง | เรือ กทฝ. | Mine Sweeper, Coastal | MSC | มี |
8.1.1.3 เรือกวาดทุ่นระเบิดชายฝั่ง | เรือ กทช. | Mine Sweeper, Inshore | MSI | ไม่มี |
8.1.1.4 เรือกวาดทุ่นระเบิดน้ำตื้น | เรือ กทต. | Motor Launch Mine Sweeper | MLMS | มี |
Mine Sweeping Boat | MSB | มี | ||
8.1.2 เรือล่าทำลายทุ่นระเบิด | เรือ ลท. | Mine Hunter | MH | |
8.1.2.1 เรือล่าทำลายทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง | เรือ ลทฝ. | Mine Hunter, Coastal | MHC | มี |
8.1.2.2 เรือล่าทำลายทุ่นระเบิดชายฝั่ง | เรือ ลทช. | Mine Hunter, Inshore | MHI | มี |
8.2 เรือวางทุ่นระเบิด | เรือ วท. | Mine Layer | ML | |
8.2.1 เรือวางทุ่นระเบิดใกล้ฝั่ง | เรือ วทฝ. | Mine Layer, Coastal | MLC | ไม่มี |
8.2.2 เรือวางทุ่นระเบิดชายฝั่ง | เรือ วทช. | Mine Layer, Inshore | MLI | ไม่มี |
8.3 เรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิด | เรือ สตท. | Mine Countermeasures Support Ship | MCS | มี |
9. เรือส่งกำลังบำรุง | เรือ สก. | |||
9.1 เรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ | เรือ สกญ. | Replenishment Ship, Large | AOR (H) | มี |
9.2 เรือส่งกำลังบำรุงขนาดกลาง | เรือ สกก. | Replenishment Ship, Medium | AOR (L) | ไม่มี |
9.3 เรือส่งกำลังบำรุงขนาดเล็ก | เรือ สกล. | มี | ||
9.4 เรือน้ำมัน | เรือ นม. | Oil Barge | YO | มี |
Gasoline Barge | YOG | มี | ||
9.5 เรือน้ำ | เรือ น. | Water Barge | YW | มี |
10. เรือลากจูง | เรือ ลจ. | |||
10.1 เรือลากจูงขนาดใหญ่ | เรือ ลจญ. | Harbour Tug, Large | YTB | มี |
10.2 เรือลากจูงขนาดกลาง | เรือ ลจก. | Harbour Tug, Medium | YTM | มี |
10.3 เรือลากจูงขนาดเล็ก | เรือ ลจล. | Harbour Tug, Small | YTL | มี |
11. เรือลำเลียง | เรือ ลล. | |||
11.1 เรือลำเลียงทหาร | เรือ ลลท. | Personnel Transport | AP | มี |
11.2 เรือลำเลียงพัสดุ | เรือ ลลพ. | Light Cargo Ship | AKL | ไม่มี |
11.3 เรือเสบียง | เรือ ลลส. | Store Issue Ship | AKS | มี |
12. เรือสำรวจ | เรือ สร. | |||
12.1 เรือสำรวจขนาดใหญ่ | เรือ สรญ. | Oceanographic Research Ship | AGOR | มี |
12.2 เรือสำรวจขนาดเล็ก | เรือ สรฝ. | Surveying Ship, Coastal | AGSC | มี |
13. เรือพี่เลี้ยง | เรือ พล. | |||
13.1 เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ | เรือ พลด. | Submarine Tender | AS | ไม่มี |
14. เรือช่วยรบอื่นๆ | ||||
14.1 เรือกู้ซ่อม | เรือ กซ. | Salvage Ship | ARS | ไม่มี |
14.2 เรือช่วยเหลือผู้ประสบภัย | เรือ ชภ. | Salvage and Rescue Ship | ATS | มี |
14.3 เรือพยาบาล | เรือ พย. | Hospital Ship | AH | ไม่มี |
14.4 เรือโรงงาน | เรือ รง. | Repair Ship | AR | ไม่มี |
14.5 เรืออู่แห้ง | เรือ อห. | Floating Dry Dock | AFD | ไม่มี |
15. เรือใช้ในกิจการพิเศษอื่นๆ | ||||
15.1 เรือขจัดคราบน้ำมัน | เรือ คม. | Pollution Control Vessel | ไม่มี | |
15.2 เรือขุดลอก | เรือ ขล. | Dredger | YM | ไม่มี |
15.3 เรือใช้งานเครื่องหมายทางเรือ | เรือ งคร. | Navigation Aids Service Ship/Buoy Tender | ABU | มี |
15.4 เรือฝึก | เรือ ฝ. | Training Ship | AX | ไม่มี |
15.5 เรือพระที่นั่ง | Royal Yacht | YAC | มี |
ดูเพิ่ม
- รายชื่อผู้บัญชาการทหารเรือไทย
- รายนามเสนาธิการทหารเรือ
อ้างอิง
- ธงทั้งสองอย่างนี้นับเป็นคนละธง แต่ลักษณะของธงตามที่บรรยายไว้ในพระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 นั้น เป็นลักษณะอย่างเดียวกัน
- พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551
- "พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2552" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. 30 มีนาคม 2552. สืบค้นเมื่อ 22 สิงหาคม 2553. Check date values in:
|accessdate=, |date=
(help) - มาตรา 4 (8) แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497
- มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ กองทัพเรือไทย